Skip to main content

หลวงน้ำทาเป็นเมืองที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นไทลื้อ ไทดำ ม้ง มูเซอ เย้า ฯลฯ

ขณะตระเวนถ่ายรูปรอบ ๆ เมืองหลวงน้ำทาอยู่นั้น ทางคณะก็เปลี่ยนกำหนดการกะทันหันเนื่องจากคนเมืองบางกอกเกิดอาการสมาธิสั้น รู้สึกว่าไม่มีอะไรทำ จึงลดกำหนดการสัมมนากลุ่มในภาคบ่ายลง และพาเราไปเมืองสิงห์แทน น้องศรบอกว่าควรทำเช่นนี้เพราะระยะทางจากหลวงน้ำทาไปเมืองสิงห์นั้น แม้ว่าจะเพียง
60 กม. แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางถึงสองชั่วโมง เนื่องจากสภาพพื้นผิวถนนไม่ค่อยดีนัก


เข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ไปสองชั่วโมง กลับสองชั่วโมง ไม่มีห้องน้ำ”  อื้อหือแม่เจ้าประคุณรุนช่อง ทำไมเป็นทัวร์โหดแบบนี้ ฉันตัดสินใจชั่วนาทีว่าไปก็ไปวะ เข้าห้องน้ำเสร็จฉันก็เริ่มต้นอดน้ำทันที สองชั่วโมง มนุษย์ดื่มน้ำอย่างฉันนั่งรถอย่างทรมานยิ่งนัก คอแห้งผาก ทำได้เพียงนาน ๆ จิบน้ำสักครั้ง เนื่องจากกลัวการอั้นปัสสาวะ แต่เส้นทางไปเมืองสิงห์รื่นรมย์จนลืมหิวน้ำ


ถนนลาดยางแคบ พื้นถนนสภาพไม่ดีนัก ทำให้ขับได้ช้า เส้นทางลัดเลาะเข้าไปในภูเขา สองข้างทางยังมีต้นไม้ ป่าไม้สมบูรณ์ มีธารน้ำใสขนาบไปกับแนวถนน น้ำใสจนมองเห็นก้อนหินใต้น้ำในบางช่วง แดดยามบ่ายส่องลอดต้นไม้ครึ้ม มีผู้คนตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นระยะ บางบ้านเป็นเย้า บางบ้านเป็นไทดำ


เมืองสิงห์เป็นศูนย์กลางของชาวไทลื้อในย่านนี้ ภาษาพูดของพวกเขาเป็นภาษาลาวมีการเปล่งเสียงบางคำคล้ายภาษายอง เราใช้เวลาสองชั่วโมงก็ออกจากภูเขาสู่พื้นที่ราบลุ่มของเมืองสิงห์ ทุ่งข้าวสีเหลืองทอง แดดบ่ายแรงสลับกับฝนบางช่วง บรรยากาศร้อนแล้งชวนให้นึกถึงนิทานคอมมิวนิสต์ที่ฟังมาตั้งแต่เด็ก ว่าถ้าใครดื้อจะถูกคอมมิวนิสต์จับไปสัมมนาที่ลาว ตามเรื่องเล่านั้นกล่าวถึงการสัมมนาได้น่ากลัวสำหรับเด็ก ๆ ยิ่งนัก ว่าถ้าใครหัวแข็งไม่เชื่อฟังจะถูกจับฝังทั้งเป็น ตัวอยู่ในดิน หัวโผล่ขึ้นมาอยู่กลางทุ่งนาแห้งแล้ง ต้องหิวและกระหายน้ำปางตาย


แต่ทุ่งนาตรงหน้าสีเหลืองทอง มีผู้คนทำงานกลางทุ่ง มีวัวควายกินหญ้าอยู่ห่าง ๆ และเดินกลับบ้านยามเย็น อาบน้ำอาบท่าที่ริมธารน้ำใสมองเห็นได้จากบนรถ


ในโลกแห่งความ ”ไม่มี” ทำไมเต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้ 

ฉันมองภาพแล้วภาพเล่าที่ผ่านไปตรงหน้า ทำไมหญิงชราเปลือยอกอาบน้ำข้างถนนไม่อาย ทำไมชายหนุ่มนุ่งกางเกงในตัวเดียวอาบน้ำจากที่อาบน้ำข้างถนน ทุกคนมองเห็นกันอย่างเป็นธรรมดา หรือความอายถูกฉีดเข้าเส้นหญิงไทยจนต้องปิดบัง ยิ่งปิดบังยิ่งทำให้อยากรู้อยากเห็น จนนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศมากมายตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์


ทำไมเขาทำงานหนัก แต่ดูมีความสุข เขาไม่ต้องขับรถ ไม่ต้องมีมือถือ น้องศรบอกว่าคนลาวจน แต่เขามีความสุข เพราะรู้ตัวว่าจน จึงปิดความอยากเสียหมด ก็จนน่ะ คนจนจึงตื่นเช้าออกไปทำนาทำไร่ เย็นมาก็กลับบ้านอาบน้ำ นอน เป็นวัฏจักรเช่นนี้ทุกวัน เขาไม่มีเงินแต่เขามีอาหารกิน


เมืองสิงห์เป็นเมืองท่องเที่ยว มีการจัดการด้านการท่องเที่ยวอย่างดีจากหน่วยงานหนึ่งของเยอรมันที่เข้ามาทำงานที่นี่ เมื่อรถทัวร์จอด ก็จะมีกลุ่มเด็ก ๆ กรูเข้ามาขายผ้าทอ มีทั้งผ้าพันคอ เตี่ยวสะดอ และผ้าถุง เราแวะที่สำนักงานการท่องเที่ยวเมืองสิงห์ เจ้าหน้าที่สาวกำลังให้นมลูกอยู่กับอก มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งคุยอยู่ที่เคาน์เตอร์ ฉันเข้าไปขอข้อมูล ระหว่างคุยกันมือหนึ่งเธอประคองคอลูกน้อยไว้ อีกมือหนึ่งก็ค้นหาเอกสารให้ฉัน เมื่อคนเข้ามาเยอะเธอหยุดให้นม กลัดกระดุมเสื้อ เดินมาคุยกับพวกเรา


ฉันชอบสถาปัตยกรรมที่นี่ บ้านเรือนของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การให้สีดูสวยแปลกตา คณะทัวร์พาเราไปด่านชายแดนประเทศจีน ที่มีเพียงเส้นขาวแดงขีดไว้กลางถนนเท่านั้น ว่านี่จีน นี่ลาว ขีดเส้นแบ่งกันบนโลกใบเดียวกัน ฉันเดินข้ามจีนลาวไปมาหลายรอบโดยไม่มีหนังสือเดินทาง กลับจากชายแดน เราแวะตลาดเมืองสิงห์ ทำให้พบว่าแปลนของตลาดลาวเขาทำเหมือนกัน ตลาดที่นี่มีเห็ดป่าดอกใหญ่ และพืชผัก เขียงขายควายนำขาควายห้อยลงมา ใครจะซื้อก็มาชี้เอาแล้วปาดขาย ร้านขายเหล้าต้มก็ใส่ขวดวางขายกันในกาดได้อย่างเสรี


กลับจากเมืองสิงห์สู่หลวงน้ำทาอีกรอบหนึ่ง เพื่อร่วมงานเลี้ยงรับรองจากเจ้าแขวง คืนนี้ได้กินอาหารลาวคือลาบปลา ต้มยำไก่ ผัดผักรวม และไข่เจียว กับข้าวสวย


ฉันเริ่มต้นค่ำคืนสุดท้ายในลาวด้วยเบียร์ลาว ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่เป็นลาวแท้ ๆ สำหรับทริปนี้



30_06_a

เส้นทางหลวงน้ำทา-เมืองสิงห์


30_06_a1-
ทุ่งนาเมืองสิงห์


30_06_a3-
สาวน้อยมาขายผ้า


30_06_a4-
บ้านไทลื้อ

30_06_a5-
ที่ฉีดยาฆ่าเชื้อตรงชายแดน



30_06_a6-
เส้นแบ่งเขตแดน ซ้ายเป็นจีน ขวาเป็นลาว ฉันข้ามไปมาหลายรอบ


30_06_a8-
สาวน้อยมุ่งหน้าตามรถนักท่องเที่ยว


30_06_a10-
ชอบลวดลายประดับบ้าน


30_06_a12-
นี่ก็บ้านคนที่เมืองสิงห์


30_06_a13-
คนขับรถบอกว่านี่คือบ้านเมืองสิงห์แท้ ๆ แต่โบราณ


30_06_a14-
สาวน้อยขายเห็ดอยู่ในกาด


บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
  วันนี้ตั้งใจขับรถขึ้นไปที่ขุนช่างเคี่ยน เพื่อไปดูพญาเสือโคร่งประจำปีนี้ ตื่นหกโมงเช้า ฟ้ายังมืด อากาศหนาว ออกจากบ้านหกโมงครึ่ง แต่กว่าจะไปถึงแดดก็เริ่มแรงแล้ว รูปนี้ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว ก่อนถึงโค้งขุนกันต์ ดอยสุเทพ เห็นเส้นขอบฟ้าไกล ๆ ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง จึงเก็บฟ้าและเมืองได้ทั้งเมือง เชียงใหม่ยังมีมุมสวยอยู่
โอ ไม้จัตวา
  ได้เวลาออกเดินทางอีกแล้ว ช่วงนี้ดอกพญาเสือโคร่งกำลังจะบาน ต้องตามข่าวกันทุกวันว่าบานถึงไหนแล้ว เพราะจะบานเพียง 7 วันเท่านั้น ภาพชุดนี้ถ่ายเมื่อปีที่แล้ว ตื่นสายไปนิด ไปถึงแปดโมงกว่า ๆ รู้สึกว่าแดดแรงไป ปีนี้คงต้องออกจากบ้านหกโมงเช้า     แดดแรงไปนิดนึงจริง ๆ แต่เก้าอี้ที่ไร้คนนั่ง คงไม่หนาวเหน็บเหมือนอากาศตอนนี้     ข้อดีของแดดจ้า ๆ ก็ทำให้ฟ้าเป็นสีฟ้า ดอกไม้สีชมพูเต็มต้น ตัดกับฟ้าสีฟ้าโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่งของช่างภาพ คือต้องวิ่งตามแสง โดยเฉพาะแสงเช้า     ดอกบ๊วย ขึ้นอยู่ในบริเวณเดียวกัน ภาพนี้ใช้เลนส์ซูม ดึงเข้ามาใกล้…
โอ ไม้จัตวา
สัปดาห์นี้มีโอกาสได้ไปถ่ายรูปห้องพักและอาหารให้กับเรือนคำอิน บ้านไม้สักทองทั้งหลัง มีห้องพักขนาดหรูหราเพียง 3 ห้อง และเป็นร้านอาหาร (อาหารพื้นเมืองรสชาติแบบคนเมืองแพร่) ปีนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี พี่นิดเจ้าของบ้านจึงลดราคาห้องพักลงมาแบบครึ่ง ๆ ภาพที่ยกมานี้เป็นห้อง living room ของหนึ่งในห้องนอนของบ้าน ราคาคืนละ 2500 บาท พร้อมอาหารเช้าไม่ได้โฆษณานะ แต่เผื่อใครหาที่พักในเชียงใหม่ ราคานี้ก็พอ ๆ กับโรงแรมในไนท์บาซ่า แต่สบายกว่ากันเยอะเลย ห้องสูธแพงกว่านี้พันนึง มีจากุชชี่ และห้องซาวน่าในตัวด้วยค่ะขอบอก เข้าไปหาข้อมูลในกูเกิ้ลได้ค่ะ
โอ ไม้จัตวา
  คราวที่แล้วเล่าเรื่องรีทัชสายไฟออกจากภาพ คราวนี้ลองมาเล่นที่ใบหน้า ลบรอยตีนกากันบ้างดีกว่า ไม่ต้องใช้เครื่องสำอางก็สวยได้  
โอ ไม้จัตวา
สัปดาห์นี้ขอแนะนำวิธีรีทัชรูปแบบง่าย ๆ เริ่มจากโรคจิตของอิฉันเองที่ทนเห็นสายไฟรกรุงรังไม่ได้ ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในภาพ มีใครเป็นแบบนี้มั่งไหมเนี่ย เห็นไม้แขวนเสื้อกองรวมกันยุ่ง ๆ หรือสายโทรศัพท์ สายไฟ สายอะไรก็ตาม พันกันยุ่ง ๆ แล้วจะรู้สึกใจคุกรุ่นขึ้นมาเหมือนมีคนยั่วโมโห ทนไม่ได้ต้องนั่งคลาย ๆ ๆ ๆ
โอ ไม้จัตวา
โดยส่วนตัวแล้วเราโตมากับห้องมืด ตอนเด็ก ๆ ข้างบ้านเป็นร้านถ่ายรูป ฝึกล้างอัดรูปในห้องมืดที่โรงเรียน เข้ามหาลัยก็เข้าชมรมโฟโต้ ก็ได้เล่นห้องมืดต่ออีกนิดหน่อย เมื่อไม่นานมานี้ไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน บ้านที่อยู่ในรั้วเดียวกันก็ยังเป็นห้องมืดให้นักศึกษาเช่าทำงานล้างอัดรูป ชีวิตจึงวนเวียนอยู่กับห้องมืด และภาพขาวดำ (ว่าไปก็น่าทำห้องมืดไว้เล่นเองเหมือนกันนะ)  
โอ ไม้จัตวา
ภาพนี้ถ่ายด้วยความโลภ ฟ้าก็อยากได้ ก้อนเมฆก็อยากได้ ใช้เลนส์ไวด์หรือเลนส์สำหรับถ่ายภาพให้ได้มุมกว้างถ่าย เวลาขณะนั้นประมาณเที่ยง ฟ้าสีฟ้า เมฆเต็มฟ้า แดดจัดมาก ถ้าวัดแสงที่ก้อนเมฆ ข้างล่างจะมืด ถ้าวัดแสงที่ข้างล่างก้อนเมฆจะจ้ารายละเอียดหายไปเลย  
โอ ไม้จัตวา
คราวนี้ไม่ค่อยกล้าทุบกล้องเท่าไรนัก เพราะใช้ Nikon D70 ถ่ายอาหาร โดยใช้เลนส์ Macro (อ่านว่า มาโคร) คือเลนส์ที่ใช้ถ่ายวัตถุในระยะประชิดระดับ 1 เซ็นได้ พวกงาน close up ทั้งหลายมักใช้เลนส์ หรือโหมดมาโครนี้ในกล้องดิจิตอล ที่มีวิธีดูง่าย ๆ คือ ปุ่มที่เป็นเครื่องหมายรูปดอกไม้ในตัวกล้อง นั่นคือปุ่มมาโคร สำหรับถ่ายดอกไม้ใกล้ ๆ ถ่ายมด ถ่ายขี้จิ้งจก หรือถ่ายอาหารอย่างวันนี้เป็นต้น
โอ ไม้จัตวา
  คราวนี้ยกแมวที่มีสีสันตัดกันอยู่ในตัวมาให้ดู แมวที่มีสีขาว และดำ อยู่ใกล้กันแบบนี้ เวลาถ่ายภาพจะต้องระวังการวัดแสง เพราะถ้าวัดแสงที่สีดำ ส่วนที่เป็นขาวก็จะจ้าจนความละเอียดหายไป ควรวัดแสงตรงสีที่เป็นกลาง ๆ เช่นสีน้ำตาลเป็นต้น ก็จะได้ภาพที่มีสีและแสงพอดี
โอ ไม้จัตวา
ติดพันจากแมวคราวที่แล้ว ตอนทำรูปก็พบว่ามีขั้นตอนที่ไม่ยากนักในการปรับภาพในโปรแกรมโฟโต้ช็อปเอามาแนะนำกัน ภาพที่เราถ่ายนั้นบางครั้งองค์ประกอบของภาพก็ยังไม่สมบูรณ์นัก เราสามารถใช้คำสั่ง crop ในโฟโต้ช็อปได้ หรือคลิ้กที่เครื่องหมายที่เราทำลูกศรสีแดงชี้ไว้ แล้วลากที่ภาพ สร้างกรอบภาพขึ้นมาใหม่ จากตัวอย่างที่ยกมาให้ดูภาพเต็มคือทั้งหมด เมื่อเราลาก crop ส่วนที่เป็นแถบสีดำรอบ ๆ ภาพ กรอบเล็กจะหายไปเมื่อเราดับเบิ้ลคลิ้ก
โอ ไม้จัตวา
“ถ่ายภาพเด็กกับสัตว์ให้โฟกัสที่ตา” ออกจากห้องโสตทัศนศึกษา ห้องปฏิบัติการถ่ายภาพที่โรงเรียนเมื่อสมัยอยู่ม.3 แล้วก็ไม่เคยเข้าห้องเรียนถ่ายรูปที่ไหนอีกเลย เคยเข้าไปเล่นเองบ้างก๊อกแก๊กในห้องอัดของชมรมถ่ายภาพในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งได้มีโอกาสหมกตัวอยู่ที่สวนทูนอิน บ้านพักของคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นบางช่วง และมีโอกาสเดินถ่ายรูปดอกไม้ยามเช้าในสวนทูนอิน ประโยคที่ยกมาข้างบนนั้นคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ พูดขึ้นมา (จะเรียกว่าสอนก็น่าจะได้) เมื่อชี้ให้ดูภาพแมวที่เขาถ่ายและใส่กรอบติดไว้ที่ผนังบ้าน    
โอ ไม้จัตวา
  แสงแดดมีความสำคัญต่อการถ่ายภาพอย่างยิ่ง เพราะเป็นแสงจากธรรมชาติ ทำให้ภาพมีมิติ มีเงา แต่ก็ต้องเลือกเวลาเช่นกัน อย่างที่บอกในชื่อเรื่องว่า แสงแรกและแสงสุดท้าย แสงแรกนั้นคือ แสงแดดยามเช้าจนถึงสาย ๆ น่าจะประมาณ 8.30 น. และแสงสุดท้ายของวัน คือประมาณ 4-5 โมงเย็น เป็นช่วงเวลาที่พอดีที่สุดในการถ่ายภาพ