Skip to main content


ธันวาคมเป็นเดือนที่มีญาติพี่น้องผองเพื่อนเดินทางมาเที่ยวบ้าน
ดังนั้นเราจะไม่ไปไหนคือตั้งรับอยู่ที่บ้าน พวกเขามักจะมาพักหนึ่งคืนแล้วไปเที่ยวกันต่อ บางกลุ่มก็วกกลับมาอีกครั้งก่อนเดินทางกลับ พวกเขาจะค้างกันอย่างมากก็สองคืน

 

เรามีบ้านหลังเล็กมากๆ แต่มีบ้านพ่อหลังใหญ่ บ้านที่พ่อสามีทิ้งไว้เป็นสมบัติส่วนกลาง แรกเราคิดว่าจะให้เพื่อนๆ ไปพักชั้นบนของบ้านหลังนั้น แต่เอาเข้าจริงสองปีที่ผ่านมา ไม่มีใครไปพักหลังนั้นเลย

ทุกคนจะขอนอนอยู่ในบ้านหลังเล็กที่มีเพียงห้องเดียว พวกเขาเลือกที่จะนอนตรงซอกที่ทำงานของเรา ที่มีช่องว่างสำหรับสองคนนอน อยู่ระหว่างตู้หนังสือกับโต๊ะคอมพิวเตอร์และโต๊ะเขียนหนังสือ

 

ฉันคิดไปเองว่า ทุกคนมีความสุขที่จะได้นอนตรงซอกเล็กๆ นั้น แต่หากเป็นผู้หญิงก็ได้สิทธิ์นอนสบายๆ บนเตียงนอนและเราก็จะย้ายไปนอนบ้านพ่อแทน แต่นอนชั้นล่างที่ถูกต่อเติมขึ้นมาใหม่ มีบางคนเหมือนกันที่เอาเต็นท์มากางนอนหน้าบ้าน

 

ชั้นสองบนบ้านของพ่อไม่มีใครไปนอนนานแล้ว หลังจากที่พ่อและแม่นอนอยู่บนนั้นจนนาทีสุดท้าย ในช่วงเวลาห่างกันหนึ่งปี ลูกๆ ก็ไม่เคยขึ้นไปนอน เมื่อพวกเขามาก็จะนอนอัดอยู่ชั้นล่าง


ฉันขึ้นไปดูชั้นบนเดือนละครั้งเพื่อให้ชินๆ กับบ้าน ไปเปิดหน้าต่างประตู และดูห้องที่เคยเป็นของแม่ พ่อ และน้องชาย ที่ต่างทิ้งห้องตัวเองไปแล้วเหลือแต่รูปถ่ายของสามคนวางอยู่กับพื้นห้อง บ้านของพ่อสบายมาก มีหน้าต่างรอบบ้าน มีระเบียงสองด้าน บ้านถูกออกแบบมาอย่างดี เหมาะสำหรับการพักอาศัย

 

เราไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่ยอมไปนอนเอง ต่างพูดว่า ไม่เป็นไรนอนที่นี่ก็ได้ หรืออยากนอนที่นี่ด้วย

 

ธันวาคมปีนี้มีเพื่อนและญาติเดินทางมาหาเรามากกว่าปีก่อน ๆ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นเพราะสภาพความเครียดทางการเมือง ทำให้พวกเขาอยากเดินทางออกมาจากเมืองหลวงหรือเดินทางไปที่ไหนสักแห่งในช่วงวันหยุดติดต่อหลายวัน ออกไปจากสภาพเก่า

 


เราเลือกที่จะไม่เดินทางไปไหนในวันปีใหม่หรือเทศกาลต่างๆ เหตุอีกข้อหนึ่งคือ ให้พวกที่เขาทำงานในระบบที่ได้หยุดงานในช่วงนี้ และให้คนไกลๆ มาเที่ยวกัน เราจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ เราจึงรอต้อนรับพวกเขาอยู่ที่บ้านตามสภาพ ใครแวะมาบ้านเราในช่วงปีใหม่ก็จะพบเจอ

 

แต่ปีนี้ฉันอยากจะออกไปเที่ยวต้อนรับปีใหม่นอกบ้านกับเพื่อนๆ บ้าง วันที่ 31 ฉันจึงตัดสินใจเดินทางไปกับเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่ง เรามุ่งตรงไปทางแม่ริม เพื่อไปดอยหลวงเชียงดาว ไชยปราการ แม่อาย และได้บรรยากาศจริงๆ นั่นคือเผชิญกับรถติด ตั้งแต่หางดงไปจนถึงทางแยกที่จะไปปายนั่นแหละ รถติดจนต้องแวะข้างทางเพื่อกินบะหมี่ในร้านที่ขายดีมากๆ ร้านหนึ่ง

พนักงานในร้านคงเหนื่อยล้า เธอทำงานช้า ไม่ทันใจเจ้าของร้านจึงโดนตะคอกเสียงดังบอกให้รีบๆ เข้า เจ้าของร้านคงเหนื่อยจึงอารมณ์เสีย ด่าลูกจ้าง เขาว่าดูคนให้ดูจากการที่เขาปฏิบัติต่อคนที่ตกต่ำกว่า เราจึงรีบเดินทางออกจากร้านอย่างเร็วเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศในช่วงปีใหม่

 

ใครคนหนึ่งบ่นว่า “ไม่ไหวแล้ว เบื่อ”

เพื่อนที่มาจากเมืองหลวงว่า อย่าบ่นเลย เห็นใจพวกเราเถอะ ดูพวกเราสิ เที่ยวกันอย่างกระหาย เหมือนคนที่ถูกปล่อยออกมา

 

ฟังเพื่อนพูดแล้ว คิดถึงค่ายผู้อพยพแห่งหนึ่งที่จังหวัดเลย ตอนนี้ถูกปิดไปแล้ว ฉันเคยไปในช่วงวัยเยาว์ จำได้ว่าทุกวันศุกร์ เขาจะมีตลาดนัดหน้าค่าย ทันทีที่เหล็กกั้นถูกเปิดออกพวกเขาจะวิ่งกรูกันออกมา

เอาเถอะฉันจะไม่บ่นแล้ว” เพื่อนว่า

 

เริ่มมกราคมไปสี่ห้าวัน สำหรับบ้านฉัน เพื่อนและญาติกลับกันหมดแล้ว หลายคนบ่นว่ายังไม่อยากไปทำงาน แต่ต้องไป ทิ้งให้เจ้าของบ้านนั่งเกียจคร้านอยู่ในบ้าน

 

ธันวาคม เดือนแห่งความสนุกสนานเริงร่าผ่านไปแล้ว ยังเหลือแต่มกราคมที่เหงาหงอยอย่างเด็มรูปแบบ

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…