หลังรอยคราบเลือดและม่านหมอกควันความขัดแย้ง
ข้าพลิกอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ของแผ่นดิน
พลันพบว่าบางแผ่นหายไป บางหน้ามีร่องรอยบาดแผล
แหว่งขาดและชำรุด
ทว่าเมืองทั้งเมืองดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
อัตราราคาสินค้าลดราคาได้กลบค่าราคาชีวิตที่ด่าวดิ้นนั้นไปเสียสิ้น
อึงอลกระแสโหมโฆษณา- -โลกนี้ร้ายนักเพราะไร้รักและปรองดอง
มาเถิดมา,เราทั้งผองมาเร่งปัดกวาด
บางสิ่งที่หักพัง บางอย่างที่หมักหมม,ไม่เป็นไร
มันเลวร้ายมากนักก็ซุกซ่อนไว้ใต้พรมของความลวงอย่างเงียบๆ
แล้วควบคุมด้วยพลังเหนือธรรมชาติ ด้วยอำนาจที่มองไม่เห็น
แน่ละ มันไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ มันไม่เหนือการคาดการณ์ไว้
และมันกำลังบ่าไหลเอ่อท้นในสังคม!
ชั่วข้ามวันคืน...
เมืองทั้งเมืองดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
และข้ามองเห็นใบหน้านั้น
ยังคงเปื้อนยิ้ม ยะเยือก
และเย็นชา
* * * * * * * * * *
เมืองทั้งเมืองดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
นั่นข้ามองเห็นเหล่านักการเมืองเลวกับนักบิดเบือนแห่งชาติ
จูงมือกันไปในห้องลับอันหรูหราและฉ้อฉล
พวกเขากำลังร่วมกันคิดค้นแต่งตำราประวัติศาสตร์รัฐชาติ-รักชาติ
เตรียมยัดใส่โพลงสมองอันว่างโหวงสับสนและมึนงง
ในเหล่าอาณาประชาราษฎร์, ทั้งฝ่ายยังคงรื่นเริงยินดี
ทั้งฝ่ายจำนนจำยอมค้อมรับอย่างผะอืดผะอม
ไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย
จนกว่าจะสิ้นยุคสุดท้าย
* * * * * * * * * *
ในตรอกซอยร้าว ในซอกตึกร้าง
ท่ามกลางเสียงเพลงเต้นรำข้างกองไฟและซากศพ
ข้าเหมือนยินเสียงวิญญาณร้องคร่ำครวญ
เหมือนอยากย้ำเตือนสั่งเสีย...
“จำไว้ อย่าลืม เซฟภาพ เก็บคำ ความจริงอันเลวร้ายเหล่านั้น
ไว้ชำระประวัติศาสตร์อันแหว่งวิ่นและผุพัง”
หรือข้ากำลังฝันไป!?