ผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาขยันมาก นั่งทำงานทุกวัน เขามีเมียขี้คร้านกับหมาพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงเห่าแหลมเล็กทั้งวันทั้งคืน
เสียงหมาเห่าดังมาก แต่เขายังนั่งทำงานอย่างไม่สนใจ เมียเขานอกจากขี้คร้านแล้วขี้รำคาญด้วย เธอจึงลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเพราะเธอกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสำราญอยู่ ประตูบ้านยังไม่ปิด บ้านนี้ประตูจะไม่ปิดจนกว่าเจ้าของบ้านจะนอน ลักษณะพิเศษคือเจ้าของบ้านไม่ชอบปิดประตู เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน
แรกเมียของเขาซึ่งมาจากเมืองหลวงไม่ชินกับการไม่ปิดประตู เธอจะปิดประตูหน้าต่างวันละหลายครั้งแต่ปิดแล้วมันก็ถูกเปิดใหม่ ช่วงหลังเธอจึงคร้านที่จะปิดเหมือนกันเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดประตูเพื่อให้อีกคนหนึ่งเปิด
มันเป็นความต่างของคนที่อยู่ในคอนโดมิเนี่ยมในเมืองใหญ่กับคนอยู่กระท่อมในชนบท และต่อมาเธอก็เริ่มชินกับการไม่ปิดประตูหน้าต่างบ้านแล้วเหมือนกันเพราะมันก็ปลอดโปร่งดีจริง และเธอก็เชื่อตามที่เขาพูดเสมอ ๆ ว่า “ไม่มีใครเขาทำอะไรหรอก ไม่มีใครเขามาเอาอะไรหรอก อยู่กันเป็นสิบจะกลัวอะไร”
เสียงหมาพุดเดิ้ลปากเปราะยังเห่าไม่หยุดและเห่าดังขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงลุกขึ้นไปดูด้วยความเกียจคร้านและกลับมาบอกสามีที่นั่งทำงานอยู่ว่า มีคนมาหาพี่ ออกไปดูหน่อยเถอะ เธอเชื่อมั่นว่าแขกลักษณะแบบนั่นไม่ใช่แขกของเธอแน่ ต้องเป็นแขกของเขา
เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินออกมา เธอเดินตามเขาออกมาด้วย ผู้ชายทรุดโทรมที่ยืนอยู่หน้าบ้านยกมือไหว้เขา และบอกว่า น้ำมันรถหมด เดินมาเรื่อย ๆ เห็นบ้านนี้เปิดไฟและไม่ปิดประตูจึงเดินเข้ามา
หนุ่มทรุดโทรมนั่งลงที่พื้นหน้าบ้าน
เขาเปิดกระเป๋าสตางค์ที่มีอยู่ 20 บาทยื่นให้ผู้ชายคนนั้น พร้อมกับพูดว่า มียี่สิบบาทหมดกระเป๋าเลย เอาไปเติมน้ำมัน
ผู้ชายคนนั้นว่า “มียี่สิบบาท ไม่เอา มียี่สิบบาท”
ไม่รู้ว่าเขาเห็นยี่สิบบาทน้อยไป หรือเห็นใจเจ้าของบ้านที่มีเงินแค่ยี่สิบบาท แต่เขามียี่สิบบาทจริง ๆ
“เอาไปเถอะ จะไปเติมน้ำมันไม่ใช่เหรอ เอาไปเลย” เขาบอกพร้อมกับยื่นเงินให้ถึงมือ
"ยี่สิบบาทก็เติมได้" เธอช่วยเขาอีกแรงหนึ่งเพราะเธออยากให้เขาออกจากบ้านไปเร็ว ๆ เธอกลัวความปลอดภัย คนที่ไม่รู้จัก ท่าทางเมา ๆ เดินมาขอเงินยามวิกาล นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เธอคิดถึงคนติดยาชักมีดออกมาจ่อคอหอย
เขายกมือไหว้ ลุกขึ้นยืนและว่า “ผมมีบัตรประชาชนเดี๋ยวจะเอาบัตรประชาชนให้ดู”
“ไม่ต้อง ไม่ต้องหรอก”
“ใช่ ไม่ต้องหรอก และรีบไปเถอะ ปั๊มน้ำมันที่หัวถนนจะปิดตอนเที่ยงคืน เดี๋ยวจะไม่ทัน ต้องจูงรถไปอีกเป็นกิโลนะ” เธอรีบบอกเพื่อให้เขาออกไปเร็ว ๆ
ผู้ชายคนนั้นเดินออกไป ดูเหมือนเขาจะหลงทิศ เพราะเขาไม่เลี้ยวออกไปทางประตูหน้า แต่เดินเข้าไปข้างหลังก่อนตั้งตัวได้ว่าผิดทางจึงกลับมา
“ดูท่าเขาจะเมา ๆ ด้วย และเราไม่เห็นมอเตอร์ไชค์เขาเลย” เธอตั้งประเด็นสงสัย
“เขาอาจจะจอดอยู่หน้าซอยเข้าบ้านก็ได้”
“เราไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไร เขาเป็นผู้ชายทรุดโทรมที่น่าสงสาร หรือดูอีกทีเขาอาจจะเป็นคนขี้เมาที่หาเงินกินเหล้า หรือเขาอาจจะมาขโมยของแต่เมื่อเห็นเราก็เปลี่ยนใจ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาคงลำบากแหละ คนไม่ลำบากใครมันจะเดินค่ำมืด”
เออ...จริงของเขา คนไม่ลำบากใครมันจะมาเดินค่ำมืด หลับสบายอยู่ในห้องนอนอุ่น ๆ ไม่ดีหรือ
แค่เปลี่ยนมุมมองเราก็ไม่ต้องสงสัยว่าใครว่าดีหรือเลว แค่ให้เงินเขายี่สิบบาท ไม่ต้องไปตั้งคำถามขนาดนั้นหรือถึงขั้นสะกดรอยตามไปดูเขา และคนที่ตั้งคำถามก็คือคนที่ไม่ใช่เจ้าของเงินยี่สิบบาทนั้น และเธอมีมากกว่ายี่สิบบาทด้วยแต่ไม่ได้ให้เขา เพราะมีเหตุผลมากมายแต่สรุปคือไม่ให้
ส่วนเขามีเหตุผลเดียว คือ “ถ้าคนไม่ลำบากใครเขาจะมาเดินค่ำ ๆ มืด ๆ”