Skip to main content


เมื่อฉันดูข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบันนี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวัยเยาว์ และอยากจะเล่าเอาไว้ เพราะพฤติกรรมของผู้ใหญ่ส่งผลต่อเด็กจริง ๆ ค่ะ


ใครบางคนอาจจะไม่ทันคิดว่า การแสดงพฤติกรรมบางอย่างของผู้ใหญ่ เป็นได้มากกว่าการสอนเด็ก ๆ พฤติกรรมของผู้ใหญ่บางอย่างอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคตได้


เช้าวันหนึ่งภายในห้องเรียนของโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ เด็ก ๆ ตื่นเต้นกับข่าวไฟไหม้กาดหลวง เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้ในประวัติของเมืองเชียงใหม่ เพราะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับการค้าขายภายในเมืองเชียงใหม่ เพราะกาดหลวงสมัยนั้น (กาดวโรรส) เป็นตลาดที่ทุกผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่รู้ดีว่า หากต้องการซื้อสินค้าอะไร ถ้ามาที่กาดหลวงก็จะสามารถหาซื้อได้ทุกอย่าง


เด็ก ๆ ต่างเล่าความรู้สึกตื่นเต้นกับเหตุการณ์ไฟไหม้ เพราะบ้านของเด็ก ๆ บางคนก็อยู่ไม่ไกลจากกาดหลวง ทำให้สามารถมองเห็นเปลวไฟที่ลุกไหม้ได้อย่างชัดเจน


เพื่อนคนหนึ่งบอกฉันว่า อยากให้ไฟไหม้อย่างนี้อีก รู้ไหมทำไมเขาอยากให้ไฟไหม้อีก เหตุผลก็คือ เขาว่าตอนไฟไหม้ พ่อเขาได้ของเยอะแยะเลย ได้ผ้า ได้มุ้งมาหลายหลังด้วย เขาว่าพ่อเขาเก่ง


ฉันเล่าเรื่องนื้ให้พ่อและแม่ฟัง พ่อบอกฉันว่า พวกเขาโดนไฟไหม้บ้านเรือนได้รับความเดือดร้อนมากอยู่แล้ว ยังต้องมาพบกับพวกที่ทำทีเหมือนมาช่วยเหลือมาช่วยขนของหนีไฟ แต่ของที่ช่วยขนกลับเอาไปบ้านตัวเอง อย่างนี้เขาเรียกว่าขโมย แทนที่จะช่วยเหลือเพื่อนที่เดือดร้อน กลับเห็นแก่ได้


ถึงวันนี้คุณลองทายดูสิว่า เพื่อนของฉันคนนี้เขาจะเป็นผู้ใหญ่แบบไหนอยู่ในเมืองนี้

หวังว่าเรื่องเล่านี้อาจจะทำให้เพื่อนนักเขียน นำไปถ่ายทอดสู่เด็ก ๆ ได้บ้าง

ผู้ใหญ่ในปัจจุบันนี้ ถามตัวเองว่า เราทำอะไรอยู่เราหวังอะไรกับเด็ก ๆ ที่เห็นแบบอย่างผู้ใหญ่ในวันนี้


จาก สีขาว ชาวเหนือ

10 มกราคม 2552

 

นี้เป็นจดหมายของสีขาว ชาวเหนือ ที่เขียนมาถึงฉันในช่วงวันเด็ก ยังไม่ช้าเกิดไปที่จะนำมาเสนอท่านผู้อ่านในปลายเดือนมกราคมนี้ ถือเป็นเดือนแห่งวันเด็กอยู่นะคะ


อ่านเรื่องราวที่สีขาว ชาวเหนือ เขียนมาถึงทำให้ฉันคิดถึงเรื่องราวหลายเหตุการณ์เหมือนกัน คิดถึงครั้งที่ผู้คนแถบชาวทะเลถูกคลื่นสึนามิ หลังจากคลื่นกวาดบ้านเรือนของเขาไปแล้ว พบว่ามีคนอื่นมาปักป้ายเป็นเจ้าของที่ดินทันที เขาไม่รู้เลยว่าที่อยู่มาตั้งแต่ปู่ย่าตายายนับร้อยปีเป็นของคนอื่น ในขณะที่เขาอยู่กันเป็นสิบ ๆ ครอบครัว แต่กลายเป็นผืนดินของคนคนเดียวได้ เพียงเขามีกระดาษแผ่นเดียวมาแสดงสิทธิ์ และเงินบริจาคที่หายไปไม่ถึงมือผู้เดือดร้อนจริง เพื่อนของฉันที่รอดชีวิตมายังทุกข์ยากอยู่เท่าทุกวันนี้จนเธอบอก เธอไม่น่าจะรอดมาเลย


จดมายของสีขาว ชาวเหนือ ถูกทิ้งท้ายว่า ถึงวันนี้คุณทายดูสิว่า เพื่อนของฉันคนนี้จะเป็นผู้ใหญ่แบบไหน

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
ถ้าฉันพูดว่า อย่าเอาดอกไม้มาให้ฉันถ้าเธอไม่ได้ปลูกเอง เธออย่าโกรธฉันนะ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง วันหนึ่งก่อนฤดูฝน ฉันเดินทางไปหมู่บ้านหลังดอยอินทนนท์  ฉันพบผู้ชายคนหนึ่ง เขาพูดว่า"เอาดอกไม้ของฉันออกจากหน้าอกเธอ"หนุ่มใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น หญิงสาวมีสีหน้าแปลกใจคงสงสัยว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจ จึงไม่ยอมเอาดอกไม้ออกจากกระเป๋าเสื้อ "เอาออกเถอะ" เขายืนยันอีกครั้ง แต่หญิงสาวยังไม่ทำตาม ยังคงเอาดอกไม้เหน็บในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกต่อ ในที่สุดเขาก็บอกว่า " มันอันตราย ดอกไม้ฉันมีแต่ยา"
แพร จารุ
หมู่บ้านหายโรงเรียนร้าง เดือนก่อนฉันเดินทางไปที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวเชียงดาว ไกลเข้าไปในป่า พบโรงเรียนร้างไม่มีเด็ก ไม่มีครู โรงเรียนถูกปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน และไม่ใช่แค่โรงเรียนร้างเท่านั้น หมู่บ้านก็หายไปด้วย  ผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าหมู่บ้านนี้ถูกซื้อไปแล้ว "จริงเหรอ เหมือนโฆษณาเลย โฆษณาอะไรนะ ที่ผู้ชายคนหนึ่งถามซื้อเกาะให้ผู้หญิง" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น"ไม่ใช่แค่โฆษณาหรอก ละครโทรทัศน์ก็มีเหมือนกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเขาซื้อเกาะให้หญิงสาวเป็นของขวัญหากเธอแต่งงานกับเขา" ฉันบอกพวกเขา
แพร จารุ
แปลกใจใช่ไหมค่ะ ต้นไม้ใหญ่ อ่างเก็บน้ำและหมีแพนด้า  มันเกี่ยวกันอย่างไร  เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  เดือนฉันก่อนไปศาลากลางมา  ที่หน้าศาลากลางมีคนมากมาย มีชาวบ้านมาประท้วงเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ 
แพร จารุ
ในขณะที่ผู้คนที่มาดูต้นไม้ ต่างตื่นเต้นกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใหญ่ที่สุดที่นี่คือต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปูที่สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เป็นสนามกอล์ฟเก่า เขาเล่ากันว่าต้นไม้นี้มีอายุมากกว่าร้อยปี ส่วนสูง 15 เมตร ผ่านการประกวดต้นไม้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลของเทศบาลมาแล้ว
แพร จารุ
"ที่ซึ่งหนุ่มสาวหอบฝันมาทิ้ง" ฉันบอกเพื่อน ฟังดูน่าตกใจและดูจะเป็นคนใจร้ายไปสักหน่อย และหากว่าน้อง ๆ หนุ่มสาวที่นี่ได้ยินฉันพูดทำนองนี้ พวกเธออาจเสียกำลังใจ เพราะการเดินทางครั้งนี้เราพบหนุ่มสาวพวกที่ฉันคิดว่าเป็นพวก"หอบความฝัน"มากมายหลายคนทีเดียว
แพร จารุ
"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนคงรำคาญที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความหลังครั้งก่อน (ฉันเขียนมาถึงตอนนี้เมื่อฉบับที่แล้ว )  เราได้เพื่อนใหม่ทันที เธอชื่อเนเน่ เธอบอกว่า เธอเดินทางมาที่นี่ปีละหลาย ๆ ครั้ง และแม้ปายจะเปลี่ยนไปอย่างไรเธอก็ยังชอบปาย เธอมาเพื่อหาที่นั่งอ่านหนังสือสบาย ๆ ช่วง เย็น ๆ ก็ออกเดินเล่นไปตามถนน เดินคุยกับคนโน้นคนนี้เพราะผู้คนส่วนมากเป็นมิตร
แพร จารุ
  1 ปาย เปลี่ยนไปมาก และที่ฉันไม่กล้าไปปายก็เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวจะเสียใจกับความเปลี่ยนแปลงก็เลยพยายามจะลืมปายทำเหมือนหนึ่งว่าไม่เคยมี ไม่เคยไป
แพร จารุ
"ป้าไฟไหม้ ไฟไหม้ " หลานสาวส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน "ไฟไหม้ที่ไหน" ฉันถาม เดี๋ยวนี้อาการตื่นกลัวเรื่องไฟไหม้ป่าหลังบ้านลดลงไปแล้ว หากเป็นเมื่อสองปีก่อน ฉันจะกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นและรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทันที และบางครั้งก็ลงมือดับไฟเองก่อนที่รถดับเพลิงจะมา พร้อมกับบ่นด่าคนที่ทำไฟไหม้ คนที่มาเก็บของกินในสวนร้างแต่ไม่เคยสนใจหน้าแล้งยามที่ไม่ค่อยมีอะไรเก็บกิน และเจ้าของสวนที่ทิ้งสวนตัวเองไว้แล้วไม่มาดูแล  รวมถึงดับเพลิงที่มาช้าไม่ทันใจ
แพร จารุ
"อย่าลืมเอาถุงผ้าไปซื้อของ" ฉันเคยบอกใครต่อใครจนเขาเบื่อหน่ายกันแล้ว "อย่าเอาถุงพลาสติกเข้าบ้านถ้าไม่จำเป็น"และทุกครั้งที่ฉันเห็นถุงพลาสติกที่ใส่อาหารแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและรีบเก็บแต่ถุงพลาสติกก็ไม่เคยหมดไปจากบ้านฉัน มันวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้เสมอ ๆ
แพร จารุ
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาขยันมาก นั่งทำงานทุกวัน เขามีเมียขี้คร้านกับหมาพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงเห่าแหลมเล็กทั้งวันทั้งคืน เสียงหมาเห่าดังมาก  แต่เขายังนั่งทำงานอย่างไม่สนใจ  เมียเขานอกจากขี้คร้านแล้วขี้รำคาญด้วย เธอจึงลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเพราะเธอกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสำราญอยู่ ประตูบ้านยังไม่ปิด บ้านนี้ประตูจะไม่ปิดจนกว่าเจ้าของบ้านจะนอน  ลักษณะพิเศษคือเจ้าของบ้านไม่ชอบปิดประตู เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน
แพร จารุ
 หน้าร้อนใคร ๆ ก็ไม่อยากมาเชียงใหม่ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนที่อยู่เชียงใหม่ที่พอออกจากเมืองได้ก็จะพากันออกจากเมืองไปพักผ่อนที่อื่นฉันเป็นคนหนึ่งที่หนีออกจากเมืองเชียงใหม่ในช่วงหน้าร้อนเสมอ ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถือโอกาสกลับใต้ เป็นการกลับบ้านปีละครั้ง
แพร จารุ
“บ้านฉันไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิงเลยค่ะ แต่หนวกหูมากเหมือนกัน” ฉันบอกเพื่อนที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องที่บ้านของเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง หลังจากที่ ฟังเธอบ่นปรับทุกข์ เรื่องเสียงเพลงหนวกหูจากสถานบันเทิง เธอเล่าว่าย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัดได้ไม่นาน ร้านอาหารคาราโอเกะก็มาเปิดข้างบ้าน