Skip to main content

แม่ของบอยออกไปนาตั้งแต่เช้า พร้อมกับที่พ่อกับแม่ของผมกลับบ้านไปพอดี  เมื่อคืนเรานอนกันที่บ้านของบอยจึงมีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากมาย  บ่าวกับผมเล่าเรื่องของเล่นสนุกๆ ให้บอยฟัง โดยเฉพาะเรื่องวีดีโอเกม คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต บอยนั่งฟังตาโตเป็นไข่ห่าน  ผมกับบ่าวก็สนุกกับเรื่องราวกลางทุ่งกว้างของบอยจนดึกและหลับไปโดยไม่รู้ตัว

แดดในเช้าวันเสาร์สาดทามาทางหน้าต่างปลุกเราตอนสายเข้าไปแล้ว ย่าขึ้นมาปลุกเราแล้วบอกว่า อาสาวไปนาตั้งแต่เช้า  วันนี้ที่ศาลากลางหมู่บ้านมีตลาดนัดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนเย็น บอยบอกจะพาเราไปตระเวนเที่ยวตลาดนัดกัน  ผมนึกอยู่ในใจว่าคงจะสนุกเพราะเป็นตลาดที่ชาวบ้านทั้งในและหมู่บ้านใกล้เคียงจะนำของมาขายกันที่นี่ บอยบอกว่ามีทั้งกับข้าวกับปลา เสื้อผ้า และของใช้ไม้สอยต่างๆ มากมาย ที่สำคัญที่ศาลากลางหมู่บ้านเป็นสถานที่นัดพบของเด็กๆ  วันนี้ผมกับบ่าวคงได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกหลายคนที่ร้านขนมจีนยายนอมเป็นแน่

“ รีบไปสิ เดี๋ยวขนมจีนยายนอมหมดไม่รู้ด้วยนะ”
ย่าเร่งบอยให้พาผมกับบ่าวไปกินขนมจีนยายนอมเป็นมื้อเช้าก่อนที่จะเถลไถลไปอื่น

ขนมจีนยายนอมเป็นที่ติดอกติดใจของเด็กๆ ในหมู่บ้าน ยายนอมใจดีชอบแถมอยู่บ่อยๆ ลูกพี่ลูกน้องตัวเมี่ยงของเรานำทางมาจนถึงร้านขนมจีนยายนอมพร้อมกับเด็กคนอื่นๆ อีกสองสามคน

“พี่บ่าวกับน้อง”
บอยแนะนำผมกับพี่ชายให้เด็กชายสองคนได้รู้จัก  ผมได้แต่ยิ้มร่าและไม่พูดอะไร
“บ่าวกับน้องเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน”
“มาจากในเมือง”

บ่าวทิ้งระยะสักพักพอให้ทั้งสองฝ่ายได้สบตาและยิ้มทักทายกันในความเงียบสักครู่แล้วแนะนำต่อ
“นี่แดงกับจ้อย”
เด็กชายทั้งสองทำท่าเก้ๆ กังๆ ยิ้มรับเราอย่างเป็นกันเอง

ยายนอมหยิบขนมจีนราดน้ำยาให้เราทุกคน  ผมไม่ชอบกินอาหารรสเผ็ดแต่บ่าวพอกินได้ ส่วนแดงกับจ้อยไม่ต้องห่วง พวกเขาคุ้นชินกับอาหารพื้นบ้านมาตั้งแต่เด็กแล้ว แดงกับจ้อยกินเร็วกว่าใครเพื่อน ผมเห็นพวกเขาตักขนมจีนเข้าปากคำโตแล้วสูดเข้าปากไปดูแล้วน่าสนุกจึงพยายามทำตามแต่เส้นขนมจีนก็สะบัดเลอะไปทั้งสองแก้มจนทำให้คนอื่นๆ หัวเราะ

บอยหยิบทอดมันกุ้งมาชิ้นหนึ่งฉีกแบ่งให้ผมกับบ่าวกินเป็นกับแกล้มขนมจีน ส่วนบรรดาผักต่างๆ ที่วางอยู่เต็มถาดนั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครแตะเลยสักคน ทั้งยอดหมุย ยอดแซะ ยอดมันปู ลูกฉิ้ง หรือแม้แต่จะเป็นถั่วงอกก็ตามที

ก๊วนของเรากินขนมจีนยายนอมกันคนละสองจาน ทั้งผมและบ่าวเผ็ดน้ำมูกน้ำตาไหลจนเป็นที่ขบขันของเพื่อนๆ  ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าตอนสายแล้วขณะที่คนในตลาดเริ่มพลุกพล่าน ที่ศาลาเริ่มมีเด็กๆ มากันหลายคนแล้ว แดงบอกว่าพวกเขาเป็นเด็กๆ แถวนี้กับลูกพ่อค้าแม้ค้าที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยเสมอเมื่อมีตลาดนัดที่นี่ 

“ดูโน่นสิ”
บ่าวชี้ไปทางต้นโพธิ์ใหญ่ข้างศาลา
“อะไรๆ”
ทุกคนลุกลี้ลุกลนหันขวับไปทางเดียวกัน

“ไก่ๆ  ไก่แจ้”
“ไหนๆ”
“โน่น...ทางโน้น”
บ่าวชี้คว้างไปที่กิ่งโพธิ์ทางซ้าย

“ไก่แจ้มันมักขึ้นแอบไปไข่ทิ้งไว้บนนั้นเสมอ ฉันเห็นประจำ”
จ้อยพูดเหมือนอวดเพื่อนๆ ว่าตัวเองเห็นเป็นปกติ

“เดี๋ยวฉันขึ้นไปหยิบให้ดู ตอนนี้ไม่มีแม่ไก่แล้ว”
จ้อยปีนขึ้นไปช้าๆ และระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังหันกลับลงมองพื้นล่างที่เพื่อนๆ คอยเชียร์อยู่  เมื่อถึงตรงจุดหมายทั้งบ่าว แดง และผมก็ลุ้นกันอย่างเต็มที่ ภาพไข่ไก่แจ้ลอยลิ่วอยู่ในหัวทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นเลยว่าแท้จริงแล้วนั้นเป็นอย่างไร

“เจอหรือยัง?”
บ่าวเร่งจ้อยเพราะอยากเห็นไข่เร็วๆ
“เจอแล้วๆ...นี่ไง”
จ้อยชูไข่ไก่แจ้ใบเล็กๆ ขึ้นแกว่งไปมาเหนือหัวสองฟอง ไข่ไก่แจ้จะเล็กกว่าไข่ธรรมดาที่บ่าวกับผมเคยกินอยู่มากทีเดียว เพราะไก่แจ้ตัวเล็กกว่าไก่ทั่วไปที่บ่าวกับผมเห็นอยู่เป็นประจำ

“มีหกฟอง”
จ้อยตะโกนดังจากบนต้นไม้ ส่วนพวกเราก็ตาโตไปตามๆ กัน

“เก็บไว้เถอะ...เดี๋ยวแม่มันก็กลับมา ให้มันอยู่กับแม่ของมัน”
ในแววตาพวกเราจ้องกันอยู่ ทุกคนไม่อยากพรากมัน

เด็กๆ ที่มุงกันอยู่ใต้โคนต้นโพธิ์เริ่มถอยออกไปเมื่อจ้อยปีนกลับลงมามือเปล่า  บอยชวนทุกคนไปเดินเล่นในตลาดต่อ วันนี้มีปลาสวยงามสัตว์เลี้ยงสุดโปรดของผมมาขายด้วย  บ่าวซื้อลูกเนียงต้มคลุกมะพร้าวขูดมากินตามคำของจ้อยแล้วก็แบ่งกันกินทุกคน

แม่ค้ามือสมัครเล่นที่เก็บผัก-จับปลาข้างบ้านมาขายกลับบ้านไปบ้างแล้ว ดวงตะวันดวงโตฉายแสงร้อนลงตรงหัวบอกเวลาเที่ยงวันพอดี  พวกเราซึ่งนำทีมโดยบอยและเพื่อนๆ ยังพาผมกับบ่าวเที่ยวตลาดโดยรอยอย่างสนุกสนาน ระหว่างทางเราเดินผ่านร้านขนมหลายร้าน ผมแวะซื้อปลาหมึกย่าง แดงวิ่งนำพวกเราทุกคนรี่ไปหาแม่ที่ขายบรรดาน้ำหวานต่างอยู่ในตลาดนัดนี้ด้วย 

เมื่อเราวิ่งตามมาถึง แม่ของแดงยิ้มให้เราทุกคน
“บ่าวกับน้อง  ลูกของลุงมาจากในเมืองครับ”
บอยทำหน้าที่แนะนำให้แม่ของแดงรู้จัก
“โตขึ้นเยอะเลยนี่  คราวก่อนที่เจอกันยังเล็กอยู่เลย  จำได้ไหม?”
“ไม่ได้ครับ”
ผมเอียงหน้าอายเล็กน้อย

“ครั้งก่อนที่พ่อของน้องพามาเที่ยวตลาดนัด ตอนที่น้องตัวเท่านี้ได้มั้ง”
แม่ของแดงทำมือบอกความสูงของผมสักครึ่งเอวของแม่ ส่วนผมก็ยิ้มตอบคำบอกเล่าของแม่  แม่ของแดงเป็นแม่ค้าขายของอยู่ที่นี่มานานจึงมักเห็นใครต่อใครผ่านหูผ่านตามมากมาย  ใครผิดหูผิดตามาก็จะรู้ อีกทั้งแม่ของแดงเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันด้วย

เราได้ชาเย็นติดมือมาจากร้านแม่ของแดงคนละถุง ก่อนเดินกลับออกมาพร้อมๆ กัน ผมสงสัยเหลือเกินว่าถุงใส่น้ำที่ห้อยโตงเตงอยู่หน้าร้านขายขนมหลายร้านนั้นมีไว้ทำไม ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนรี่เข้าไปถามเพื่อคลายข้อสงสัย
“นี่อะไรครับ?”
“ถุงน้ำ”
“ถุงน้ำไว้ไล่แมลง”
แม่ค้าคนสวยตอบพร้อมกับแกว่งถุงน้ำไล่แมลงอวดผม

“อ๋อ...”
“อีกอย่างลองมองผ่านถุงน้ำดูสิก็จะรู้ว่าไล่แมลงได้อย่างไร”
แม่ค้าคนสวยเพิ่มความใคร่รู้ของผม

“เฮ้ย...แปลกจริง บ่าวลองดูสิ”
“เฮ้ย...จริงๆ ด้วย”
บ่าวลองดูบ้าง

“เวลาแมลงมองผ่านถุงก็จะเห็นภาพแปลกๆ เป็นภาพขยายตัวขึ้นเพราะมองผ่านน้ำ หรือไม่ก็จะเห็นภาพสะท้อนตัวเองที่ใหญ่ขึ้นจนตกใจบินหนีไปอย่างไรล่ะ”
แม้ค้าคนสวยแกว่งถุงไปมาอีกครั้งเมื่อมันหยุดอยู่กับที่แล้ว  เราขอบคุณแม่ค้าคนสวยที่ให้ความรู้ใหม่ๆ แล้วเดินจากไป

ตลาดเริ่มวายเมื่อตะวันค่อยไปทางบ่ายแก่ๆ เด็กๆ แยกย้ายกลับบ้าน ก๊วนของเราแยกกันที่บ่อน้ำหน้าบ้านจ้อย  รถกระบะของแม่ค้า-พ่อค้าหลายคันบรรทุกของเต็มคันรถแล่นผ่านแซงเราไปคันแล้วคันเล่า  แดงโบกมือหยอยๆ ลาพวกเราเมื่อพ่อของแดงขับผ่านเราไป แม่กับแดงนั่งอยู่ท้ายกระบะ พอรถตกลงหลุมโยกเยกไปมา แดงกับแม่กระดอนขึ้นเหมือนลูกบอลปนเสียงหัวเราะเล็กๆ ดังขึ้นจนลับไป

บอยพาเรากลับถึงบ้านตอนตะวันตกดินพอดี  ไอ้หมีกับไอ้ตาลวิ่งหน้าระรื่นมารับเราแต่ไกล

“เป็นไงล่ะตลาดนัด”
ย่ายิ้มถามแล้วมองมาทางผม

บล็อกของ ปรเมศวร์ กาแก้ว

ปรเมศวร์ กาแก้ว
ผมอยากกล่าวถึงพรรคการเมืองผมอยากกล่าวถึงพรรคการเมือง……พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ครอบครัวเราก็เคยมีสวนยาง
ปรเมศวร์ กาแก้ว
 โอกาสดีที่ผมได้กลับมาราไวย์ และภูเก็ตอีกครั้งหนึ่งหลังจากห่างหายภูเก็ตมาหลายปี
ปรเมศวร์ กาแก้ว
  เมื่อพบปีกบาง ๆ ที่ฉันทำหล่นหายไป แววตาฉันยิ้ม และเหมือนฉันได้ชุบหัวใจ ให้พบกับท้องฟ้าสดใสอีกครั้ง เป็นวันพิเศษ ที่จะได้พบเจ้าดอกไม้  ได้ตามหาทุกเวลาที่หล่นหายไป เป็นปีกบาง ๆ อันแสนวิเศษ มีเธอเคียงข้าง อันตรายใดเล่าจะยั่งยืน ต่อจากนี้ไป ฉันจะดูแลเธอด้วยรัก จะปกป้องและเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้เธอเอง เธอเป็นปีกบาง ๆ อันแสนวิเศษ เป็นหนึ่งเดียวมาตราบทุกคืนวัน มิอาจผันแปรเป็นอื่น ฉันจะไม่ทำให้เธอหล่นหายอีก ฉันสัญญา แมลงปอตัวน้อยอย่างฉัน จะดูแลเธออย่างดี เพราะเธอเป็นปีกบาง ๆ อันแสนวิเศษ     ดาลใจจากบทกวีของน้องสาว "ann5111113010" ใน "yos jazz"
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ฉันจะยอมรับทุกอย่างไว้คนเดียว จะไม่ยอมให้เธอทนทุกข์  หวังเพียงให้เธอต่อสู้กับโชคชะตาที่เล่นตลกกับเรา และปลดปล่อยความเศร้าทิ้งไป คิดหรือว่าฉันปรารถนาความปวดร้าว คนอื่นต่างตั้งความหวังกับฉันและเธอ ใครบ้างอยากผิดหวังซ้ำ ไม่เลย.... ยามเธอโอบกอดฉัน...ฟ้าก็สดใส เมฆขาวชุ่มเย็นในสายลม ฉันไม่เคยเจออย่างนี้ แม้พรุ่งนี้มีอะไรให้ต้องคิด เธอก็จะพาฉันกางปีกบินไป ให้ฉันรู้จักชีวิต ให้ฉันลืมความโศกเศร้าปวดร้าว ในนาทีอันยาวนาน...ไม่มีวันหวนคืน เพราะนั่นคือเรา อะไรก็ไร้ความหมายเมื่อเราต้องเดินคนละทาง เธอบอกเองว่าฉันเป็นใคร แม้ฉันจะไม่ยอมแพ้....เธอก็เหมือนกัน สุขใจที่เคยพเนจรไปด้วยเธอ ฉันรู้,…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
                                                                ดอกหญ้าแห่งเกาะโคบ วันแดดโอบลมรื่นรวยแต่งริ้วบานกรีบสวยชูดอกชื่นระรื่นลม ดอกหญ้ากลางทะเลอวยเสน่ห์ดูน่าชมชวนแมลงมาดอมดมต่อความงามสะพรั่งงาม …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ไก่แจ้สีขาวขันคำ               เหนือยุ้งเก่าคร่ำบอกกาลนานสมัยรุ่งแล้วเจื้อยแจ้วแว่วไกล      ปลุกชีวิตให้ตื่นพบวิถีครรลองชาวนาทำนาช่ำชอง             เรียบง่ายเรืองรองหาผักหาปลาปรุงกินหว่านกล้าเป็นข้าวแต่งดิน      หล่อเลี้ยงชีวินช่วยเก็บช่วยเกี่ยวผลพันธุ์สืบทอดวิถีแบ่งปัน               แต่โบราณอันเกื้อกูลน้ำมิตรน้ำใจจึงมีข้าวเหลืองอำไพ  …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ในวันที่ฝนเดือนห้ากำลังโหมแรงไปทั่ว ละอองฝนชุ่มหลงฤดูอาจทำให้ผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านรู้สึกได้ว่า องค์ความรู้เรื่องฤดูกาลและช่วงเวลา "ฝนแปดแดดสี่" ตามลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทรของภาคใต้ได้คลาดเคลื่อนไปบ้างแล้ว ด้วยเพราะทางเดินของลมฝนทั้ง 2 ฝั่งทะเล (โดยภาวะปกติแล้ว ภาคใต้และลุ่มทะเลสาบจะมีฤดูฝนยาว 8 เดือน ต่อด้วยฤดูร้อน 4 เดือนในรอบ 1 ปี) ที่ถ่ายทอดกันมาจากคนรุ่นก่อนแปลกหูแปลกตาไปจากอดีตบ้างแล้ว