ผมห่างหายจากการเขียนบล็อกประชาไทไปนาน เพราะมีภารกิจมากมายที่ต้องทำตามข้อผูกพัน และตามชะตากรรม โชคชะตาของชีวิต ทั้งส่วนที่ควบคุมได้ และส่วนที่เหนือการควบคุม
ชีวิตจึงวนเวียนกับเอกสาร การครุ่นคิด การรอคอย และความตื่นเต้นที่จะได้เริ่มชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่และเพื่อนร่วมร่วมงานใหม่
จึงอดคิดถึงห้วงเวลาอันเงียบเหงาและรอคอยในยามฤดูใบไม้ร่วง
ผมนิ่งและสดับเพลงของ แน็ท คิง โคล (Nat King Cole) และแปลความไว้ว่า
The falling leaves drift by the window
ใบไม้ร่วงผ่านหน้าต่าง
ใบไม้ร่วงผ่านหน้าต่าง
The autumn leaves of red and gold
ใบไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วงสีแดงและดั่งทอง
ใบไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วงสีแดงและดั่งทอง
I see your lips, the summer kisses
เห็นริมฝีปากเจ้า, คิมหันต์จูบลา
เห็นริมฝีปากเจ้า, คิมหันต์จูบลา
The sun-burned hands I used to hold
มือน้อยที่แดดเผานั้นข้าเคยกุม
มือน้อยที่แดดเผานั้นข้าเคยกุม
Since you went away the days grow long
เมื่อเจ้าจากลา วันเวลาช่างยืดยาว
เมื่อเจ้าจากลา วันเวลาช่างยืดยาว
And soon I'll hear old winter's song
พลันที่ยินเสียงของเหมันต์
พลันที่ยินเสียงของเหมันต์
But I miss you most of all my darling
ข้าคะนึงหาเจ้าเป็นที่สุด
ข้าคะนึงหาเจ้าเป็นที่สุด
When autumn leaves start to fall
เมื่อใบไม้เริ่มลาร่วงในสรทฤดู
เมื่อใบไม้เริ่มลาร่วงในสรทฤดู
ผมทานอาหารค่ำเมื่อวันก่อนกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่นกับอาจารย์ที่เคารพรักอีกสองท่าน
ในร้านอาหารอินเดียมีบทสนทนามากมาย ทั้งชีวิต วิชาการ อาหาร ความปลอดภัย อนาคตบ้านเมืองและความรัก
ในห้วงหนึ่งของบทสนทนา ผมคิดถึงเวลาที่ได้พำนักในญี่ปุ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเหล่าใบไม้พลันเปลี่ยนสี
และเริ่มร่วงหล่นอย่างจริงจัง
ยามนี้ กลับคิดถึงชีวิตช่วงนั้นอย่างมาก