ที่มาภาพ : http://www.aromdee.net/pic_upload/Sep07/p2120_1.jpg
ในวันฟ้าเปลี่ยนสี
ข้ามองเห็นสัตว์การเมืองเปลี่ยนร่าง
บ้างสลัดคราบทิ้งกลายพันธุ์
บ้างเกาะเกี่ยวกระหวัดรัดกัน
สมสู่ เสพสม กลิ้งเกลือกกองอาจม
กิเลส ความใคร่อยาก อำนาจไม่รู้จบ
อา- - ข้ามองเห็น
ผู้คนเดินผ่านไปมา มองเห็นแล้วส่ายหน้า
หดหู่ใจ.
..............
ผมค้นบทกวีที่ผมแต่งเอาไว้นานแล้ว ออกมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง...หลังมีข่าวว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งในนามว่า “เหี้ย” ออกมาผสมพันธุ์กันในทำเนียบรัฐบาล
แหละนี่คือ "เบื้องหลัง 'เหี้ย' หลงฤดู โชว์อึดเสพเมถุน-เล้าโลมเป็นชั่วโมง ในทำเนียบหลังตึกไทยคู่ฟ้า" ที่เผยแพร่ใน ‘มติชนออนไลน์’ และผมขออนุญาตนำมาเสนอตรงนี้อีกครั้ง...
'ตัวเหี้ยจะผสมพันธุ์กันช่วงต้นฤดูฝน พอดีช่วงนี้กรุงเทพฯ ฝนตกมาเกือบ 10 วัน ตัวเหี้ยมันเลยสับสนคิดว่าเข้าสู่หน้าฝน ซึ่งเท่ากับว่าฤดูกาลผสมพันธุ์ของพวกมันมาถึงแล้ว สำหรับการคลอเคลียในน้ำนานนับชั่วโมงเป็นเพียงการเกี้ยวพาราสีเท่านั้น' นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ กล่าว
จากเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาในรั้วทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 มกราคม มีการผสมพันธุ์เป็นเวลานานของ 'ตัวเหี้ย' (ชื่ออย่างเป็นทางการ) หรือ ตัวเงินตัวทอง (ชื่อที่ใครหลายคนแสร้งเรียกเพื่อความดูดี) ในบ่อน้ำ หลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จนทำให้ข้าราชการในทำเนียบพากันแตกตื่น และวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็มองเป็นเรื่องธรรมชาติในแง่มุมตลกขบขัน แต่ส่วนใหญ่ยังคงไม่ทิ้งความเป็นไทย ที่มองเป็นเรื่องของลางบอกเหตุ อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะโฟกัสไปในทิศทางไหน
ผู้สื่อข่าว 'มติชนออนไลน์' สัมภาษณ์ นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ สัตวแพทย์ช่วยราชการ สำนักพระราชวัง ถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ว่า ตัวเหี้ยจะผสมพันธุ์กันช่วงต้นฤดูฝน พอดีช่วงนี้กรุงเทพฯ ฝนตกมาเกือบ 10 วัน ตัวเหี้ยมันเลยสับสนคิดว่าเข้าสู่หน้าฝน ซึ่งเท่ากับว่าฤดูกาลผสมพันธุ์ของพวกมันมาถึงแล้ว
สำหรับการคลอเคลียในน้ำนานนับชั่วโมงของ 'คุณเหี้ย' ทั้ง 2 ตัวนั้น นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ชี้แจงว่า ที่เห็นมัน 2 ตัวคลุกวงในอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน เป็นเพียงการเกี้ยวพาราสีกันเท่านั้น เพราะการผสมพันธุ์ที่เสร็จสรรพของมันจริงๆ คือ 'บนบก'
'การผสมพันธุ์ของเหี้ยมีท่วงท่าเดียวกับเพชฌฆาตลุ่มน้ำ หรือจระเข้นั่นเอง คือมันจะนอนทับกันในลักษณะคว่ำ พร้อมกับสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งใช้เวลาเพียงประมาณ 10 นาทีเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำเนียบรัฐบาลนั้นไม่ใช่การผสมพันธุ์ เป็นเพียงการเล้าโลม การสร้างอารมณ์ เพราะใช้เวลานานเป็นชั่วโมง อีกทั้งภารกิจดังกล่าวก็อยู่ในน้ำ ไม่ใช่บนบก' สัตวแพทย์ยืนยันอีกครั้งว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้าราชการและสื่อมวลชนตีความกันไปเอง
'เหี้ย คือสัตว์เลื้อยคลาน อยู่ในตระกูล class repilia ออกลูกเป็นไข่ ไข่ที่ออกจะมีปริมาณตั้งแต่ 5-20 ฟอง เปลือกไข่มีความแข็งเหมือนไข่จระเข้ เหี้ยตัวแม่นิยมเลือกสถานที่ชื้นน้ำ เช่น ริมคลอง เป็นที่สำหรับวางไข่ ใช้เล็บขุดคุ้ยจนได้หลุมวางไข่สมใจ และเมื่อวางไข่เสร็จ ตัวแม่จะปล่อยให้ไข่เจริญพันธุ์ต่อไป ส่วนตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ'
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ให้ความรู้เรื่อง ลูกเหี้ย ที่เกิดใหม่ว่า ลูกเหี้ยที่รอดชีวิตจากฟักไข่ด้วยตัวเอง ด้วยระยะเวลาประมาณ 10 วัน ตามปกติจะมีลักษณะสีคล้ำดำ พร้อมลวดลายตามแต่สายพันธุ์ของผู้เป็นพ่อและแม่ อาทิ ลายพาดขวาง ลายดอก สวยงามไปตามๆ กัน เมื่อเกิดมาแล้วสิ่งที่ทุกตัวจำเป็นต้องมีคือ สัญชาตญาณการเอาตัวรอด จากเหล่านกล่าเหยื่อ ที่มีทั้งเหยี่ยว และอีกา เป็นสภาวะของการเอาตัวรอดเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ของพวกมันต่อไป
'อาหารการกินของเหี้ย เมนูหลักคือ ของเน่าเปื่อย เศษซากอาหาร ส่วนเมนูอื่นประกอบด้วย ไก่ เป็ด ปลา ปู หอย งู หนู นก และไข่ของสัตว์ต่างๆ เมื่อเหล่าเหี้ยเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ตัวผู้จะแย่งชิงตัวเมีย ผ่านการต่อสู้ ทิ้งร่องรอยการถูกกัดจากฟันอันแหลมคม ตัวที่ชนะจะมีแผลน้อยที่สุดและได้ครอบครองตัวเมีย และเหี้ยยังเป็นสัตว์ที่มีคู่ไปเรื่อยๆ ไม่ซื่อสัตย์ฉบับผัวเดียว เมียเดียว เหมือนสัตว์บางชนิด'
อนิจจา...นอกจากชื่อ 'เหี้ย' จะเป็นอัปมงคลกับผู้ถูกเรียกแล้ว สัตวแพทย์ยังยืนยันกับเราด้วยว่า ส่วนสมองของเหี้ยนั้นไม่สามารถพัฒนาให้ทัดเทียมอย่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่าง 'สิงโต' ได้ พฤติกรรมของมันจึงออกมาเป็นเช่นนี้...
อยากรู้จังว่าคุณเหี้ยเค้าจะรู้สึกอย่างไร?......กับการแยกชนชั้นโดยนำชื่อของมันไปใช้ในความหมายที่ไม่ดี พร้อมกับจำแนกสมองว่าเป็นสัตว์ต่ำต้อย
อย่างน้อยที่สุดก็เชื่อว่า เหี้ยสายพันธุ์แท้ คงกำพืดดีกว่า เหี้ยสายพันธุ์เทียม ที่พอถูกสะกดออกมาแล้วพบว่าคือ กลุ่มคนประเภทใส่สูทผูกไท พร้อมกับพร่ำออกมาตลอดว่า 'ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน'
ที่มาของข้อมูล เกี่ยวกับเหี้ย : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=19173&catid=1