Skip to main content
มีเพื่อนอย่างน้อยสองคนตกหล่นไปจากชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราเขียนจดหมายคุยกันอยู่เสมอ ๆ ต่อมาฉันเลิกตอบจดหมายเพื่อนทั้งสองคน 
ฉันเลิกตอบจดหมายเพราะชีวิตฉันเปลี่ยนไป เริ่มจากฉันเลิกเดินทางไปที่ไปรษณีย์ ทั้งที่เมื่อก่อนฉันชอบไปไปรษณีย์มาก ว่าง ๆ ฉันจะปั่นจักรยานไปที่นั่น ส่งจดหมายถึงเพื่อนที่อยู่ต่างแดน และเพื่อนที่อยู่ชายทะเลต่างจังหวัด จากนั้นก็หากาแฟดีๆ ดื่มสักแก้ว แล้วเดินดูนักท่องเที่ยวจ่ายเงิน พวกนักท่องเที่ยวไทย ๆ ที่มากันเป็นรถทัวร์ ส่วนใหญ่ นิยมมาดูของที่วางขาย เดินไปเดินมา แต่ไม่ซื้อ (แม่ค้าเขาบ่นให้ฟัง) 
 
ฉันทำเพื่อนหล่นหายเพราะระบบการสื่อสาร ไม่ใช่ซิ...ฉันจะโทษระบบการสื่อสารก็ไม่ได้ เพราะเขายังทำหน้าที่นั้นอยู่ จดหมายยังถูกส่งอยู่ทุกวัน ที่ยกเลิกไปคือระบบโทรเลข 
 
 
ฉันตอบจดหมายฉบับสุดท้ายถึงเพื่อนที่ลอนดอน บอกเธอว่า เราคุยทางเมล์กันดีกว่า ฉันเขียนถึงความดีของการใช้อีเมล์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หลายอย่าง เช่นว่าสะดวก สบาย รวดเร็ว และประหยัด
 
เธอตอบกลับมาว่า เธอไม่ใช้อีเมล์ เขียนจดหมายก็สะดวกดีอยู่แล้ว  เธอชอบเขียนด้วยปากกา และมันก็ไม่ได้ช้าจนเกินไป ไม่ได้รีบร้อนไปไหน อยากมีชีวิตแบบช้า ๆ อยากรอคอย และไม่คิดว่าจะประหยัดกว่าด้วยหากคิดถึงราคาของเครื่องคอมพิวเตอร์ และไฟฟ้าที่ใช้ 
 
เธอยังเขียนจดหมายถึงฉันอยู่ระยะหนึ่ง  และในที่สุดเธอก็หยุดไปเพราะฉันไม่ตอบ เธอเป็นคนเขียนจดหมายได้น่าอ่าน ฉันชอบอ่านจดหมายของเธอและรอคอยจดหมายของเธอเสมอ ฉันรู้มาว่า เธอยังคงเขียนจดหมายอยู่ เธอเขียนจดหมายถึงเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ฉันทำหล่นหายไปเหมือนกัน 
 
เพื่อนคนที่สองที่ฉันทำตกหล่น เธอเป็นชาวเล แบบชาวเลดั้งเดิม ที่เติบโตมากับทะเล เธอชอบอ่านหนังสือ ชอบเขียนจดหมาย เราจึงรู้จักกันมานานกว่ายี่สิบปี ฉันไม่ตอบจดหมายของเธอด้วยเหตุผลเดียวกันคือไม่สะดวก ทั้งที่ฉันรู้ดีว่า เธอใช้เป็นแต่ไปรษณีย์ แม้ส่งเงินเธอก็ส่งโอนทางไปรษณีย์ วันหนึ่งฉันโทรศัพท์ไปหาเธอ จึงรู้ว่าเพื่อนทั้งสองยังคงเขียนจดหมายติดต่อกัน 
 
เมื่อวานนี้ฉันรื้อแฟ้มเก่า  เพื่อหาสัญญาเงินกู้ระหว่างฉันกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ด้วยเหตุเพราะฉันได้รับหมายแจ้งการยึดอสังหาริมทรัพย์ (ห้องชุด) ฉันไม่พบสัญญาเงินกู้ แต่พบจดหมายเพื่อนและโทรเลขเก่าของพ่อ  
เมื่อครั้งวัยเยาว์โทรเลข  เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดระหว่างพ่อกับลูกที่อยู่ไกลกัน พ่อจะโทรเลขถึงลูก ๆ เสมอ เพราะเป็นระบบเดียวที่พ่อรู้สึกว่าสะดวกรวดเร็ว ฉับพบโทรเลขของพ่อสองฉบับนี้ส่งมาว่า รอพ่ออย่าลงรถไฟ มีเราพ่อลูกเท่านั้นที่จะเข้าใจประโยคสั้น ๆ ที่มีความหมายยาวมาก มันเป็นโทรเลขเตือนก่อนเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟ ถ้าเป็นประโยคเต็มๆ ยาว ๆ ก็คือ “อย่าลงจากรถเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะมาบอกอะไร รอจนกว่าจะถึงสถานีสุดท้ายและอยู่ในรถ ถ้ายังไม่เห็นยอดพระธาตุ ลูกอย่าลุก พอเห็นยอดพระธาตุ ลูกลุกมายืนที่หน้าต่างเลย และต้องรออยู่ที่หน้าต่างจนกว่าพ่อจะขึ้นไปหา ลูกไม่ต้องไปไหนนอกจากยืนที่หน้าต่างตรงที่ลูกนั่งนั่นแหละ ใครอื่นมาบอกอะไรก็อย่าฟัง อย่าเชื่อ”  
 
อีกฉบับหนึ่งพ่อส่งมาว่า เรียนกวน กุ้งต้มเค็ม หมูยำเหยียว ฝากเคว็ด อ่านแล้วเห็นภาพ หนุ่มเคว็ดลูกทะเลสูงดำและสมาร์ท แบกกล่องของฝากจากพ่อ ทั้งทุเรียนกวน ทั้งกุ้งต้ม หมูจำเหยียว ของชอบทั้งนั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ใครกลับบ้านก็ต้องรับของฝากไปให้คนอื่น ๆ เคว็ดเด็กจากทะเลกลับบ้านบ่อย หอบของเก่งกว่าใคร เดี๋ยวนี้เคว็ดเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จำไมได้แล้วว่าอยู่ในกระทรวงไหน  
 
ฉันอยากส่งโทรเลขไปหาพ่อสักฉบับ  แต่ตอนนี้พ่อไม่อยู่รับโทรเลข และไม่มีการสื่อสารโดยระบบโทรเลขแล้ว มันถูกปิดไปเมื่อไม่นานนี้เอง เพราะไม่มีใครใช้แล้ว  ฉันยืนไว้อาลัยให้กับกรมโทรเลข น้ำตาไหลอยู่คนเดียวเงียบ ๆ คิดถึงพ่อที่จากไปกว่ายี่สิบปีแล้ว
 
วันนี้ฉันตัดสินใจว่าจะเขียนจดหมายถึงเพื่อนสองฉบับโดยไม่พูดถึงอีเมล์ และทวิตเตอร์ ระบบการสื่อสารที่พวกเราลงความเห็นกันสะดวกกว่าอีเมล์อีก แม้จะเขียนแค่ 140 ตัว แต่เขียนได้บ่อยๆ รู้เรื่องฉับไว และมีประโยชน์มากมาย ได้รู้ว่าใครทำอะไรอยู่  มีข่าวอะไรบ้าง เพราะ suthichai จะคอยมาบอกเรา หรือจะเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษก็มี andrewbiggs และจะกินอะไรดีวันนี้ กินแบบปลอดเนื้อรักษาสุขภาพ หรือจะทำขนมหวานบัวลอยก็มี duangd 
 
 
ได้รู้แม้กระทั้ง Thaksinlive อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เช่น ออกรอบกับเพื่อนที่มาเยี่ยมที่บรูไน ไปสักการะพระเจดีย์สุวรรณมาลิก ( Ruwanwelisaya ) เมืองอนุราธปุระ ไปพบกับนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกีนี เป็นต้น  
 
ส่วนทาง PM_Abhisit นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันบอกว่า การประชุมอาเซียนเริ่มแล้วครับ และนายกรัฐมนตรีตอบคำถาม http://pm.go.th เรื่องการควบคุมค้าปลีกยักษ์ และการป้องกันหวัด 2009 http://bit.ly/4F8lTF
 
ในขณะที่ฉันรู้เรื่องอะไรมากมาย จากคำถามว่า What are you doing? แต่ฉันทำเพื่อนสนิทที่เขียนจดหมายหล่นหายไป

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
ถ้าฉันพูดว่า อย่าเอาดอกไม้มาให้ฉันถ้าเธอไม่ได้ปลูกเอง เธออย่าโกรธฉันนะ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง วันหนึ่งก่อนฤดูฝน ฉันเดินทางไปหมู่บ้านหลังดอยอินทนนท์  ฉันพบผู้ชายคนหนึ่ง เขาพูดว่า"เอาดอกไม้ของฉันออกจากหน้าอกเธอ"หนุ่มใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น หญิงสาวมีสีหน้าแปลกใจคงสงสัยว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจ จึงไม่ยอมเอาดอกไม้ออกจากกระเป๋าเสื้อ "เอาออกเถอะ" เขายืนยันอีกครั้ง แต่หญิงสาวยังไม่ทำตาม ยังคงเอาดอกไม้เหน็บในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกต่อ ในที่สุดเขาก็บอกว่า " มันอันตราย ดอกไม้ฉันมีแต่ยา"
แพร จารุ
หมู่บ้านหายโรงเรียนร้าง เดือนก่อนฉันเดินทางไปที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวเชียงดาว ไกลเข้าไปในป่า พบโรงเรียนร้างไม่มีเด็ก ไม่มีครู โรงเรียนถูกปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน และไม่ใช่แค่โรงเรียนร้างเท่านั้น หมู่บ้านก็หายไปด้วย  ผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าหมู่บ้านนี้ถูกซื้อไปแล้ว "จริงเหรอ เหมือนโฆษณาเลย โฆษณาอะไรนะ ที่ผู้ชายคนหนึ่งถามซื้อเกาะให้ผู้หญิง" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น"ไม่ใช่แค่โฆษณาหรอก ละครโทรทัศน์ก็มีเหมือนกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเขาซื้อเกาะให้หญิงสาวเป็นของขวัญหากเธอแต่งงานกับเขา" ฉันบอกพวกเขา
แพร จารุ
แปลกใจใช่ไหมค่ะ ต้นไม้ใหญ่ อ่างเก็บน้ำและหมีแพนด้า  มันเกี่ยวกันอย่างไร  เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  เดือนฉันก่อนไปศาลากลางมา  ที่หน้าศาลากลางมีคนมากมาย มีชาวบ้านมาประท้วงเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ 
แพร จารุ
ในขณะที่ผู้คนที่มาดูต้นไม้ ต่างตื่นเต้นกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใหญ่ที่สุดที่นี่คือต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปูที่สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เป็นสนามกอล์ฟเก่า เขาเล่ากันว่าต้นไม้นี้มีอายุมากกว่าร้อยปี ส่วนสูง 15 เมตร ผ่านการประกวดต้นไม้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลของเทศบาลมาแล้ว
แพร จารุ
"ที่ซึ่งหนุ่มสาวหอบฝันมาทิ้ง" ฉันบอกเพื่อน ฟังดูน่าตกใจและดูจะเป็นคนใจร้ายไปสักหน่อย และหากว่าน้อง ๆ หนุ่มสาวที่นี่ได้ยินฉันพูดทำนองนี้ พวกเธออาจเสียกำลังใจ เพราะการเดินทางครั้งนี้เราพบหนุ่มสาวพวกที่ฉันคิดว่าเป็นพวก"หอบความฝัน"มากมายหลายคนทีเดียว
แพร จารุ
"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนคงรำคาญที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความหลังครั้งก่อน (ฉันเขียนมาถึงตอนนี้เมื่อฉบับที่แล้ว )  เราได้เพื่อนใหม่ทันที เธอชื่อเนเน่ เธอบอกว่า เธอเดินทางมาที่นี่ปีละหลาย ๆ ครั้ง และแม้ปายจะเปลี่ยนไปอย่างไรเธอก็ยังชอบปาย เธอมาเพื่อหาที่นั่งอ่านหนังสือสบาย ๆ ช่วง เย็น ๆ ก็ออกเดินเล่นไปตามถนน เดินคุยกับคนโน้นคนนี้เพราะผู้คนส่วนมากเป็นมิตร
แพร จารุ
  1 ปาย เปลี่ยนไปมาก และที่ฉันไม่กล้าไปปายก็เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวจะเสียใจกับความเปลี่ยนแปลงก็เลยพยายามจะลืมปายทำเหมือนหนึ่งว่าไม่เคยมี ไม่เคยไป
แพร จารุ
"ป้าไฟไหม้ ไฟไหม้ " หลานสาวส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน "ไฟไหม้ที่ไหน" ฉันถาม เดี๋ยวนี้อาการตื่นกลัวเรื่องไฟไหม้ป่าหลังบ้านลดลงไปแล้ว หากเป็นเมื่อสองปีก่อน ฉันจะกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นและรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทันที และบางครั้งก็ลงมือดับไฟเองก่อนที่รถดับเพลิงจะมา พร้อมกับบ่นด่าคนที่ทำไฟไหม้ คนที่มาเก็บของกินในสวนร้างแต่ไม่เคยสนใจหน้าแล้งยามที่ไม่ค่อยมีอะไรเก็บกิน และเจ้าของสวนที่ทิ้งสวนตัวเองไว้แล้วไม่มาดูแล  รวมถึงดับเพลิงที่มาช้าไม่ทันใจ
แพร จารุ
"อย่าลืมเอาถุงผ้าไปซื้อของ" ฉันเคยบอกใครต่อใครจนเขาเบื่อหน่ายกันแล้ว "อย่าเอาถุงพลาสติกเข้าบ้านถ้าไม่จำเป็น"และทุกครั้งที่ฉันเห็นถุงพลาสติกที่ใส่อาหารแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและรีบเก็บแต่ถุงพลาสติกก็ไม่เคยหมดไปจากบ้านฉัน มันวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้เสมอ ๆ
แพร จารุ
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาขยันมาก นั่งทำงานทุกวัน เขามีเมียขี้คร้านกับหมาพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงเห่าแหลมเล็กทั้งวันทั้งคืน เสียงหมาเห่าดังมาก  แต่เขายังนั่งทำงานอย่างไม่สนใจ  เมียเขานอกจากขี้คร้านแล้วขี้รำคาญด้วย เธอจึงลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเพราะเธอกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสำราญอยู่ ประตูบ้านยังไม่ปิด บ้านนี้ประตูจะไม่ปิดจนกว่าเจ้าของบ้านจะนอน  ลักษณะพิเศษคือเจ้าของบ้านไม่ชอบปิดประตู เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน
แพร จารุ
 หน้าร้อนใคร ๆ ก็ไม่อยากมาเชียงใหม่ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนที่อยู่เชียงใหม่ที่พอออกจากเมืองได้ก็จะพากันออกจากเมืองไปพักผ่อนที่อื่นฉันเป็นคนหนึ่งที่หนีออกจากเมืองเชียงใหม่ในช่วงหน้าร้อนเสมอ ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถือโอกาสกลับใต้ เป็นการกลับบ้านปีละครั้ง
แพร จารุ
“บ้านฉันไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิงเลยค่ะ แต่หนวกหูมากเหมือนกัน” ฉันบอกเพื่อนที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องที่บ้านของเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง หลังจากที่ ฟังเธอบ่นปรับทุกข์ เรื่องเสียงเพลงหนวกหูจากสถานบันเทิง เธอเล่าว่าย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัดได้ไม่นาน ร้านอาหารคาราโอเกะก็มาเปิดข้างบ้าน