Skip to main content

20080510 (1)

(1)

ดอกฝนหล่นโปรยมาทายทักแล้ว,ในห้วงต้นฤดู
หอมกลิ่นดินกลิ่นป่าอวลตรลบไปทั่วทุกหนแห่ง
หัวใจหลายดวงชื่นสดในชีวิต
วิถีถูกปลุกฟื้นตื่นให้เริ่มต้นใหม่อีกคราครั้ง…

ตีนเปลือยย่ำไปบนดินนุ่มชุ่มชื้น,เช้าวันใหม่
ไต่ตามสันดอย ไปในไร่ด้วยกันนะน้องสาว
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน  ช่วยกันทำงานๆ
พี่ใช้เสียมลำไม้ไผ่กระทุ้งดิน  น้องหยิบเมล็ดข้าวหยอดใส่หลุม
ไม่เร่งรีบ ไม่บ่นท้อ ในความเหน็ดหน่าย
เสร็จงานเราผ่อนคลาย  เอนกายผ่อนพักใต้เงาไม้ใหญ่
แล้วพี่จะกล่อมให้, ด้วยเพลงพื้นบ้านโบราณขับขาน

20080510 (2)

20080510 (3)

20080510 (4)

(2)

เป็นเช่นนี้ทุกคราวครั้งใช่ไหม,น้องสาว
ดอกไม้ดวงใหม่ยังผลิบานในใจอยู่เสมอ,ในฤดูกาลหว่านหวัง
เราหว่านเพาะเมล็ดพันธุ์พื้นเมืองลงไป จากชีวิตสู่ชีวิต
ให้น้ำฟ้า สายลม แสงแดด กาลเวลา ความดีงาม บ่มเพาะ
อยู่อย่างนั้น,บนผืนดินของความศรัทธา

อย่าหวาดกลัวเลยน้องสาว…
ปล่อยความหวั่นหวาดกลัดกลุ้มนั้นล่องลอยไปกับสายลมป่าเสียเถิด
ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครกล้าพรากเราออกจากกัน
ลำห้วยสายน้ำ ผืนดินผืนป่า แผ่นฟ้าอากาศ ยังอยู่กับเรา
ไม่หรอก ไม่มีหรอก,ไม่มีใครขับไล่ ไม่มีใครกล้าฆ่าเข่นทำลายเราได้
เพราะเราคือส่วนหนึ่งของผืนป่าผืนดินถิ่นนี้...

20080510 (5)

20080510 (6)

(3)

ค่ำแล้ว, ควันไฟลอยเหนือยอดไม้ กองไฟเริ่มลุกโชน
มาเถิดน้องสาว  มานั่งฟังเรื่องราวตำนานเก่า
จากผู้เฒ่าเล่าขานให้ทุกคนได้ยินรู้…
…ทุกสิ่งนั้นเกิดจากดิน
คนเราเป็นเพียงผู้อาศัย
เราเป็นเพียงผู้อาศัย
ชั่วคราว…ก่อนกลับคืนไป
สู่ต้นกำเนิด.

หมายเหตุ : ภาพเมื่อคราวเดินทางร่วมกับ ‘หญ้าน้ำ ทุ่งขุนหลวง’ ไปเยือนชุมชนปว่าเก่อญอบ้านแม่ลานคำ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ในช่วงฤดูปลูกข้าวไร่กลางป่าลึก

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
                                                                            
ภู เชียงดาว
  1. 
ภู เชียงดาว
สี่ปีที่ผ่านทำให้เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้น หลายสิ่งวิปริต หลายอย่างผิดแปลก รัฐประหารกลายเป็นความหอมหวานคลั่งไคล้ ช่อดอกไม้ยื่นให้ทหารถืออาวุธ สาวเปลื้องผ้าเต้นระบำหน้ารถถัง พลัดหลง งงงวย เหมือนโดนของหนักพลัดตกลงมาจากที่สูงฟาดหัว ตื่นขึ้นมา ประชาธิปไตยง่อยเปลี้ยขาลีบ ชนชั้นถูกถ่างขา สามัญชนถูกฉีกทึ้ง คนจนกับความจริงถูกมัดมือ ข่มขืน อนุสาวรีย์ความลวงผุดขึ้นที่โน่นที่นั่น-หัวใจทาสค้อมกราบ หากหัวใจเสรี อึดอัด อุกอั่ง คลั่งแค้น เข้าสู่ยุคดินแดนแห่งการไม่ไว้วางใจฯ- สี่ปีที่ผ่านทำให้เรียนรู้อะไรๆ มากขึ้น หลายสิ่งวิปริต หลายอย่างผิดแปลก รัฐประหารกลายเป็นความหอมหวานคลั่งไคล้…
ภู เชียงดาว
 
ภู เชียงดาว
   ‘ชุมพล เอกสมญา’ ลูกชายคนโตของ จ่าสมเพียร เอกสมญา ที่บอกเล่าความรู้สึกผ่านเพลง ผ่านสื่อ นั้นสะท้อนอะไรบางสิ่ง เต็มด้วยความจริงบางอย่าง ทำให้ผมอยากขออนุญาตนำมาเรียบเรียงเป็น บทกวีแคนโต้ ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสานต่อความคิดและรำลึกถึงคุณพ่อสมเพียร เอกสมญญา ที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นว่า... “...แต่ผมจะไม่ตาย เพราะงานยังไม่จบ ตายไม่ได้!!”  
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : www.bangkokbiznews.com 1. ผมหยิบซีดีเพลงชุด Demo-Seed ของ พล ไวด์ซี้ด (ชุมพล เอกสมญา) ที่ให้ผมไว้ออกมาเปิดฟังอีกครั้ง หลังยินข่าวร้าย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา พ่อผู้กล้าของเขาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา บทเพลง ‘บันนังสตา’ ถูกผมนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ พร้อมคิดครุ่นไปต่างๆ นานา   ในขณะสายตาผมจ้องมองภาพของพ่อฉายซ้ำผ่านจอโทรทัศน์ ทั้งภาพเมื่อครั้งยังมีชีวิตและไร้วิญญาณ...นั้นทำให้หัวใจผมรู้สึกแปลบปวดและเศร้า... ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง ฉันรู้ว่าวันเวลา... ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง ที่รีไซเคิลไม่ได้ มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป… …
ภู เชียงดาว
  เขาตื่นแต่เช้าตรู่... คงเป็นเพราะเสียงนกป่าร้อง เสียงไก่ขัน หรือเสียงเท้าของเจ้าข้าวก่ำกับปีโป้ ที่วิ่งเล่นไปมาบนระเบียงไม้ไผ่ ก่อนกระโจนเข้าไปในบ้าน ผ่านกระโจม ทำให้เขาตื่น ทั้งที่เมื่อคืนกว่าเขาจะเข้านอนก็ปาตีสาม