เมื่อปี พ.ศ.2532 เดือนมิถุนายน ยังไม่รู้ประสีประสาทางการเมือง ในขณะที่เพื่อนๆ พี่ๆ พากันขึ้นคัทเอาท์สนับสนุนประชาธิปไตยในจีน และมีกิจกรรมต่อเนื่องหลังจากที่นักศึกษา ประชาชนถูกล้อมปราบที่ลานหน้าพระราชวังต้องห้าม
ภาพของเทพีประชาธิปไตยที่ชูคบเพลิงถูกสลักสร้างอย่างหยาบๆ แต่แฝงพลังและความต้งใจแน่วแน่
ภาพคนนับแสนๆ ที่ชุมนุมอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
จนกองทัพปลดแอกประชาชนเคลื่อนรถถังและกองพลเข้าบดขยี้พลเมืองของตัวเอง
ภาพชายคนหนึ่งถือถุงยืนขวางรถถังอย่างไม่กลัวเกรง ไม่ว่ารถถังจะขยับไปทาง เขาดิ่งตรงเข้าไปขวางมิให้เคลื่อนตัวไปสังหารประชาชน
ในเวลาต่อมาเขาถูกเรียกว่า Tank man บางคนเชื่อว่าเขาตายไปแล้ว บางคนกล่าวว่าไม่รู้ชะตากรรมของเขา
แต่ในที่สุด เขาก็ปรากฏตัวและยืนยันการมีชีวิตอยู่หลังการกระชับพื้นที่
ตอนนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจถึงความรู้สึกเจ็บปวด คับข้องใจต่ออำนาจที่กดขี่ประชาชนในนามชาติและเอกภาพของรัฐ
แต่ตั้งข้อสงสัยกับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์จีนเอามากๆ
ผ่านไปสองปีเศษ เกือบสามปี ได้พบเห็นอาชญากรรมโดยรัฐต่อหน้าต่อตา เห็นความคับแค้นของผู้คนที่ถูกอำนาจเถื่อนกระทำ เห็นความกล้าหาญของคนหนุ่มสาวเฒ่าชรา ทั้งชายหญิง
จึงได้เข้าใจว่าความทุกข์ของประชาชนเป็นสากล
รัฐเป็นเพียงนายหน้าของหมู่ชนที่ถือตัวทนงตนว่าสูงชั้นกว่าใครๆ ในสังคม กับมีมือตีนกระจอกพองขนเหนือประชาชนคอยรับใช้
ไม่ว่าจะเป็น พฤษภาคม-มิถุนายน-ตุลาคม ล้วนเป็นผองเพื่อนร่วมชะตากรรม
เอาเข้าจริงๆ อาจจะไม่เหลือสักเดือน สักวัน ที่รัฐจะไม่ทำร้ายประชาชน
หนักว่านั้น การทารุณกรรมโดยรัฐอาจจะไม่เคยว่างเว้นเลย
ขอมิตรภาพของเดือนพฤษภาคมจงย้ำเตือนให้มิตรสหายผู้ผ่านเหตุการณ์วิกฤติการณ์การเมืองไทยใดๆ ก็ดี ได้ยั้งคิดทบทวนใช้สติปัญญาด้วยเทอญ
ก่อนทุกอย่างจะสายไป
ประชาธิปไตยจงเจริญ