Skip to main content

พ่อกับแม่กลับบ้านไปหลายวันแล้ว  ผมกับบ่าวปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ และสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ดีมากขึ้น ไอ้หมีกับไอ้ตาลก็คุ้นเคยกับเราดี ไม่เห่าคิดว่าเราเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเก่า

แดดเช้าสาดสีขาวจากขอบฟ้า ไก่ขันแจ้วๆ ตอบกันเหนือยุ้งข้าวมาแต่ไกล ย่าปลุกเราตั้งแต่เช้าขณะที่ลมอุ่นแห่งท้องทุ่งกำลังพัดโบยหมอกเช้า  เรางัวเงียพลิกตัวไปมาก่อนลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน

“บ่าวๆ ๆ ๆ น้องๆๆ”  จ้อยมาตามเราตั้งแต่เช้า
“วันนี้ที่ศาลาจะมีการประชันตอกลูกยาง ไปกันนะ ต้องสนุกแน่ๆ”  จ้อยชวน
“ไปๆๆ ไอ้เสือสมิงของผมต้องชนะแน่ๆ” บอยประกาศถึงความมั่นใจในไอ้เสือสมิงลูกยางของตัวเอง

ไอ้เสือสมิงเป็นลูกยางที่บอยเก็บมาได้จากสวนยางของแม่ตอนตามไปเก็บยางเมื่อหลายวันก่อน มันมีลายสีดำขลับแต้มจุดมันเลื่อมเปื้อนบนสีน้ำตาลเข้ม หัวเป็นเหลี่ยมน่าเกรงขาม  ไอ้เสือสมิงไม่เคยแพ้ใคร แต่วันนี้จ้อยบอกว่าเพื่อนที่ชื่อขาวแห่งหมู่บ้านใกล้เคียงจะเอาไอ้เสือดาวมาปราบไอ้เสือสมิงถึงที่

“วันนี้บ่าวกับน้องยังไม่มีลูกยาง แล้ววันหลังเราค่อยไปเก็บกันในสวนนะ” บอยให้สัญญา
“ประลองครั้งนี้เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี”
“เฮ....”
เราฮึดเหมือนให้กำลังใจไอ้เสือสมิงอยู่เนืองๆ

วันนี้ไอ้หมีกับไอ้ตาลตามเราไปประลองความแข่งแกร่งของลูกยางที่ศาลาเสมือนเป็นทีมของเรามาด้วย มันทำทีดมต้นไม้ข้างทางไปตลอดแล้วฉี่รดเป็นจุดๆ พวกมันวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนานสายตาของมันจ้องไปที่สนามประลองของนักสู้ตัวน้อย

ที่ศาลากลางหมู่บ้านซึ่งเป็นสนามประลองมีเด็กๆ คนอื่นๆ มาถึงกันแล้วหลายคน รวมถึงทีมและเพื่อนๆ ของขาวจากหมู่บ้านอื่นมารอเราอยู่ก่อนแล้ว

“ชักตื่นเต้นแล้วสิ”  บอยเปรยขึ้นก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดศาลาไปสู่สนามประลองประชันความแข็งแกร่งของไอ้เสือสมิงผู้ไม่เคยมีใครล้มมันลงได้

เราทักทายกัน บอยแนะนำผมกับบ่าวให้เพื่อนๆ รู้จัก เรายิ้มตอบตามมารยาทก่อนจะเดินวนดูรอบๆ บนศาลาเกลื่อนไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้เป็นเศษเปลือกลูกยางพาราผู้พ่ายแพ้  เพื่อนต่างหมู่บ้านคนหนึ่งยื่นลูกยางให้ผมกับบ่าวคนละสองลูก เรารับไว้ด้วยมิตรภาพแล้วลองเอามาประกบกันดูเหมือนที่คนอื่นๆ ทำกัน

“ฮ่า........”  จ้อยหัวเราะร่วนเมื่อเห็นบ่าวกับผมทำท่าเก้ๆ กังๆ ประกบลูกยางไม่เป็นท่าเป็นทางพิลึก
บ่าวกับน้องต้องเอาผ่ามือทั้งสองข้างหนีบลูกยางทังสองลูกไว้อย่างนี้” พลางจ้อยก็ทำท่าให้ดูเป็นการสาธิต
“แล้วเอามันมาประกบไว้ด้วยกัน  จากนั้นก็ใช้แรงบีบเข้าหากัน” จ้อยสาธิตให้ดูอีกที
“ต่อไปนี้จะเป็นการประลองความแข็งแกร่งระหว่างไอ้เสือสมิง”
“เย้ๆๆ........เย้ๆๆ.......”
“กับ ไอ้เสือดาว”

“เย้ๆๆ........เย้ๆๆ.......”  กองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายโห่ร้องกันลั่นทุ่ง  ไอ้หมีกับไอ้ตาลได้ยินเสียงนั้นตกใจจึงวิ่งเข้าใต้ถุนศาลาอย่างว่องไว
“ไอ้เสือสมิงสู้ๆๆ”  บอยลุกขึ้นชูสองมือปลุกใจอย่างฮึกเหิมพลางทำมือเรียกเสียงเชียร์จากเพื่อนๆ เช่นเดียวกับขาวที่เรียกเชียร์อยู่เช่นกัน

ขาวมาในชุดกางเกงนักเรียนขาสั้นสีน้ำตาลกับสื้อยืดคอกลมเก่าๆ ในมือหิ้วถุงลูกยางพารามาด้วย เพื่อนๆ ของขาวก็เช่นกันต่างก็หิ้วถุงลูกยางมาอย่างมั่นใจ พวกเขาเรียกลูกยางของขาวว่าไอ้เสือดาวเพราะลายจุดสีดำที่เปื้อนไปทั่วลูกยางเหมือนลายของเสือดาวผู้น่าเกรงขาม 

ในฤดูที่ลูกยางแตกผล เด็กๆ จะเก็บลูกยางไปขายให้คนที่มารับซื้อไปเพาะชำกล้ายางบ้างก็เก็บไว้เล่นต่างๆ นานาตามแต่จะชักชวนกัน
“น้องคอยดูนะ เราต้องชนะแน่”
“ครับ...ผมจะเอาใจช่วย”  ผมกับบ่าวเอาใจช่วยไอ้เสือสมิงและบอยอย่างเต็มที่

เมื่อการประชันเริ่มขึ้นทุกคนต่างใจจดใจจ่ออยู่ที่มือของขาวซึ่งเป็นฝ่ายได้เริ่มก่อน
“บ่าวว่าใครจะชนะ”
“ไอ้เสือสมิงสิ มันเป็นนักสู้ของเรา”
  บ่าวยิ้มให้ผมอย่างมั่นใจ

สายลมฤดูร้อนพัดใบโพธิ์ข้างศาลาอยู่ไหวๆ บางใบปลิวตามลมพลิ้วอยู่บางตา  วันนี้บนศาลาพลุกพล่านไปด้วยเด็กๆ จากสองหมู่บ้านที่นัดแนะกันมาสนุกสนานกัน สมาชิกใหม่ของหมู่บ้านอย่างผมกับบ่าวเริ่มคุ้นเคยและสนุกสนานไปกับการละเล่นของเด็กๆ ที่นี่แล้ว

ขาวจับไอ้เสือสมิงและไอ้เสือดาวมาประกบกันอยู่ในอุ้งมือ ผมตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แต่ดูเหมือนบ่าวจะเฉยๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้า
นักสู้จากต่างหมู่บ้านออกแรงบดลูกยางทั้งสองในมืออย่างเต็มกำลัง ขณะที่กองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายต่างก็โห่ร้องหนุนหลังอยู่
“ปรี๊ด!” เจ้าเปียผู้รับหน้าที่กรรมการเป่าสัญญาณให้ขาวหยุดเพื่อเปลี่ยนให้บอยเป็นบดลูกยางบ้าง
“แจ๋วเลยไอ้เสือสมิง ยังไม่แตก” ฝ่ายของเราโห่ร้องด้วยความยินดี

บอยยิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นไอ้เสือสมิงต้านทานแรงบดขยี้จากไอ้เสือดาวไว้ได้
“เอาเลยบอย เอาเลย”
กองเชียร์ฝ่ายขาวทำหน้าจ๋อยสร้างความกดดันให้ขาวยิ่งขึ้นเมื่อไอ้เสือดาวพลาดโอกาสแรกไป ผมสังเกตดูพฤติกรรมของทุกคนก็รู้ว่ากำลังลุ้นกันอย่างสุดตัว

“เอาเลยบอย” ผมตะโกนให้กำลังใจ
คราวนี้เป็นโอกาสของบอยที่จะบดขยี้ไอ้เสือดาวให้แหลกคามือ บอยประกบไอ้เสือสมิงกับไอ้เสือดาวไว้แน่นด้วยอุ้งมือทั้งสอง ผ่อนแรงบีบที่ไอ้เสือดาวเล็กน้อยแล้วบี้ลูกยางทั้งสองเข้าหากันอย่างเต็มแรง

เจ้าเปียคาบนกหวีดไว้คาปากพร้อมที่จะเป่าหยุดเกมตลอดเวลา บอยปั้นสีหน้าบู้บี้ออกแรงบดลูกยางอย่างตั้งใจ
“ป๊อก!” ทุกคนเงียบเสียงแล้วหันมามองหน้ากัน
บอยคลายมือออกช้าๆ ขณะที่ขาวเอามือปิดตาไว้พอมีช่องมองให้มองเห็นลอดไปได้  มือของบอยค่อยๆ แผ่ออกแบบราบจนเป็นแผ่นเดียวกัน  เปียเป่านกหวีดหยุดเกมกระชากความตกใจจากทุกคน

ในมือของบอยเต็มไปด้วยเศษเปลือกลูกยางแตกกระจาย ไม่มีลูกใดยังคงสภาพ ทั้งสองแหลกจนเปลือกปะปนกันแยกไม่ออกว่าเป็นเศษของไอ้เสือสมิงหรือไอ้เสือดาว

“เสมอ!”
เจ้าเปียลั่นคำตัดสินการประลอง
สิ้นเสียงประกาศจากเจ้าเปีย ก็แทรกขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของกองเชียร์ทั้งศาลา ผมเองก็หัวเราะจนท้องแข็งไปพร้อมกับบอยและบ่าวที่หัวเราะอยู่ข้างๆ บรรยากาศตึงเครียดจากการประลองลดถอยลงสู่ภาวะปกติ ไอ้เสือสมิงกับไอ้เสือดาวเหลือเพียงชื่อให้จดจำ ขาวจับมือบอยแสดงความเสียใจที่ไอ้เสือสมิงต้องแหลกเป็นเสี้ยวและชื่นชมในความแข็งแกร่งของมัน  ผมยิ้มให้นักสู้ทั้งสองคนที่มีน้ำใจนักกีฬายอมรับผลการแข่งขันที่ออกมาได้

“บ่ายนี้เรามีนัดเล่นชนวัว ไปด้วยกันนะ” ขาวชวนเราไปเล่นที่หมู่บ้านของขาว เรายิ้มตอบอย่างเป็นมิตร
ผมหันไปถามบอยว่าชนวัวมันเป็นอย่างไร  บอยยิ้มให้แล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับจ้อยและแดง ผมทำตางงๆ กับเสียงหัวเราะนั่นของทุกคนแล้วหัวเราะออกไปบ้าง

“ไปสิ...ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเล่นชนวัวนั้นเป็นอย่างไร”
“เคยเห็นแต่ในทีวี” ขาวยิ้ม

บล็อกของ ปรเมศวร์ กาแก้ว

ปรเมศวร์ กาแก้ว
พ่อกับแม่กลับบ้านไปหลายวันแล้ว  ผมกับบ่าวปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ และสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ดีมากขึ้น ไอ้หมีกับไอ้ตาลก็คุ้นเคยกับเราดี ไม่เห่าคิดว่าเราเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเก่าแดดเช้าสาดสีขาวจากขอบฟ้า ไก่ขันแจ้วๆ ตอบกันเหนือยุ้งข้าวมาแต่ไกล ย่าปลุกเราตั้งแต่เช้าขณะที่ลมอุ่นแห่งท้องทุ่งกำลังพัดโบยหมอกเช้า  เรางัวเงียพลิกตัวไปมาก่อนลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน “บ่าวๆ ๆ ๆ น้องๆๆ”  จ้อยมาตามเราตั้งแต่เช้า“วันนี้ที่ศาลาจะมีการประชันตอกลูกยาง ไปกันนะ ต้องสนุกแน่ๆ”  จ้อยชวน“ไปๆๆ ไอ้เสือสมิงของผมต้องชนะแน่ๆ”…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
แม่ของบอยออกไปนาตั้งแต่เช้า พร้อมกับที่พ่อกับแม่ของผมกลับบ้านไปพอดี  เมื่อคืนเรานอนกันที่บ้านของบอยจึงมีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากมาย  บ่าวกับผมเล่าเรื่องของเล่นสนุกๆ ให้บอยฟัง โดยเฉพาะเรื่องวีดีโอเกม คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต บอยนั่งฟังตาโตเป็นไข่ห่าน  ผมกับบ่าวก็สนุกกับเรื่องราวกลาง
ปรเมศวร์ กาแก้ว
“สาวไปไหน”พ่อหมายถึงอาของผม  ก็น้องสาวของพ่อนั่นเอง  คนปักษ์ใต้นิยมเรียกพี่หรือน้องสาวของตัวเองว่าสาว  อาของผมจึงมีชื่อว่าสาวตั้งแต่นั้นย่าบอกว่าอาสาวออกไปนาตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาหรอก  ส่วนเจ้าบอยก็ตามไปด้วย“เดี๋ยวก็ขึ้นเที่ยง”ย่าหมายความว่าสักครู่ตะวันตรงหัว  อาสาวก็กลับมาพักเที่ยง  กินข้าวกินปลาที่บ้าน  แล้วก็ลงนาต่อในตอนบ่าย   บางวันที่อาสาวนำข้าวห่อไปด้วย  ขนำกลางทุ่งข้างต้นม่วงก็เป็นที่พักหลบแดดเที่ยงได้อย่างดีไอ้หมีกับไอ้ตาลเห่าลั่นดังไปรอบบ้าน  มันกระดิกหางเล่นอยู่วุ่นวาย  ผมเห็นหญิงวัยกลางคนเดินนำเด็กชายตัวเล็กมาแต่ไกล…