กลางปี 2565 เดือนพฤษภาคม ผมได้ไปเดินเล่นย่านฮงเดอิก ที่เป็นย่านคนหนุ่มสาวชอบไปเดิน แฮงค์เอาท์และช็อปปิ้งกัน ย่านหนึ่งมีตู้หรือร้านของโหรเรียงรายเพื่อทำนายอนาคตของหนุ่มสาวเกาหลีในวัยรุ่นและวัยเริ่มชีวิตการทำงาน ผู้คนเรียงรายเข้าพบหมอดูในร้านต่างๆ ดูคึกคักยิ่ง ผมตั้งข้อสังเกตว่าในโลกของความเสี่ยงจาก covid -19 ทำให้ชีวิตคนไม่แน่นอนและพบกับปัจจัยเสี่ยงมากมาย การเขาหาโหร หมอดู หรือการทำนายทายทักเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในแทบทุกสังคม
ไม่ว่าชั้นชนใด ต่างอยากรู้อนาคตของตัวทั้งสิ้น และถ้าทำได้ ทุกคนต่างอยากจะเปลี่ยนอนาคตที่ยังมาไม่ถึงให้เป็นไปตามที่ตัวเองปรารถนาทั้งสิ้น
ก่อนสิ้นปีได้มีโอกาสไปแสวงบุญบ้างเล็กน้อย บังเอิญขับรถสำนักสักยันต์แห่งหนึ่งที่ถูกอีกฝั่งตะลุมบอนจนสิ้นท่า เลยถ่ายรูปไว้แล้วโพสต์บนเฟสบุ๊คจนมีเพื่อนฝูงถามว่าคืออะไรเลย ผมต้องไปค้นคลิปให้เขาดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นปรากฏว่าเฟสบุ๊คก็แสนรู้ ส่งเพจสิ่งศักดิ์สิทธิ์สายมูเตลูมาประชันหน้าวอลล์ต่อเนื่องกันหลายวัน
หนึ่งในเพจที่ทางเฟสบุ๊คส่งมาก็คือ หน้าจอโทรศัพท์เพื่อความเป็นศิริมงคล
ในเพจหนึ่งได้การเสนอว่า การที่คนหนุ่มสาวเอาวอลล์เปเปอร์ที่ออกแบบโดยแม่หมอพ่อหมอหลายสำนักมีขึ้นโทรศัพท์นั้น ไม่มีผลต่อดวงชะตาใดๆ เพราะไม่มี "มวลสารศักดิ์สิทธิ์มาประจุ" แบบวัตถุมงคลที่ทั้งมวลสาร ฤกษ์ยาม และผู้ "ปลุกเสก" นั้น สามารถประสิทธิ์อาถรรพ์ พลังงาน และอานุภาพกับตัววัตถุนั้นได้
ขณะที่ผู้วิจารณ์ก็สร้าง"วอลเปเปอร์" ในแบบของตัวเองที่สามารถมีอานุภาพโดยไม่ต้องมีมวลสาร ในรูปยันต์ศักดิ์สิทธิ์และมีการออกแบบสีสันขึ้นมาบ้าง
แต่ถ้ามองจากคนที่ใช้ทาโร่ ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ขึ้นกับ "มวลสาร" แต่แรกอยู่แล้ว ไพ่ทาโรท์ operates ในอีกวิถีทางหนึ่ง ทั้งส่งและแข็งขืนต่อชะตาที่ถูกกำหนดมาจากเบื้องบน
ขณะที่ฝ่ายหลัง พยายามสถาปนาความศักดิ์สิทธิ์ในแบบของตัวเองและ "เกทับ" ว่า ไม่ได้ผลจริงหรอก ของตัวเองมีพลังมากกว่า มีวิชาเหนือกว่า
โลกของศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์ของเขาในด้านหนึ่ง operates ผ่านความรู้เฉพาะของเขาที่เร้นลับและทรงพลานุภาพ
แต่โลกศรัทธาของคนอีกรุ่นหนึ่ง ความศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา operates ผ่านระบบคิดเชิงเหตุผลแบบตรรกะมากขึ้น และมีสุนทรียศาสตร์ของความสวยงาม ไม่ล้าสมัย ให้ภาพลักษณ์ที่ไม่งมงายแบบดั้งเดิม
อีกทั้งบรรดาแม่หมอ พ่อหมอ ทั้งหลายยังมีลักษณะข้ามเพศสภาพและพื้นที่ (transboundary) ในหลายรูปแบบ มีการข้ามเพศสภาพ ข้ามผ่านและเชื่อมต่อความเชื่อในหลายรูปแบบ (ซึ่งการข้ามผ่าน ตัดต่อความเชื่อนี้ก็มีใน mode แรกด้วย)
การมีสิ่งลี้ลับในแบบของเขาเป็นทั้งการลดความเสี่ยงในชีวิตที่เขาต้องเจอจากโลกภายนอกและภายใน พวกเขาต้องเผชิญกับอำนาจลี้ลับที่กดทับลงมาเป็นชั้นๆ การถือหน้าวอลล์ไพ่ทาโรท์ยังไม่ "ล้าสมัย" หรือ "เชย" แต่ทำหน้าที่ "เสริม" ดวงชะตาและพลังใจให้เข้มแข็งเพื่อต่อกรกับสารพันปัญหาในโลกภายนอก ตั้งแต่ปิตาธิปไตยในรูปต่างๆ (ครอบครัว รุ่นพี่ เจ้านายและรุ่นพี่ในที่ทำงาน) อำนาจรัฐที่พิกลพิการ จนถึงความหวังที่ต่ำต้อยที่สุดคือการถูกหวยเลขท้ายสองตัวเพือประคองชีวิตให้มีความหวังในการต่อสู้กับความผันผวนของโลกและชีวิต
วิถีของความศักดิ์สิทธิ์ที่เคยผ่านมวลสารและพิธีกรรมประจุความศักดิ์สิทธิ์นั้นเลื่อนผ่านมาสู่วัตถุและศาตร์ต่างๆ เช่น หินธรรมชาติ ผลึกแก้ว อัญมณี แพรพรรณ สีสันของเสื้อผ้า นับว่ากระจัดกระจายออกจากความเป็นชายและการสร้างความศักดิ์สิทธิ์กระแสหลัก (พุทธ-พราหมณ์) กระทั่งข้ามแดน (โบโบจี ผีนัทพม่าอีกหลายตน) เทพหวังต้าเซียน (ความรัก) พระตรีมูรติ พระพิฆคเณศ กระทั่ง "มาร" อย่าง "ชูชก" ก็กลายมาเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิเพื่อความร่ำรวย
ยุคนี้นับว่าเป็นยุคของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งความร่ำรวยที่กูรูต่างๆ ยืนยันว่าไปขอความร่ำรวยจาก "พระพุทธ" ไม่ได้ (แม้จะมีพระเจ้า "ทันใจ" ในหลายแห่งก็ตาม) ต้องไปขอกับเทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจเหนือธรรมชาติผ่านปาฏิหารย์ต่างๆ เช่น ร่างของผู้ตายที่ไม่เน่าเปื่อย สะท้อน "ฤทธิ์" ที่ส่งผลให้กับผู้ขอ เพราะสามารถ "ขอได้-ไหว้รับ" ต่างไปจากพระพุทธที่มุ่งแดนนิพพาน ละทิ้งสมบัติทางโลกย์ไปเสียสิ้น จะมีก็เพียงสำนักทางมหายานบางแห่งที่ "พระโพธิสัตว์" สามารถบันดาลความร่ำรวย
แต่ในแง่สุนทรียศาสตร์นั้น กล่าวได้ว่า เห็นความแตกต่างระหว่างวิถีของความศักดิ์สิทธิ์เป็นทางแพร่งแล้ว