Skip to main content

ฉันได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะมาเที่ยวตามป่าเขาแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ

 

รัฐบาล โดยนายอำเภอ และอุทยานแห่งชาติ จัดให้มีงานบวชป่า และส่งมอบอาวุธปืน มีหนังสือจากหน่วยงานของรัฐมาถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในเย็นวันหนึ่ง มีเสียงพูดกันเบา จับใจความได้ว่า พวกเขากังวล เพราะพวกเขาไม่มีปืนจะไปมอบ


ฉันฟังอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้พวกเขาว่าจะกังวลทำไม ไม่มีก็ไม่ต้องมอบ บอกไปว่าเราไม่มีก็จบ ก็ไม่มีจะเอามาจากไหน


พรุ่งนี้เช้า ฉันคิดว่าจะไปงานบวชป่าและส่งมอบอาวุธปืนด้วย ฉันคิดถึงการกินอาหารในป่าท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามกันอย่างมีความสุข


ยามเช้า

รถอุทยาน รถป่าไม้ เข้ามาในหมู่บ้านหลายคัน ขับเคลื่อนด้วยสี่ล้อเลยผ่านขึ้นไปด้านบน


ชาวบ้านแต่งชุดชนเผ่าที่สวยงาม ผู้ชายสวมเสื้อสีแดง หญิงสาวและเด็กหญิงสวมเชวาสีขาว แม่บ้านสวมเสื้อปักหลากสี มีลูกน้อยผูกติดไปด้วย ออกเดินเท้ากันไป เสียงพูดคุยหยอกล้อในระหว่างเดินไป พวกหนุ่ม ๆ ใช้มอเตอร์ไชค์ขับผ่านทิ้งฝุ่นกลบหน้าหญิงสาวผ่านขึ้นไป

 

ที่ลานกว้างกลางป่า

ร้านไม้ไผ่มีแกงเขียวหวานหม้อโต กับผัดกะเพราไก่กะละมังใหญ่ จานโฟม และขวดน้ำพลาสติกจำนวนมากถูกนำมาวางรวมกัน


ใครคนหนึ่งบ่นว่า เอาขยะเข้ามาในป่าอุทยานได้อย่างไร ดูเถอะชาวบ้านเขายังเอาข้าวห่อใบไม้ ใบกล้วย


ด้านหนึ่งมีโต๊ะพิธีกรรม การบวชป่าใช้พิธีกรรมแบบคาทอลิก เพราะชาวบ้านนับถือศาสนาคริสต์กันทั้งหมู่บ้าน

 

ผู้นำทางศาสนาเริ่มพิธีกรรม สวดและพูดว่า เรามีหัวใจของการมารวมกันที่ เรามาเพื่อขอบคุณ เพื่อขอโทษป่าและน้ำ

 

หัวหน้าอุทยานกับทีมนักข่าว ตำรวจ นายอำเภอ ก็มาถึงพร้อมกับข้าราชการจำนวนหนึ่ง

 

นายอำเภอกล่าวเปิดงาน

เครื่องเสียงดังแกรกๆ กรากๆ ตลอดเวลา แต่นายอำเภอก็ยังพยายามพูดเปิดงาน แกรกๆ ๆ

อะโหล โหล ได้ยินไหมครับ ได้ยินนะครับ...กราก กราก แกรก แกรก วู้ด....“โหล่ โหล ...เมื่อผมมาเป็นนายอำเภอที่นี่ ผมก็พยายามศึกษาว่า ทำไมชาวบ้านจึงตัดไม้ทำลายป่า และก็พบว่า หนึ่งเพราะต้องการที่ทำกินจึงบุกป่าไปเรื่อยๆ ป่าไม้ก็หมด การทำลายเพื่ออะไรก็ตามไม่คุ้ม เช่นเรามีบ้านไม้สักหลังใหญ่แต่เสียป่าไป”

(ฉันคิดตามคำพูดของท่าน บ้านไม้สักที่ไหน ท่านคงหมายบรรดาข้าราชการหรือท่านพูดให้นักข่าวฟัง)


ป่าจะทำให้เย็นสบายกว่าห้องแอร์เสียอีก”

(ถึงตอนนี้คิดขึ้นได้ว่า ท่านคงไม่ได้หมายถึงชาวเขา ที่นี้ไม่มีใครใช้แอร์สักหลัง )

 

หวังว่าชาวเขาจะไม่ทำลายป่า ป่าสูงๆ ควรจะคืนให้กับเจ้าที่ คืนให้กับหลวง”

ท่านไม่ถามว่าใครมีข้อสงสัยหรือเสนอบ้าง


มองหน้าพวกชาวเขา ที่นั่งก้มหน้า ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะเบาๆ รับคำท่าน เหมือนซีกข้าราชการ ใครจะยิ้มออก ตื่นแต่เช้าหุงข้าวห่อมาเพื่อมานั่งฟังคำกล่าวประณามว่าเป็นผู้ทำลายป่า

 

หัวหน้าอุทยานพูดบ้าง ท่านพูดน้อยเพราะเครื่องเสียงดังแกรกกรากๆ ๆ ยิ่งขึ้น
ท่านนายอำเภอพูดไปหมดแล้ว ผมเห็นด้วยกับนายอำเภอทุกอย่าง”

 

ปืนของใคร

ที่สุดของงานอยู่ตรงนี้ .... การมอบอาวุธปืนคืนเจ้าหน้าที่ นายตำรวจที่อยู่ด้านหลังเดินเข้ามา สมทบด้านหน้า ช่างภาพเตรียมหามุมกล้องที่ดีที่สุด

 

คิดถึงคำพูดของชาวเขาเมื่อวาน พวกเขาบ่นไม่มีปืนจะไปมอบให้

ใช่แล้ว ...ไม่มีใครมีปืนอยู่ในมือสักคน แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา มีปืนพร้อมอยู่แล้ว ปืนสี่กระบอกถูกผูกเอาไว้กับเสาหลักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ถึงตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาจึงเป็นกังวลกับอาวุธปืนที่จะส่งมอบให้เจ้าหน้าที่


คำตอบของฉันที่บอกกับเพื่อนไปว่า ไม่เห็นต้องกังวลอะไร ไม่มีก็ตอบว่าไม่มี ฉันเพิ่งรู้ว่าสิทธิในการถามหรือตอบนั้นก็ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ เหมือนกัน

 

นายอำเภอ หัวหน้าอุทยาน นายตำรวจ และข้าราชการป่าไม้ ยืนกันพร้อมหน้าใกล้ๆ ปืนกระบอกยาว มีการจัดระเบียบกันเล็กน้อย


อ้าว...ส่งตัวแทนมาส่งมอบอาวุธปืน ใครก็ได้สองคนเป็นตัวแทน” ไม่มีใครขยับ

ผู้ชายข้างหน้าสองคนออกมาเป็นตัวแทนเลย” เสียงดังฟังชัดและมีการชี้ตัวเกิดขึ้น

เอาล่ะ เอามือจับปืนทำท่าเป็นส่งมอบซิ”


นักข่าวช่างภาพจำนวนกว่าสิบระดมกันถ่ายรูป กล้องโทรทัศน์อีกสองกล้อง จ่อเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าไร้สุข ชายสองคนที่ได้เกียรติเป็นตัวแทนส่งมอบอาวุธ

 

ฉันถามข้าราชการที่อยู่ใกล้ๆ ว่า

ปีนใครกันแน่ค่ะ ฉันอยากคุยกับคนที่เป็นเจ้าของปืน”

ไม่รู้”

ถ้าเป็นเรา ถูกเลือกให้เป็นเจ้าของปืน หรือเจ้าของอย่างอื่นที่ผิดกฎหมาย เช่น เจ้าของรถที่ถูกขโมยมา เราคงแย่เหมือนกัน”

บ่ฮู้นา บ่ใช่ชาวเขา” ข้าราชการคนนั้นพูดคำเมืองใส่ฉันอย่างไม่สบอารมณ์

 

พิธีกรรมทางศาสนาก็เริ่มขึ้น บาทหลวงพูดหลายอย่าง แต่มีคำหนึ่งคือ การให้อภัย การไม่ถือโทษโกรธกัน

การไม่โกรธเป็นเรื่องที่ดีศาสนาไหน ๆก็สอน ฉันคิดว่า ศาสนาช่วยไว้ได้มาก เพราะฉันรู้สึกถึงความอ่อนโยนขึ้นมา ที่แห่งนี้ดูเปลี่ยนไปทันใด งดงามขึ้นมาทันที โดยเฉพาะในช่วงประกอบพิธีกรรม แต่ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ศาสนาอาจจะไม่ได้สอนให้มีความเท่าทัน


วันต่อมาคงจะมี ข่าวโทรทัศน์ “ชาวบ้านกลับใจมอบอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่ และให้สัญญาจะไม่ล่า ไม่ฆ่าสัตว์ป่า ไม่บุกรุกผืนดิน”


ข่าวหนังสือพิมพ์ก็ว่า นายอำเภอสั่งห้ามบุกรุกป่า คืนป่าบนดอยสูงให้หลวง ฉันรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้เพราะฉันเป็นนักข่าวมาก่อน


แต่ฉันอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่า ใครเป็นเจ้าของปืนและปืนถูกนำมามัดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ถามใคร ก็ไม่มีใครตอบ


บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
ถ้าฉันพูดว่า อย่าเอาดอกไม้มาให้ฉันถ้าเธอไม่ได้ปลูกเอง เธออย่าโกรธฉันนะ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง วันหนึ่งก่อนฤดูฝน ฉันเดินทางไปหมู่บ้านหลังดอยอินทนนท์  ฉันพบผู้ชายคนหนึ่ง เขาพูดว่า"เอาดอกไม้ของฉันออกจากหน้าอกเธอ"หนุ่มใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น หญิงสาวมีสีหน้าแปลกใจคงสงสัยว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจ จึงไม่ยอมเอาดอกไม้ออกจากกระเป๋าเสื้อ "เอาออกเถอะ" เขายืนยันอีกครั้ง แต่หญิงสาวยังไม่ทำตาม ยังคงเอาดอกไม้เหน็บในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกต่อ ในที่สุดเขาก็บอกว่า " มันอันตราย ดอกไม้ฉันมีแต่ยา"
แพร จารุ
หมู่บ้านหายโรงเรียนร้าง เดือนก่อนฉันเดินทางไปที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวเชียงดาว ไกลเข้าไปในป่า พบโรงเรียนร้างไม่มีเด็ก ไม่มีครู โรงเรียนถูกปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน และไม่ใช่แค่โรงเรียนร้างเท่านั้น หมู่บ้านก็หายไปด้วย  ผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าหมู่บ้านนี้ถูกซื้อไปแล้ว "จริงเหรอ เหมือนโฆษณาเลย โฆษณาอะไรนะ ที่ผู้ชายคนหนึ่งถามซื้อเกาะให้ผู้หญิง" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น"ไม่ใช่แค่โฆษณาหรอก ละครโทรทัศน์ก็มีเหมือนกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเขาซื้อเกาะให้หญิงสาวเป็นของขวัญหากเธอแต่งงานกับเขา" ฉันบอกพวกเขา
แพร จารุ
แปลกใจใช่ไหมค่ะ ต้นไม้ใหญ่ อ่างเก็บน้ำและหมีแพนด้า  มันเกี่ยวกันอย่างไร  เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  เดือนฉันก่อนไปศาลากลางมา  ที่หน้าศาลากลางมีคนมากมาย มีชาวบ้านมาประท้วงเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ 
แพร จารุ
ในขณะที่ผู้คนที่มาดูต้นไม้ ต่างตื่นเต้นกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใหญ่ที่สุดที่นี่คือต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปูที่สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เป็นสนามกอล์ฟเก่า เขาเล่ากันว่าต้นไม้นี้มีอายุมากกว่าร้อยปี ส่วนสูง 15 เมตร ผ่านการประกวดต้นไม้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลของเทศบาลมาแล้ว
แพร จารุ
"ที่ซึ่งหนุ่มสาวหอบฝันมาทิ้ง" ฉันบอกเพื่อน ฟังดูน่าตกใจและดูจะเป็นคนใจร้ายไปสักหน่อย และหากว่าน้อง ๆ หนุ่มสาวที่นี่ได้ยินฉันพูดทำนองนี้ พวกเธออาจเสียกำลังใจ เพราะการเดินทางครั้งนี้เราพบหนุ่มสาวพวกที่ฉันคิดว่าเป็นพวก"หอบความฝัน"มากมายหลายคนทีเดียว
แพร จารุ
"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนคงรำคาญที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความหลังครั้งก่อน (ฉันเขียนมาถึงตอนนี้เมื่อฉบับที่แล้ว )  เราได้เพื่อนใหม่ทันที เธอชื่อเนเน่ เธอบอกว่า เธอเดินทางมาที่นี่ปีละหลาย ๆ ครั้ง และแม้ปายจะเปลี่ยนไปอย่างไรเธอก็ยังชอบปาย เธอมาเพื่อหาที่นั่งอ่านหนังสือสบาย ๆ ช่วง เย็น ๆ ก็ออกเดินเล่นไปตามถนน เดินคุยกับคนโน้นคนนี้เพราะผู้คนส่วนมากเป็นมิตร
แพร จารุ
  1 ปาย เปลี่ยนไปมาก และที่ฉันไม่กล้าไปปายก็เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวจะเสียใจกับความเปลี่ยนแปลงก็เลยพยายามจะลืมปายทำเหมือนหนึ่งว่าไม่เคยมี ไม่เคยไป
แพร จารุ
"ป้าไฟไหม้ ไฟไหม้ " หลานสาวส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน "ไฟไหม้ที่ไหน" ฉันถาม เดี๋ยวนี้อาการตื่นกลัวเรื่องไฟไหม้ป่าหลังบ้านลดลงไปแล้ว หากเป็นเมื่อสองปีก่อน ฉันจะกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นและรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทันที และบางครั้งก็ลงมือดับไฟเองก่อนที่รถดับเพลิงจะมา พร้อมกับบ่นด่าคนที่ทำไฟไหม้ คนที่มาเก็บของกินในสวนร้างแต่ไม่เคยสนใจหน้าแล้งยามที่ไม่ค่อยมีอะไรเก็บกิน และเจ้าของสวนที่ทิ้งสวนตัวเองไว้แล้วไม่มาดูแล  รวมถึงดับเพลิงที่มาช้าไม่ทันใจ
แพร จารุ
"อย่าลืมเอาถุงผ้าไปซื้อของ" ฉันเคยบอกใครต่อใครจนเขาเบื่อหน่ายกันแล้ว "อย่าเอาถุงพลาสติกเข้าบ้านถ้าไม่จำเป็น"และทุกครั้งที่ฉันเห็นถุงพลาสติกที่ใส่อาหารแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและรีบเก็บแต่ถุงพลาสติกก็ไม่เคยหมดไปจากบ้านฉัน มันวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้เสมอ ๆ
แพร จารุ
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาขยันมาก นั่งทำงานทุกวัน เขามีเมียขี้คร้านกับหมาพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงเห่าแหลมเล็กทั้งวันทั้งคืน เสียงหมาเห่าดังมาก  แต่เขายังนั่งทำงานอย่างไม่สนใจ  เมียเขานอกจากขี้คร้านแล้วขี้รำคาญด้วย เธอจึงลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเพราะเธอกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสำราญอยู่ ประตูบ้านยังไม่ปิด บ้านนี้ประตูจะไม่ปิดจนกว่าเจ้าของบ้านจะนอน  ลักษณะพิเศษคือเจ้าของบ้านไม่ชอบปิดประตู เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน
แพร จารุ
 หน้าร้อนใคร ๆ ก็ไม่อยากมาเชียงใหม่ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนที่อยู่เชียงใหม่ที่พอออกจากเมืองได้ก็จะพากันออกจากเมืองไปพักผ่อนที่อื่นฉันเป็นคนหนึ่งที่หนีออกจากเมืองเชียงใหม่ในช่วงหน้าร้อนเสมอ ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถือโอกาสกลับใต้ เป็นการกลับบ้านปีละครั้ง
แพร จารุ
“บ้านฉันไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิงเลยค่ะ แต่หนวกหูมากเหมือนกัน” ฉันบอกเพื่อนที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องที่บ้านของเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง หลังจากที่ ฟังเธอบ่นปรับทุกข์ เรื่องเสียงเพลงหนวกหูจากสถานบันเทิง เธอเล่าว่าย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัดได้ไม่นาน ร้านอาหารคาราโอเกะก็มาเปิดข้างบ้าน