คืนฝนพรำกับชีวิตข้างถนน

ฝนยังตกพรำๆ ลมพัดเอื่อยในคืนนี้ ชายคนนั้นนอนหลับอยู่หน้าร้านนาฬิกาที่มีราคาแพงที่สุดยี่ห้อหนึ่ง หน้าท้องของเขาเหมือนจะมีแผลสดเปิดออกมาให้เห็น แม้แสงไฟจะมืด แต่รอยแผลนั้นปรากฏให้เห็นเด่นชัดเกินจะลืมได้
 
ผมเห็นคนตายข้างถนนมาแล้วหลายปีก่อน เมื่อคราวเดินทางด้วยรถไฟไปสุรินทร์ เช้าวันนั้นอากาศเย็น ตนไร้บ้าน คนสัญจรต่างอาศัยชานและร่มเงงาของสถานีหัวลำโพงพักเอาแรง เมื่อผมเดินย้อนคนกลับมาพบว่าคนที่นอนรอบชายคนหนึ่งแตกตื่น เพราะเขาเสียชีวิตในเช้าวันนั้น เช้าที่อากาศเย็นสบาย แต่น่าสลดที่เขาตายใจกลางกรุง
 
บทสนทนาคืนนี้ ส่วนหนึ่งจึงอยู่ที่ว่าผมไม่เคยพบเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อนในชีวิต ไม่เคยมีปีไหนที่ถนนข้าวสารจะเงียบเชียบอย่างนี้ ถึงจะเปิดกิจการแต่ก็ดูเหมือนป่าช้า ส่วนคนค้าขายที่เคยคึกคักถึงเช้าก็หายไปหมด
 
มิไยที่ตอนเราเดินผ่านร่างของชายไร้บ้านที่เอ่ยถึงตอนต้น ว่าเขาต้องการอะไรบ้างหนอ เขาต้องการความช่วยเหลือไหม เขาเข้าถึงโรงพยาบาลและยารักษาอาการไหม ฯลฯ
 
ทั้งหมดนี้ มีคนสัญญาว่าบ้านเมืองจะดีในไม่ช้า แต่ถึงเวลาเข้าปีที่แปด ตอนนี้คงเหลือเพียงพลเอก เปรมที่อยู่ในอำนาจนานกว่าเขาและพวก (เปรมอยู่ในอำนาจ 2523-2531 ขณะที่ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อยู่ในอำนาจหลังฉาก 2500-2502 และ 2502-2506 ขณะที่ถนอม กิติขจร เป็นนายกฯ เผด็จการ 2506-2512 จนมีรัฐธรรมนูญ 2511 และการเลือกตั้งในปี 2512)
 
ผ่านมาถึงวันนี้ พวกเขายังลอยหน้าลอยตา สั่งสอนประชาชน พร้อมกับคนจำนวนหนึ่งที่เห็นดีเห็นงาม ยอมให้คนพวกนี้เถลิงอำนาจ
 
เพื่อนๆ ผม บางคนบอกว่า ใครมาเป็นนายกฯ เขาก็ทำงานหนักเหมือนเดิม และเขารังเกียจนักการเมืองอย่างถึงที่สุด
 
แต่เขาทนกับสภาพเช่นว่านี้ได้โดยไม่ปริปาก
 
ผมไม่รู้ว่าชายที่นอนขดอยู่หน้าร้านค้านั้นจะมีชีวิตได้อีกกี่วัน เขาจะทรมานไปกว่านี้กี่มากน้อย
 
ไม่ว่าใครมาเป็นนายกฯ เขาก็ยังลำบากอย่างนั้นหรือ
 

 

ผมอยากฟังคำตอบจากเขา มากกว่าลมปากจากเพื่อน