Skip to main content

 


 ชุมพล เอกสมญา ลูกชายคนโตของ จ่าสมเพียร เอกสมญา ที่บอกเล่าความรู้สึกผ่านเพลง ผ่านสื่อ นั้นสะท้อนอะไรบางสิ่ง เต็มด้วยความจริงบางอย่าง ทำให้ผมอยากขออนุญาตนำมาเรียบเรียงเป็น บทกวีแคนโต้ ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสานต่อความคิดและรำลึกถึงคุณพ่อสมเพียร เอกสมญญา ที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นว่า...

...แต่ผมจะไม่ตาย
เพราะงานยังไม่จบ
ตายไม่ได้
!!”

 

 

พ่อคือความแข็งแรง                                                                                                          
ร่างกายพ่อใหญ่กว่าผมครึ่งหนึ่ง                                                                                                   
ในส่วนของกระดูก  


ท่านเป็นคนเหมือนดุแต่ขี้เล่น                                                                                                 
ตลก ขำ
แต่เวลาจริงจังอย่าเข้าใกล้

กลัวพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็รักพ่อนะ                                                                                          
พ่อเคยพาผมขึ้นขี่คอไปดูหนังแบกไปเป็นกิโลๆ เลย                                                                
แข็งแรงมากๆ


พ่อเป็นคนตวาด
เพราะโดนระเบิดแล้วหูซ้ายดับ
มีหูไว้ฟังเสียงข้างเดียว
                                                                                                           

15 วันผมเสียพ่อครั้งหนึ่งนะ
เขาเรียกเพียรขาเหล็ก  
เพราะแกชอบลาดตระเวน

วันเกิดพ่อก็ให้ของขวัญเป็นแพะตัวหนึ่ง                                                                                           
ไม่เหมือนใครเลย
มันเป็นภาพความทรงจำที่ผมประทับใจ


บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน
ในวัยเยาว์นั้น พ่อซื้อแพะให้ฉันหนึ่งตัว
แพะโง่ๆ หนึ่งตัว


มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป
มองไปทางซ้ายก็เพื่อนเรา
มองไปทางขวา เราเป็นเพื่อนกัน


สมัยก่อน,เด็กพุทธ-มุสลิม เดินด้วยกัน
อันตรายจากสัตว์ยังมากกว่าคนเลย
แต่ทุกวันนี้ มันไม่เหมือนเก่า

มันไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย
แม่บอกว่าคนที่ก่อการเป็นเพื่อนผมทั้งนั้น
มันน่าเศร้าที่เราเติบโตมาด้วยกัน

ธรรมชาติคนที่นี่
เขากลัวคนจริง
ใครทำจริงเขากลัว


ผมเทียบภาพ 3 จังหวัดเหมือนเป็นหมากับเห็บ
เห็บมาดูดเลือดหมา แล้วก็ออกลูกหลาน
ดูดจนหมาผอมโซอยู่ทุกวันนี้

บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน ในวัยเยาว์นั้น
หอนาฬิกาโบราณ หอนาฬิกาโบราณ
นาฬิกาตาย นาฬิกาตาย


สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
ใครได้ประโยชน์
ถ้าไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ

ถ้ามีอำนาจ
ผมจะจ้างโจรไม่ให้เป็นโจรก็ได้ 
เลี้ยงโจรดีกว่าให้โจรเลี้ยงอยู่แล้ว


สไตล์พ่อ สร้างมิตรดีกว่าทำตัวเป็นศัตรู
แกพูดเสมอว่าเราต้องเป็นฝ่ายรุก
นอกจากรุกทางปราบแล้วยังต้องรุกทางมวลชนด้วย


พ่อมีเทคนิค
ที่รัฐบาลไทย
อ่านไม่ขาด         


แม้โลกนี้เราล้างไฟด้วยไฟ ล้างไฟด้วยไฟ
มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป
ฉันก็ยังหวังนะ

ฉันก็ยังหวังดี
ว่าเราจะเป็นน้ำดับไฟ
เป็นน้ำดับไฟ..เป็นน้ำดับไฟ"

ถ้าเรามอง
ปัญหาจุดเล็ก
แล้วมันจะสะท้อนจุดใหญ่ได้         


แต่การได้หัวใจประชาชน
มันต้องเป็นน้ำดับไฟไม่ใช่เหรอ
ต้องใช้น้ำใจช่วยยืดหยุ่นไม่ใช่เหรอ


พอมองปัญหาในบันนังสตา
ตอนนี้ที่กำลังทำอยู่มันเป็นการล้างไฟด้วยไฟ
เขาก็ล้างไฟกลับมา


มองสะท้อนไปอัฟกานิสถาน มองไปเลบานอน
เหมือนกันทั้งโลก
ใครๆ ก็ล้างไฟด้วยไฟ


คิดว่าท่านจะกลับมาอยู่ด้วยกัน สงบๆ
ทำสวนยาง
เป็นคนแก่ปลูกต้นไม้

ผมเสียใจที่มันไม่มีความเป็นธรรม
คนเราให้กันตอนเป็นๆ ไม่ได้เหรอ รางวัลที่ควรได้รับ
ให้ตอนโน่น เป็นกระดูกเป็นเถ้า


กี่รุ่นแล้วนักรบไทย โดนอย่างนี้หมด
ก็หวังว่าจะเป็นกระแสบ้าง อย่างที่พ่อบอก
ตำรวจรุ่นน้องควรจะได้รับการดูแลที่ดี


ผบ.ตร. ไม่เคยมาจากภูธรเลย
อยู่แต่นครบาล
เขาไม่เคยเห็นความลำบากของลูกน้อง


วันนี้ ตำรวจขาดจิตสำนึกความเป็นตำรวจ
เข้ามาเพื่ออะไร...
เราต้องเป็นตำรวจอาชีพ ไม่ใช่อาชีพตำรวจ
!

หมายเหตุ : เรียบเรียงจากบทเพลง บันนังสตา และ นังตา...ที่รัก แด่พ่อ...จ่าเพียรยอดนักสู้หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 16 มี.ค.2553

 

 

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
                                                                            
ภู เชียงดาว
  1. 
ภู เชียงดาว
สี่ปีที่ผ่านทำให้เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้น หลายสิ่งวิปริต หลายอย่างผิดแปลก รัฐประหารกลายเป็นความหอมหวานคลั่งไคล้ ช่อดอกไม้ยื่นให้ทหารถืออาวุธ สาวเปลื้องผ้าเต้นระบำหน้ารถถัง พลัดหลง งงงวย เหมือนโดนของหนักพลัดตกลงมาจากที่สูงฟาดหัว ตื่นขึ้นมา ประชาธิปไตยง่อยเปลี้ยขาลีบ ชนชั้นถูกถ่างขา สามัญชนถูกฉีกทึ้ง คนจนกับความจริงถูกมัดมือ ข่มขืน อนุสาวรีย์ความลวงผุดขึ้นที่โน่นที่นั่น-หัวใจทาสค้อมกราบ หากหัวใจเสรี อึดอัด อุกอั่ง คลั่งแค้น เข้าสู่ยุคดินแดนแห่งการไม่ไว้วางใจฯ- สี่ปีที่ผ่านทำให้เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้น หลายสิ่งวิปริต หลายอย่างผิดแปลก รัฐประหารกลายเป็นความหอมหวานคลั่งไคล้…
ภู เชียงดาว
 
ภู เชียงดาว
   ‘ชุมพล เอกสมญา’ ลูกชายคนโตของ จ่าสมเพียร เอกสมญา ที่บอกเล่าความรู้สึกผ่านเพลง ผ่านสื่อ นั้นสะท้อนอะไรบางสิ่ง เต็มด้วยความจริงบางอย่าง ทำให้ผมอยากขออนุญาตนำมาเรียบเรียงเป็น บทกวีแคนโต้ ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสานต่อความคิดและรำลึกถึงคุณพ่อสมเพียร เอกสมญญา ที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นว่า... “...แต่ผมจะไม่ตาย เพราะงานยังไม่จบ ตายไม่ได้!!”  
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : www.bangkokbiznews.com 1. ผมหยิบซีดีเพลงชุด Demo-Seed ของ พล ไวด์ซี้ด (ชุมพล เอกสมญา) ที่ให้ผมไว้ออกมาเปิดฟังอีกครั้ง หลังยินข่าวร้าย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา พ่อผู้กล้าของเขาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา บทเพลง ‘บันนังสตา’ ถูกผมนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ พร้อมคิดครุ่นไปต่างๆ นานา   ในขณะสายตาผมจ้องมองภาพของพ่อฉายซ้ำผ่านจอโทรทัศน์ ทั้งภาพเมื่อครั้งยังมีชีวิตและไร้วิญญาณ...นั้นทำให้หัวใจผมรู้สึกแปลบปวดและเศร้า... ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง ฉันรู้ว่าวันเวลา... ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง ที่รีไซเคิลไม่ได้ มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป… …
ภู เชียงดาว
  เขาตื่นแต่เช้าตรู่... คงเป็นเพราะเสียงนกป่าร้อง เสียงไก่ขัน หรือเสียงเท้าของเจ้าข้าวก่ำกับปีโป้ ที่วิ่งเล่นไปมาบนระเบียงไม้ไผ่ ก่อนกระโจนเข้าไปในบ้าน ผ่านกระโจม ทำให้เขาตื่น ทั้งที่เมื่อคืนกว่าเขาจะเข้านอนก็ปาตีสาม