ความเรียบง่ายมีแรงดึงดูดที่ลี้ลับ |
กลับคืนสวนบนเนินเขา,อีกครั้ง
ในเวลาย่ำเย็น ตะวันลับดอยไปนานแล้ว
ชีวิตไม่สนใจกาลเวลา,นกป่ายังคงเริงร่าบนกิ่งไม้
ขนกล้าไม้ลงจากท้ายกระบะรถ
ก้มหยิบจอบที่ซ่อนซุกอยู่ใต้ถุนบ้าน
หอบกระถางดอกไม้วางในตำแหน่งที่เหมาะสม
ขุดหลุมปลูกมะลิ แก้ว ชวนชม โมก หอมหมื่นลี้ ตรงหน้าบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ
แยกหน่อแยกกอไผ่เลี้ยงลงริมขอบรั้วด้านทิศเหนือเอาไว้กันลมแรง
ทำงานไป หยุดพักไป ปาดเหงื่อกับท่อนแขนเสื้อเปียกชื้นเย็น
หยุดจ้องมองไปเบื้องหน้า...ภูเขายังคงเขียวคราม ลมค่ำยังพัดไหว
เบื้องล่างต่ำลงไป ทุ่งนายังงามงดสดสียอดตองของกล้าข้าว
เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไต่เนินเขาดังแว่วมาแต่ไกล
ใช่แล้ว, พ่อมาเอาอาหารอ่อยให้หมูที่เลี้ยงไว้ในคอกเล้าในสวน
ดูสิ, ใบหน้า ดวงตา รอยยิ้มของพ่อวัยเจ็ดสิบกว่า
ยังคงเจิดจ้าฉายแววความหวังและมีเมตตาอยู่อย่างนั้น
อยู่กับความสุข ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตอง
นั่งอยู่บนขอนไม้ หั่นหยวกกล้วยอยู่ใต้ถุนบ้าน
มีหมานอนหมอบอยู่ข้างกายพ่อ
เพียงครู่เดียว ก็หยิบหยวกกล้วยผสมแกลบรำ
คนคนกับน้ำก่อนหิ้วถังไปเทใส่รางอาหารในคอกหมูกินอย่างมูมมาม
แม่ไก่ของเพื่อนบ้านวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
และเจ้าหมาก้มกินเศษอาหารที่กระเด็นอยู่รายรอบเล้า
มองกี่ครั้ง กี่ครั้ง,ทุกชีวิตล้วนเป็นบทกวี
ที่เคลื่อนไหวเต้นย่างไปมา
นั่น,ดอกสักขาวโปรยร่วงพราว
ยามสายลมโชยพัดมา
ก่อนฝนมาเยือน.