Skip to main content

  


ผู้ชายคนหนึ่ง เลี้ยงปลวกเพื่อเอาปลวกไปเลี้ยงปลาดุก

เขาบอกว่า เขาเฝ้ามองปลวกตัวอ้วน ๆ ที่ค่อยเติบโตขึ้น และเอาปลวกไปให้ปลาดุกกิน เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นวิถีแห่งสัตว์โลก วิธีการใช้ชีวิตให้อยู่รอด

ฉันแค่สะดุดใจตรงที่เลี้ยงดูเขาไว้ก่อนแล้วค่อยจัดการ

ฉันคิดว่า ถ้ามันกินกันเองตามวิถีชีวิตไม่เป็นไร

ฉันคิดถึงถ้อยคำหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่า ใครพูด "เขารัก...เหมือนคนเลี้ยงหมูรักหมูที่เลี้ยงไว้" นั่นหมายถึงรักและดูแลอย่างดีเพื่อเอาไว้ฆ่าและขาย

ครั้งหนึ่งเพื่อนนักเขียนสาวชาวเหนือ ซึ่งไปอยู่อีสานมาเยี่ยมบ้านเรา พร้อมเพื่อน ๆ อีกหลายคน ในขณะนั่งคุยกัน ปูตัวหนึ่งคลานมาข้าง ๆ เรา

เพื่อนคนหนึ่ง ส่งเสียงดัง ตกใจกลัว

อีกคนบอกว่า น่ารักเดินตลกมาก

แต่เธอที่มาจากอีสาน บอกว่า จับโยนใส่ไฟกลิ่นมันจะหอมมาก

ฉันอาจจะมีดวงตาที่บอกอะไรสักอย่างที่ทำให้เพื่อนหวั่นไหวในสิ่งที่พูด เธอรีบอธิบายว่า ที่อีสานที่เธออยู่มันเป็นอาหาร ทุกอย่างที่กินได้ถือเป็นอาหาร แล้วเธอก็เล่าถึงเรื่องมะละกอ เธอบอกว่า เมื่อเธอไปอยู่ที่นั้นใหม่ๆ เธอสับมะละกอแล้วเอาไส้ทิ้ง แต่ต่อมาเธอเห็นว่า เขาไม่ได้ทิ้งกัน แค่เคาะเม็ดทิ้งแล้วเอาหมดทั้งลูก

 

 

หลายวันต่อมา เพื่อนรุ่นน้องเดินทางมาจากภาคใต้ เธอมาจากยะลา เธอมีของกินมากมาย ทั้งกะปิอย่างดี ทุเรียนกวน ลองกอง ภาคใต้นั้นอาหารอุดมสมบูรณ์มาก แต่ฉันเดินทางมาอยู่เมืองเหนือนาน กินอยู่แบบที่นี่ นาน ๆ จึงจะกินอาหารใต้สักครั้ง


เช้าวันหนึ่ง ฉันตบยุงที่เกาะอยู่บนเสื้อ เธอบอกฉันว่า พี่ตบยุงทำไมมันแค่เกาะเสื้อเท่านั้น

ฉันแปลกใจทำไมตบยุงไม่ได้ จึงถามเธอว่า เธอไม่ตบยุงหรอกหรือ

เธอบอกไม่ตบจะตบมันทำไม แค่ไล่มันไปก็พอ

ฉันหันไปถามเพื่อนหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่า คุณตบยุงไหม

เขาตอบว่าไม่ตบ

"คุณไม่ตบยุงเหมือนกันหรือ" ฉันถามอีกครั้ง

"ไม่ตบ ไปตบมันทำไม"


ยุงควรตายเป็นที่สุด ฉันอยากให้ยุงหมดไปจากโลกนี้ด้วย กลางคืนฉันตบยุงด้วยมือตบไฟฟ้าด้วย เดี๋ยวนี้มีมือตบไฟฟ้าสำหรับตบยุง มีก้อนแบตเตอรี่สำหรับชาร์ทไฟเข้าไป

สาวน้อยยังอธิบายต่ออีกว่า ไปฆ่ามันทำไม ถ้าเราฆ่ามันก็ต้องฆ่าไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

ชายหนุ่มรีบเสริมว่า ใช่ ใช่

ฉันว่า ฉันรู้สึกจ๋อยๆ แต่ใจก็ยังคิดว่า ไม่เป็นไร ก็มันเป็นยุงที่มีเชื้อโรค และบ้านฉันอยู่ใกล้ป่าที่ยุงชุมมาก พวกเธอไม่รู้ว่าฉันเผชิญกับยุงมาอย่างไร ยิ่งเมื่อครั้งที่สร้างกระท่อมใหม่ ๆ ไม่มีมุ่งลวดติดหน้าต่าง นั่งทำงานไปตบยุงไป


  

 

การสนทนาเรื่องยุงจบไปแล้ว เพื่อน ๆ กลับกันหมดแล้ว

ฉันคิดถึงเพื่อนที่เลี้ยงปลวกเอาไปให้ปลาดุกกิน เพื่อให้ปลาดุกอ้วนพี ก่อนเอาปลาดุกมาเป็นอาหาร เพื่อชีวิตให้อยู่รอด ส่วนเพื่อนสาวที่อยู่อีสาน เธอบอกว่า ปูหรือสัตว์ต่าง ๆ ล้วนเป็นอาหาร อะไรที่กินเป็นอาหารได้ก็ต้องกิน


ฉันรู้สึกหวั่นไหว แต่เพียงเล็กน้อย เพราะฉันยืนยันว่า ถ้ามันกัดเราป่วย ถือว่าเพื่อความอยู่รอดเหมือนกัน

คิดได้ดังนี้ฉันจึงไปนอน

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…