ใส่"โต๊ป"ไปในทางเส้นเก่า (2)
หลังละหมาดแรก รุ่งเช้าอบูบักรแวะเวียนเข้ามาที่ห้องพัก ถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง ผมว่าผมหลับสบายดี อบูบักรบอกเดี๋ยวราว เจ็ดโมงกว่าจะมีรถตู้ไปส่งที่มักกัรไรวิน อบูบักรบอกเดี๋ยวไปทานอาหารเช้าที่ด้วยกัน ในห้องครัวของมัสยิด ชาปากีถูกรินใส่ถ้วย มีโรตีแผ่นใหญ่วางอยู่ในถาดขนาดปานกลาง ในห้องครัวผมนับหัวคนที่มาร่วมวงได้ประมาณสิบคนไม่รวมอบูบักร อบูบักร บอกจะมีสามคนที่จะไปมักกัรร่วมกับผม เขาถามถึงการทำงานศาสนาของผม ผมยิ้มบอกไปว่า ผมเป็นมูอัมลัฟ เพิ่งรับอิสลามได้ไม่ถึงปี เขาทำท่าตื่นเต้นสนใจขึ้นมาทันที ผมบอกเหตุผลบางอย่างไป อบูบักรบอกทีแรกไม่เชื่อว่า ผมจะเป็นมุสลิมใหม่ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ไว้เคราอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ผมบอกอบูบักรไปว่า ผมรับอิสลามตอนหลังสึนามินี่แหละ
อบูบักรทำทีท่าอยากรู้สาเหตุให้ได้ เขาบอกผมว่า ส่วนใหญ่คนที่เข้ามารับอิสลาม รับเพราะการแต่งงาน ผมยิ้ม ผมบอกว่า ก่อนหน้าผมทำงานด้านสิ่งแวดล้อม แล้วก็งานส่วนใหญ่ที่ผมทำมาเกือบสิบกว่าปีอยู่แต่ในชุมชนมุสลิมทางภาคใต้ของไทย ผมถามเขาว่า เคยไปเมืองไทยหรือเปล่า เขาส่ายหน้า เขาบอกว่า สักวันหนึ่ง อัลลอฮ์คงเลือกเขาไปงานศาสนาที่เมืองไทย เขาบอกช่วยดุอาร์ให้เขาด้วย ผมยิ้มมองหน้าเขา เขาให้ผมเล่าต่อ ท่าทางเขาจะสนใจมาก
แต่นั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมักจะถูกถามถึงสาเหตุในการเข้ารับอิสลาม ผมเล่าถึงตอนสึนามิถล่มหมู่บ้านที่ผมทำงาน หมู่บ้านหายไปทั้งหมู่บ้าน แม้แต่บ้านหลังที่แข็งแรงที่สุดที่ผมมักไปนอนเป็นประจำ ผมไม่รู้ด้วยว่าเพราะอะไรในคืนก่อนเกิดเหตุ ผมจึงไม่ลงไปนอน เพราะปกติผมจะนอนที่แพปลาบ้านของเพื่อน ทั้งตอนรุ่งเช้าก่อนเกิดเหตุการณ์ผมคะยั้นคะยอชาวบ้านอีกคนว่า ผมอยากออกไปตกปลาสักครั้ง แต่ชาวบ้านคนนั้นบอกว่า ค่อยไปคราวหน้าดีกว่า ผมรู้สึกเคืองเขานิดหน่อย แต่หลังจากนั้นไม่ถึงสามชั่วโมง เหตุการณ์ที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงชีวิตก็เกิดขึ้น ผมจำได้ตอนเช้าข่าวช่อง 7 รายงานว่ามีแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงหาดใหญ่ ตอนนั้นผมก็ยังไม่เอะใจอะไร อีกไม่นานนักข่าวช่อง 7 ยังรายงานถึงจุดเกิดเหตุที่อินโดนีเซีย แต่เป็นข่าวสั้นๆ หหลายชั่วโมงต่อมา มีรายงานว่า แถวภูเก็ตน้ำขึ้นลงผิดปกติ
ผมกลับไปที่สำนักงาน ที่นี้แรงสั่นสะเทือนทำให้ผมรับรู้ได้เพราะเพดานในห้องนอนที่สำนักงานสั่น ผมออกไปถามชาวบ้านห้องข้าง รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกไหม? เขาบอกรู้สึกเหมือนกัน แต่นั่นก็ไม่ได้มีข่าวอะไรเพิ่มเติม..
อบูบักรยังสนใจในสิ่งที่ผมเล่า แต่ทว่าใกล้เวลารถจะมารับแล้ว ผมยกถ้วยชาปากีขึ้นดื่ม ก่อนบอกอบูบักร ผมอยากเติมชาร้อนอีกสักถ้วย อบูบักรยิ้ม บอกให้ผมกินโรตีโอ่งมากๆ หน่อย ผมส่ายหัวบอกไม่ไหว แผ่นมันใหญ่ ผมกินแค่เสี้ยวของแผ่นก็รู้สึกอิ่มแล้ว ผมไม่ได้เล่าอะไรต่อ ผมบอกว่า ผมสะเทือนใจมากที่เห็นคนตายมากมายในวันนั้น มีหลายคนที่ผมมักคุ้น หลายคนที่ผมเก็บศพพวกเขามากับมือ เป็นเวลาหนึ่งเดือนที่ผมจมอยู่หล่มความโศกเศร้า
ผมยังจำได้ในวันที่ 25 มกราคม 2548 ช่วงเย็นผมไปที่บ้านผู้อาอวุโสของหมู่บ้านที่เป็นบิหลั่น ผมบอกว่าผมจะรับอิสลาม บิหลั่นทำหน้างงๆ แบบไม่แน่ใจ ผมบอกว่า ที่พุดไปเป็นความปรารถนาจริงของผม บิหลั่นบอกว่า งั้น พรุ่งนี้ดีไหม? ผมบอกว่าได้ แต่ผมรู้สึกว่ากระวนกระวายใจ วันนั้นผมเก็บศพสามศพ เป็นศพเด็กที่ผมเคยเล่นด้วยในหมู่บ้าน เวลาที่ผ่านมาเกือบเดือนทำให้สภาพศพเป่งพองจนไม่สามารถจำอะไรได้ แต่ญาติๆ ก็จำได้
แล้ววันต่อมานั่นแหละ ผมจึงได้ทำการกล่าว "กาลีมะฮ์" เข้ารับอิสลาม ที่บ้านของคอเต็บ มีบิหลั่น อิหม่าม แล้วก็ชาวบ้านที่เข้ามาแสดงความยินดี มาร่วมเป็นพยานอีกกว่าสามสิบคน ผมรู้สึกตื่นเต้นในจำนวนคนที่มานั่งร่วมวง คอเต็บสั่งชาร้อนมาเลี้ยงคนที่มาร่วม ผมแอบปากเช็ดที่ขอบตาที่ร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก ผมก้มหน้าเก็บใบหน้าที่บางอย่างกำลังไหลริน...