Skip to main content

1_9_01

 

http://am.fenixz.net/song/20/0201.html


ขอแนะนำเพลงของคุณจรัล มโนเพ็ชร อีกหนึ่งเพลงค่ะ เนื่องในวาระครบรอบวันจากไปของเขา 3 กันยายน 2544 เพลงนี้ชื่อเพลงสัญญา คุ้น ๆ ว่าเคยอ่านที่ไหนสักแห่งถ้าจำไม่ผิดคุณมานิด อัชวงศ์ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณจรัล บอกว่า เพลงสัญญาคือภาค 2 ของเพลงรางวัลแด่คนช่างฝัน (ถ้าผิดขออภัยค่ะ) เป็นอีกบทเพลงหนึ่งที่ชอบอารมณ์เพลง และเนื้อหาที่อหังการ์ในความเหงา ปลอบใจ และให้กำลังใจผู้คน ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกว่าเสียงคุณจรัลมีสีฟ้า และกว้างเหมือนท้องฟ้า

1_9_02

สัญญากับฟ้าคราม เมื่อยามที่เธอเหงา ไร้เงาคนปลอบขวัญ

ว่าเธอจะฟันฝ่า เพียงคลายความขื่นขม ระทมอ่อนล้า สัญญาไม่ถดถอย

 

ลมพัดมาอีกแล้ว หลังจากสงบไปพักหนึ่ง คราวนี้แรงขึ้นเรื่อย ๆ คนชอบรับลมอย่างฉันมีอันต้องขยับเนื้อขยับตัวหลบแรงลมบ้างเหมือนกัน เพราะคราวนี้ลมมาหลายสายเหลือเกิน แต่ละคนก็รับลมต่าง ๆ กันไป

 

1_9_03

สัญญากับแสงดาว เมื่อคราวที่ใจช้ำ ไร้คำพูดต่อใคร

ว่าเธอจะไม่ปล่อย ดวงใจที่ใฝ่ฝัน ให้มันหลุดลอย เพราะรอคอยเกินไป

 

สำหรับฉันคิดว่าเมื่อเราอยู่ใต้ฟ้า เราก็ไม่ควรกลัวฝน ในกระแสลมเราก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของลม แม้ว่าพายุฝนบางครั้งอาจจะเป็นไต้ฝุ่นหรือทอร์นาโดที่พร้อมจะพัดพาให้มนุษย์ใต้ฟ้าพังพินาศไป ความรู้เท่าทันกระแสลมอย่างมีสติและใช้ปัญญาในการอยู่กับลม ก็น่าจะประคับประคองชีวิตไปจนกว่าพายุจะพัดผ่านไปได้

 

แต่ผู้อยู่เหนือลมต่างหากที่ลอยตัว เมื่อพายุสงบพวกเขาก็ยกแก้วขึ้นดื่ม มองดูประชาชนที่โซซัดโซเซอยู่กลางซากปรักหักพังหลังพายุสงบ…อาจจะถอนหายใจนิดหน่อย

 

1_9_01

กับชีวิตที่ผ่าน ร้าวรานเพียงใด สู้ทนมาได้ แล้วใยต้องกลัว

ความลำเค็ญความปวดร้าว ความเลว ความชั่ว

ใช่ว่าจะเกลือกกลั้ว เปื้อนไปถึงใจ

 

ฉันไม่ชอบฝืนฟ้าฝืนฝนและไม่ฝืนคนเช่นกัน เพราะฉะนั้นฉันไม่มีปัญหาถ้าใครจะชมชอบลมแบบไหน จะค่อยเป็นค่อยไปแบบลมโชย หรือจะไปแบบพายุพัดก็ต้องยอมรับว่ามีลมกระแสหนึ่งที่พัดพาเราไป นั่นคือลมกระแสใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวกัน

 

ลมที่ไม่เห็นด้วยเมื่อพยายามฝืนกระแสก็ต้องเหนื่อยหนักเป็นธรรมดา กลางพายุใหญ่นี้ ลมที่ไม่ใช่ลมกระแสหลัก ก็พยายามรวบรวมตัวเองให้เป็นกระแสใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ บางลมเป็นลมบริสุทธิ์ มาด้วยความคิดและหัวใจแท้ ๆ ของตัวเอง ลมอีกส่วนหนึ่งเป็นลมซื้อมา แม่ของฉันมีคนมาชวนไปรับลมบนสะพาน มีรถมารับถึงบ้าน มีเงินให้คนละสองพันบาท เป็นเรื่องที่น่าเสียใจนัก ว่ากลางกระแสลมนี้ไม่ว่าจะเป็นลมดี ๆ หรือพายุร้ายก็เลือกใช้วิธีการซื้อลม

 

1_9_05

สัญญากับฟ้าคราม เมื่อยามเธอเหน็บหนาว สัญญากับแสงดาว

ว่าเธอคือคนใหม่ ดวงใจที่ใฝ่ฝัน ให้มันสดใส พร้อมใจจะสัญญา.

 

ฉันพึมพำกลางสายลมอันว้าเหว่ เพราะไม่รู้จะคุยกับใคร จะกระซิบบอกเพื่อนที่เป็นลมบริสุทธิ์ ก็พูดไม่เต็มปาก กลัวเขาผิดหวังในเพื่อนผู้ถือเงิน อีกทีก็กลัวใจว่าเขาอาจมองข้ามวิธีการนี้ไปแล้ว เพราะมองว่าขอให้จับหนูได้เถอะ จะเป็นหมาหรือเป็นแมวก็ไม่สนใจ วิธีไหนก็ตามจับหนูฆ่าให้ตายไปกับสายลมได้ ไม่เป็นบาป เหมือนที่คนถือเงินคิด

 

1_9_06

ฉันอาจกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวเมื่อฝันถึงลมสงบอันแผ่วเบา

ควรค่าแก่การคารวะถึงโลกอันสงบสุข

 

ฉันอาจกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเมื่อคิดว่าครรลองของกระแสลม

จะพัดพาสิ่งที่ถูกต้องมาให้ และพัดพาสิ่งเลวร้ายออกไป

ฉันรอลมพัดผ่านได้

 

ดินแดนที่แสนสงบสุขเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งนี้

จะมีที่ว่างและที่ยืนสำหรับความหวังถึงสายลมแผ่วเบาและอ่อนโยน

ต่อประชาชนที่ร้อนอบอ้าวบ้างไหมนะ

 

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
  แผนการเดินทางครั้งนี้เริ่มจากการคุยเรื่องทำหนังสือไกด์บุ๊คของฉันกับน้องแอน น้องแอนเธอเพิ่งกลับจากหลวงพระบางมา เธอไปอยู่ 15 วัน และรู้สึกประทับใจประกอบกับเธอมีสต๊อครูปในมือ และข้อมูลจำนวนหนึ่ง ความที่ฉันชอบจับแพะชนแกะอยู่แล้ว นึกขึ้นมาได้ว่า มีเพื่อนอีกคนเคยบอกให้ทำไกด์บุ๊คหลวงพระบาง อิฉันเลยจับเพื่อนชนน้อง แต่น้องแอนบอกว่าทำคนเดียวว้าเหว่เกินไป จึงชวนอิฉันทำด้วยกัน ช่วยกัน ทั้งเรื่องข้อมูลและภาพถ่าย โดยน้องแอนจะเน้นทำภาษาอังกฤษ
โอ ไม้จัตวา
 
โอ ไม้จัตวา
  เมื่อคืนดูรายการเดอะ สตาร์ ปีหก หลังจากที่เป็นแฟนติดตามดูการแข่งขันมาตั้งแต่ปีที่สอง ชอบลุ้นเหมือนพนันกับตัวเองว่าใครจะได้และใครจะดัง ปีนี้เป็นปีที่หก นักร้องแต่ละคนหน้าตาดีเป็นส่วนใหญ่ เมื่อคืนมีแขกรับเชิญคือน้องแก้ม นักร้องที่ได้รับรางวัลชนะเลิศปีที่แล้ว เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้
โอ ไม้จัตวา
  ประโยคชื่อเรื่องนั้นเป็นคำพูดคำแรก ๆ ที่ใช้สอนหนังสือ เวลาสี่เดือน ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ วันละชั่วโมง เนื้อหาทั้งหมดทั้งมวลสรุปได้ประโยคเดียวคือ ภาษาเป็นเครื่องมือของการสื่อสาร คนส่งสารจะใช้ภาษาอย่างไรนั้น มีหลายอย่างเป็นปัจจัย
โอ ไม้จัตวา
  ผู้หญิงเศร้ามักจะสวย ลองสังเกตดูสิ เป็นความสวยแบบลึกซึ้งหรืออาจเรียกได้ว่า”งาม”  เป็นความงามที่ฉายออกมาทางความรู้สึก  ผู้หญิงที่กำลังมีความรักในระยะเริ่มต้น ก็มักจะสวยเช่นกัน ความสุขจะฉายออกมาทางแววตาวิบ ๆ  ละอองของความสุขดูจะเป็นสีสันที่มองไม่เห็น เปล่งออกมาจากทุกอณูความรู้สึก
โอ ไม้จัตวา
    ชอบคำนี้ “คนขายโชค” เป็นภาษาลาวใช้เรียกคนขายลอตเตอรี สังเกตว่าคนขายโชคในเมืองไทยมักถามคนซื้อมา เอาโชคไหม เอารางวัลสักใบไหม แต่ฉันไม่ซื้อสักทีเพราะไม่เคยมีโชค ไม่ว่าจะทางซื้อหรือทางขาย ป้าที่เห็นในรูปนี้ขายโชคอยู่ที่หน้าศาลเจ้าหลังตลาดวโรรส ดูรอยยิ้มของเธอแล้วรู้สึกว่าเธอเป็นคนมีโชค
โอ ไม้จัตวา
      ช่วงนี้จำศีลหลบลมร้อนที่บ้านด้วยการช็อปหนังราคาถูกจากฝั่งพม่าท่าขี้เหล็กมาดู เริ่มจากซีรี่หนังเรื่องเฟรนด์ ที่ดูเป็นครั้งที่ 2  
โอ ไม้จัตวา
  เจ้านายเก่าคนหนึ่งเคยพูดถึงทางออกในชีวิตเมื่อครั้งที่เขาประสบปัญหา ที่ทุกคนคิดว่า “ทางตัน” เขาบอกว่า ถ้าสถานการณ์ขังเขาไว้ในห้อง แล้วล็อคกุญแจ อย่าคิดว่าเขาไม่มีทางออก เพราะถ้าประตูปิดเขาก็จะเปิดหน้าต่างแล้วปีนออกไป ฟังดูดีหากห้องนั้นมีหน้าต่าง  
โอ ไม้จัตวา
  ลมหนาวมาพร้อมกับสัญญาณบอกว่าดอกไม้หลากสีได้เวลาเบ่งบานอีกแล้ว เดือนพฤศจิกายนคือฤดูกาลดอกบัวตองสีเหลือง หากมีเวลาฉันก็ไม่รอช้าที่จะไปเยี่ยมเยียนภูเขาสีเหลืองสุดลูกหูลูกตาที่ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน นอกจากดอกไม้ยามเช้าแล้วสิ่งที่น่าสัมผัสมากที่สุดสำหรับการเยือนที่นี่คือการดูดาวยามค่ำคืน กลางขุนเขาที่มีแสงสว่างเพียงน้อยนิด ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับการดูดาว แผนที่ดูดาวช่วยให้การดูดาวสนุกมากขึ้น
โอ ไม้จัตวา
  ลมหนาวมาแล้ว ปีนี้อากาศผันผวนจนหลายคนป่วยไข้ แมวในบ้านนอนกกกันรับความอบอุ่น บ่ายวันนี้ฉันขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ชุมชนเล็ก ๆ ในหุบเขาสูงชันที่อำเภอสันกำแพง ชื่อว่าบ้านแม่กำปอง หมู่บ้านโฮมสเตย์ที่มีการจัดการโดยชุมชนอย่างดี ฉันไม่เคยมาที่นี่ จึงชวนเพื่อนที่เคยมาบ่อย ๆ มาด้วย เธอบอกว่าครั้งแรกเธอขับรถเล่นกับสุนัขตัวโปรดของเธอ ขับรถเล่นถึงแม่กำปองเนี่ยนะ!
โอ ไม้จัตวา
  เช้าวันหนึ่ง...อากาศสดใส เพื่อนชวนไปหาหลินปิง รับปากโดยเร็ว หลังจากที่แอบดูสองแม่ลูกทางอินเตอร์เน็ตอยู่นาน หลินปิงโตขึ้นเยอะ ดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ หลินฮุ่ยยังหวงห่วงลูกดูแลอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะวันนี้ ผู้มาเยือนเป็นเด็กเล็ก ๆ จำนวนสองร้อยคน ทำให้ผู้คนแออัด เมื่อถึงเวลาออกมาเดินเล่น เด็ก ๆ กรี๊ดกร๊าดมีเสียงพอสมควร ทำให้หลินฮุ่ยไม่ยอมออกมาตรงบริเวณกลางสวน หลินปิงก็พาลไม่ยอมออกมาด้วย  
โอ ไม้จัตวา
  ไปขุนช่างเคี่ยนคราวนี้ผิดหวังกับสภาพอากาศที่ทำให้ดอกไม้บานน้อยไปนิด ได้ภาพนี้มาแทนใจได้หน่อยนึง ไปถึงยามเช้า นักท่องเที่ยวที่กางเต็นท์นอนที่นั่นกำลังก่อกองไฟ จุดที่เรายืน ควันไฟ แสงอาทิตย์ มาบรรจบกันพอดี มุมนี้ถ่ายมาหลายรูป แต่ได้เพียงรูปเดียว เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการถ่ายภาพ บางครั้งกดชัตเตอร์ฟุ่มเฟือยมาก แต่ได้ภาพเพียงภาพเดียว