Skip to main content

 



\\/--break--\>
















 

 

(๑๕๘)

ค่ำคืนนั้นความสุขกระจาย

ข้าปลูกชา

ใต้แสงจันทร์

 

(๑๕๙)

ข้าเดินดูต้นกาแฟที่ปลูกไว้รุ่นแรก

ตื่นใจที่เห็นดอกสีขาวผลิบาน

ออกมาให้เห็น

 

(๑๖๐)

ก้มลงดมกลิ่นของมัน,ใช่

เหมือนไดนีเสนว่าไว้ใน Out Of Afrika

"ดอกกาแฟมีกลิ่นหอมระคนขื่น"

 

(๑๖๑)

ข้าบอกเธอ

เพียงแค่เธอคิดฝัน

ดอกไม้ก็เบ่งบานให้กับโลกใบนี้แล้ว

 

(๑๖๒)

ตกบ่ายตัดสินใจทำสวนผักหลังบ้านอีกหน

ดินยังแข็ง ตักขี้ค้างคาว

มาโรยลงดินบนแปลง

 

(๑๖๓)

โรยขี้วัวแห้งอีกชั้น

ใช้จอบสับๆ คลุกเคล้าดินละเอียด

ก่อนรดน้ำจนดินนุ่มชุ่มชื้น

 

(๑๖๔)

หว่านเมล็ดคะน้า

หยอดเมล็ดผักกาดดอย

ลงในแปลงเดียวกัน

 

(๑๖๕)

ข้าจ้องมองฝูงเอี้ยงเกาะกิ่งมะกอกใบร่วงโกร๋น

มองในระยะไกล มะกอกต้นนั้น

กลายเป็นต้นไม้สีดำประหลาด

 

(๑๖๖)

เพียงใบไม้ไหว
ลูกสุนัขตื่นตกใจ
เห่าขู่แกมลนลาน

 

(๑๖๗)

ฝนมา หญ้าเขียว

ยามเย็นข้านั่งหลบอยู่ในสวน

จ้องมองเมล็ดพันธุ์เริ่มงอกเงยมีชีวิต

 

(๑๖๘)

ฟ้าใส

ทำให้หัวใจคนเรา

สดชื่น

 

(๑๖๙)

เธอยังคงอยู่

ใน

ความทรงจำ

 

(๑๗๐)

มองยังไง

ก็รู้สึกเช่นนั้น

เม็ดฝนหม่นเศร้า

 

(๑๗๑)

ข้าอ่านถ้อยคำของเธอ

หลังคำปลอบโยนเธอค่อยๆดึงผ้าห่มของความรัก

เข้าคลุมร่างบุตรของเธอ

 

(๑๗๒)

รัก

ยังอยู่

ในเรา

 

(๑๗๓)

บอกกับตัวเอง

ขอชีวิตจงมีพลัง

เมตตาและปล่อยวาง

 

(๑๗๔)

เช้านี้หันไปมองกอกล้วยในสวนหลังบ้าน

กลายเป็นสูตรอาหาร

แกงหัวปลีใส่กะทิสูตรของหญ้าน้ำ ทุ่งขุนหลวง

 

(๑๗๕)

ช่างอัศจรรย์

ข้าโยนก้อนหินขึ้นฟ้า

กลายเป็นดอกไม้

 

(๑๗๖)

โน่นหมาน้อย

วิ่งวนไล่

งับหางตัวเอง

 

(๑๗๗)

นั่นใครหลายคน

กำลังวิ่งไล่

จับเงาตัวเอง

 

(๑๗๘)

บอกกับตัวเอง

เราจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้

อย่างเรียนรู้และเข้าใจ
 

(๑๗๙)

ข้ารู้ว่าการเดินทางแบบเร่งและรีบนั้น

มันกระชากพลังเราไป

ทั้งกายและจิตวิญญาณ
 

(๑๘๐)

เถิดจงมุ่งมั่น

ใน

เส้นทาง
 

(๑๘๑)

เช้านี้

ดอกแดด

ผลิกระจายงดงามแสง
 

(๑๘๒)

ในขณะที่คนส่วนใหญ่

หาวิธีกำจัดปลวก

หากข้ากำลังขุดหลุมเลี้ยงปลวก
 

(๑๘๓)

ข้าเลี้ยง ข้าเฝ้ามอง

วิถีสัตว์โลก

ปลาดุกฮุบกินปลวกตัวอวบอ้วน
 

(๑๘๔)

ในขณะที่ใครบางคน

ก่นเรื่องศีลธรรม ฆ่าสัตว์ผิดบาป

ทว่าข้าหาวิธีการใช้ชีวิตให้อยู่รอด
 

(๑๘๕)

แปลกไหม

ข้าเลี้ยงปลา

แต่ไม่กล้าฆ่าปลา


 

(๑๘๖)

ข้าจับปลาไปขาย

ในร้านขายของชำพี่สาว

เพื่อแลกเกลือกับเต้าหู้ยี้
 

(๑๘๗)

ข้าเพิ่งรู้ว่า

คนสวนกับเม็ดฝน

นั้นเป็นเพื่อนกันมานาน
 

(๑๘๘)

นึกถึงคำสอนของคนเฒ่า

ฝนตกอย่าไปอยู่ร่ม

มีอะไรก็เอาไปปลูกจ้ำลงดินไว้

 

(๑๘๙) 

ปลูกต้นไม้ เปียกฝน ไม่นาน

ผักไม้เลื้อยลามรอบสวน

เท่านี้ชีวิต อยู่ได้ อิ่มได้

(๑๙๐)

ใครคนหนึ่งบอกว่า- -ขงจื้อเคยกล่าวไว้นานแล้ว

‘อยากมีความสุขตลอดชีวิต

ให้ปลูกต้นไม้'


(๑๙๑)

ค่ำคืนสงัด

ข้าจ้องมองมิตรสหายของความคุ้นเคย

นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้เงาจันทร์  

 

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
                                                                            
ภู เชียงดาว
  1. 
ภู เชียงดาว
สี่ปีที่ผ่านทำให้เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้น หลายสิ่งวิปริต หลายอย่างผิดแปลก รัฐประหารกลายเป็นความหอมหวานคลั่งไคล้ ช่อดอกไม้ยื่นให้ทหารถืออาวุธ สาวเปลื้องผ้าเต้นระบำหน้ารถถัง พลัดหลง งงงวย เหมือนโดนของหนักพลัดตกลงมาจากที่สูงฟาดหัว ตื่นขึ้นมา ประชาธิปไตยง่อยเปลี้ยขาลีบ ชนชั้นถูกถ่างขา สามัญชนถูกฉีกทึ้ง คนจนกับความจริงถูกมัดมือ ข่มขืน อนุสาวรีย์ความลวงผุดขึ้นที่โน่นที่นั่น-หัวใจทาสค้อมกราบ หากหัวใจเสรี อึดอัด อุกอั่ง คลั่งแค้น เข้าสู่ยุคดินแดนแห่งการไม่ไว้วางใจฯ- สี่ปีที่ผ่านทำให้เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้น หลายสิ่งวิปริต หลายอย่างผิดแปลก รัฐประหารกลายเป็นความหอมหวานคลั่งไคล้…
ภู เชียงดาว
 
ภู เชียงดาว
   ‘ชุมพล เอกสมญา’ ลูกชายคนโตของ จ่าสมเพียร เอกสมญา ที่บอกเล่าความรู้สึกผ่านเพลง ผ่านสื่อ นั้นสะท้อนอะไรบางสิ่ง เต็มด้วยความจริงบางอย่าง ทำให้ผมอยากขออนุญาตนำมาเรียบเรียงเป็น บทกวีแคนโต้ ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสานต่อความคิดและรำลึกถึงคุณพ่อสมเพียร เอกสมญญา ที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นว่า... “...แต่ผมจะไม่ตาย เพราะงานยังไม่จบ ตายไม่ได้!!”  
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : www.bangkokbiznews.com 1. ผมหยิบซีดีเพลงชุด Demo-Seed ของ พล ไวด์ซี้ด (ชุมพล เอกสมญา) ที่ให้ผมไว้ออกมาเปิดฟังอีกครั้ง หลังยินข่าวร้าย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา พ่อผู้กล้าของเขาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา บทเพลง ‘บันนังสตา’ ถูกผมนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ พร้อมคิดครุ่นไปต่างๆ นานา   ในขณะสายตาผมจ้องมองภาพของพ่อฉายซ้ำผ่านจอโทรทัศน์ ทั้งภาพเมื่อครั้งยังมีชีวิตและไร้วิญญาณ...นั้นทำให้หัวใจผมรู้สึกแปลบปวดและเศร้า... ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง ฉันรู้ว่าวันเวลา... ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง ที่รีไซเคิลไม่ได้ มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป… …
ภู เชียงดาว
  เขาตื่นแต่เช้าตรู่... คงเป็นเพราะเสียงนกป่าร้อง เสียงไก่ขัน หรือเสียงเท้าของเจ้าข้าวก่ำกับปีโป้ ที่วิ่งเล่นไปมาบนระเบียงไม้ไผ่ ก่อนกระโจนเข้าไปในบ้าน ผ่านกระโจม ทำให้เขาตื่น ทั้งที่เมื่อคืนกว่าเขาจะเข้านอนก็ปาตีสาม