Skip to main content

 โอกาสดีที่ผมได้กลับมาราไวย์ และภูเก็ตอีกครั้งหนึ่งหลังจากห่างหายภูเก็ตมาหลายปี  แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ราไวย์เป็นชุมชนเล็ก ๆ ริมทะเลภูเก็ต ที่มีชาวอูรักลาโว้ยอาศัยอย่างเงียบสงบอยู่ที่นี่  ผมมาราไวย์แล้วหลายครั้ง ภาพทรงจำในการมาเยือนครั้งก่อน ๆ ของผมยังดูเรียบง่าย เด็ก ๆ อูรักลาโว้ยตัวกร้านแดดวิ่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ กะละมังทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา สด ๆ ของพ่อแม่ที่พวกเขาจับมาขายเองจากท้องทะเล

วันนี้ที่โลกาภิวัฒน์วัฒนธรรมข้ามพรมแดนมาถึง วิถีชีวิตของชาวชุมชนราไรย์เปลี่ยนแปลงไปที่นี่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนต่างถิ่นทั้งคนไทยต่างถิ่นและชาวต่างชาติ  รถรามากมาย และสองข้างทางเรียงรายด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ของประดับตกแต่งจากท้องทะเล  และร้านอาหารทะเลสด  สิ่งที่น่าสนใจให้คิดต่อคือทั้งหมดล้วนเรียกลูกค้าด้วยวิธีการเดียวกัน คือการขายฝังมายาคติลวง ๆ ของความเป็นชายเล ความเป็นชาวอูรักลาโว้ยผ่านลงไปในทุกสินค้าต่าง ๆ โดยทำให้ผู้คนที่มาเยือนเชื่อว่าสินค้าเหล่านั้นเป็นสินค้าของชาวอูรักลาโว้ยทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งพ่อค้าแม่ค้าต่างก็ไม่ใช่ชาวอูรักลาโว้ยพวกเขาเหล่านั้นมาจากต่างถิ่นและพยายามย้อมสินค้าของท้องถิ่นอื่นให้เป็นสินค้าท้องถิ่นของชาวอูรักลาโว้ย  แม้กระทั่งสินค้าเหล่านั้นทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ ส่วนใหญ่แล้วมาจากท้องถิ่นอื่น  และส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นร้านค้าของชาวอูรักลาโว้ย อีกอย่างในส่วนน้อยนั้นก็ยังถูกเบียดให้เป็นร้านค้าชายขอบของร้านค้าอื่นอีกด้วย

ส่วนชาวอูรักลาโว้ยนั้นถูกเบียดขับให้เป็นชายขอบทั้งจากผู้คนเมืองกระแสหลักในเมือง เป็นชายขอบของรัฐที่มองว่าชาวอูรักลาโว้ยไม่ยอมปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปตามสังคมโลกลากาภิวัตน์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งเป็นชายขอบของนายทุนที่ได้เอกสารสิทธิที่ดินและรุกไล่ที่จนชาวอูรักลาโว้ยต้องเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยเรื่อยมา ซึ่งทุกวันนี้พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินที่อาศัยสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน พวกเขาไม่มีสิทธิทางกฎหมายใด ๆ และกำลังไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ

 

บล็อกของ ปรเมศวร์ กาแก้ว

ปรเมศวร์ กาแก้ว
พ่อกับแม่กลับบ้านไปหลายวันแล้ว  ผมกับบ่าวปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ และสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ดีมากขึ้น ไอ้หมีกับไอ้ตาลก็คุ้นเคยกับเราดี ไม่เห่าคิดว่าเราเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเก่าแดดเช้าสาดสีขาวจากขอบฟ้า ไก่ขันแจ้วๆ ตอบกันเหนือยุ้งข้าวมาแต่ไกล ย่าปลุกเราตั้งแต่เช้าขณะที่ลมอุ่นแห่งท้องทุ่งกำลังพัดโบยหมอกเช้า  เรางัวเงียพลิกตัวไปมาก่อนลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน “บ่าวๆ ๆ ๆ น้องๆๆ”  จ้อยมาตามเราตั้งแต่เช้า“วันนี้ที่ศาลาจะมีการประชันตอกลูกยาง ไปกันนะ ต้องสนุกแน่ๆ”  จ้อยชวน“ไปๆๆ ไอ้เสือสมิงของผมต้องชนะแน่ๆ”…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
แม่ของบอยออกไปนาตั้งแต่เช้า พร้อมกับที่พ่อกับแม่ของผมกลับบ้านไปพอดี  เมื่อคืนเรานอนกันที่บ้านของบอยจึงมีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากมาย  บ่าวกับผมเล่าเรื่องของเล่นสนุกๆ ให้บอยฟัง โดยเฉพาะเรื่องวีดีโอเกม คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต บอยนั่งฟังตาโตเป็นไข่ห่าน  ผมกับบ่าวก็สนุกกับเรื่องราวกลาง
ปรเมศวร์ กาแก้ว
“สาวไปไหน”พ่อหมายถึงอาของผม  ก็น้องสาวของพ่อนั่นเอง  คนปักษ์ใต้นิยมเรียกพี่หรือน้องสาวของตัวเองว่าสาว  อาของผมจึงมีชื่อว่าสาวตั้งแต่นั้นย่าบอกว่าอาสาวออกไปนาตั้งแต่เช้ายังไม่กลับมาหรอก  ส่วนเจ้าบอยก็ตามไปด้วย“เดี๋ยวก็ขึ้นเที่ยง”ย่าหมายความว่าสักครู่ตะวันตรงหัว  อาสาวก็กลับมาพักเที่ยง  กินข้าวกินปลาที่บ้าน  แล้วก็ลงนาต่อในตอนบ่าย   บางวันที่อาสาวนำข้าวห่อไปด้วย  ขนำกลางทุ่งข้างต้นม่วงก็เป็นที่พักหลบแดดเที่ยงได้อย่างดีไอ้หมีกับไอ้ตาลเห่าลั่นดังไปรอบบ้าน  มันกระดิกหางเล่นอยู่วุ่นวาย  ผมเห็นหญิงวัยกลางคนเดินนำเด็กชายตัวเล็กมาแต่ไกล…