Skip to main content

ฤดูร้อนในเมืองเชียงใหม่ค่อนข้างน่าสยองค่ะ เพราะนอกจากความแห้งแล้งที่เริ่มขึ้นในปลายฤดูหนาวนี้แล้ว เมื่อฤดูร้อนมาถึงเราก็จะพบกับกลุ่มหมอกควันที่มีทั่วเมือง สำหรับประชาชนในชนชั้นเรา ๆ นั้น เตรียมอะไรได้บ้างคะ


อันดับแรกเตรียมร่างกายไว้ให้แข็งแรงค่ะ การเตรียมร่างกายไว้ให้แข็งแรงอย่างหนึ่งก็คือ การกินอาหารดี ๆ และการเตรียมที่อยู่ดี ๆ  อยู่ในบ้านของเรานั่นแหละค่ะ ดังนั้นก็ต้องจัดการบ้านช่องให้น่าอยู่ ต้นไม้ในบ้านของเราช่วยเราได้บ้าง ใครที่ปลูกต้นไม้ไว้และโตแล้วก็ถือว่าได้เตรียมพร้อมไว้นานแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่ปลูกก็เริ่มปลูกได้เลยค่ะ ปลูกในช่วงฤดูร้อนก็ได้ แต่เราต้องรดน้ำให้เพียงพอ ต้นไม้จะค่อย ๆ ปรับตัว ตั้งตัว ตั้งต้นชีวิต และเมื่อถึงฤดูฝนต้นไม้ก็จะมีกำลังพร้อมเติบโตอย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าปลูกในฤดูฝน ท่านผู้รู้บอกว่าต้นไม้จะสดชื่นอยู่ในช่วงฝนและค่อย ๆ ตั้งตัว แต่ถ้าฤดูฝนไม่ยาวต้นไม้ยังตั้งตัวไม่ทันแข็งแรง แล้วมาพบกับความแห้งแล้ง บางต้นก็ทนไม่ไหว

 

การเตรียมตัวรับการภาวะหมอกควันอีกอย่างหนึ่งก็คือ เตรียมที่จะไม่ทำขยะเพิ่มค่ะ เพราะถ้าเราทำขยะเพิ่มแต่ไม่เผาขยะ ที่สุดแล้วขยะก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เรื่องนี้บอกเพื่อน ๆ บอกญาติมิตรด้วยก็ดีนะคะ แต่ให้เริ่มต้นที่ตัวเราก่อนดีกว่า แล้วก็ลองสำรวจต่อดูว่า มีใครที่เราปรารถนาและอยากบอกให้เขาทำตามบ้าง

 

เอาล่ะ คราวนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการทำของกินเพื่อเสริมสร้างสุขภาพรับอากาศร้อนกันค่ะ

 

ทำน้ำกระชายกินกัน

กระชาย ที่เราเอามาทำน้ำพริกแกง น้ำยาขนมจีน ทำน้ำพริกสำหรับแกงเลียงนั่นแหละค่ะ แต่คราวนี้เราเอามาทำเป็นเครื่องดื่มประเภทบำรุงกำลังกัน

 

แรกเริ่มเดิมที ที่ได้ทำน้ำกระชายดื่มก็เพราะว่า เจอเพื่อนรุ่นน้องที่ไม่ได้พบกันมานาน ก็ถามทุกข์สุขกันตามประสา ฉันบอกเธอว่า มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง เธอบอกว่า ความดันโลหิตสูงกินน้ำกระชายจะได้ผล  ลองทดลองดูสักเดือนถ้าไม่ได้ผลก็เลิกไปแสดงว่าไม่ถูกกับเรา แต่แม่ของเพื่อนเคยดื่มแล้วได้ผล วันละแก้วก็พอ จึงทดลองดูทั้งที่ไม่ชอบกลิ่นกระชายเลย ไม่คุ้นเคยกับมันจริง ๆ เพราะเรามาจากภาคใต้ที่กินขมิ้นไม่ใช่กระชาย แต่เอาเถอะคิดว่ากินเป็นยาและน้ำใจของเพื่อนด้วย

 

แต่เมื่อจะกินก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมกันหน่อย

น้องสาวที่บ้านซึ่งเป็นคนรักสวยรักงาม เธอรีบบอกว่า เป็นราชินีแห่งสมุนไพรเลยทีเดียว นอกจากปรับความดันโลหิตแล้วยังช่วยให้ผมดำและเป็นหงอกช้าด้วย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน น้ำกระชายกับน้ำผึ้ง ดื่มก่อนอาหารเย็น เป็นยาอายุวัฒนะด้วย เธอสนใจศึกษาเรื่องนี้มา

 

เมื่อรู้เช่นนี้ฉันก็ตัดสินใจทันที เริ่มทำน้ำกระชาย

 

เริ่มจากกระชายธรรมดาค่ะ ไปซื้อมาจากตลาด สิบบาทได้มามากมาย (ขอย้ำว่ากระชายธรรมดาค่ะ ที่เอามาทำแกงเลียง แกงป่านั่นแหละค่ะ ไม่ใช่กระชายดำ)

 

 

ล้างกระชายให้สะอาด แล้วหั่นซอยบาง ๆ จะได้ปั่นง่ายขึ้น เติมน้ำลงไปให้เจือจางสำหรับดื่มครั้งแรก ๆ กรองเอาแต่น้ำ แล้วเอาเข้าตู้เย็น เมื่อจะดื่มก็เติมน้ำผึ้งลงไปนิดหนึ่งคนให้เข้ากัน

 

 

วันแรกที่ฉันดื่มน้ำกระชาย ฉันรีบโทรไปบอกเพื่อนคนที่แนะนำว่า “ดื่มได้สบายมาก” และดูอร่อยด้วย จะดื่มเป็นประจำวันละแก้ว และทำเตรียมไว้เลี้ยงเพื่อนที่มาเยี่ยมเยือนด้วย

 

สำหรับผู้ที่จะปลูกกระชายเองก็ไม่ยากเลยค่ะ

เอาส่วนหัวที่เรียกว่าเหง้าของมันนี่แหละ ฝังลงไปในดินเลยค่ะ ที่บ้านดิฉันเป็นดินทราย กระชายไม่ค่อยจะชอบ แต่ก็ปลูกไว้ กระชายชอบดินร่วนปนทรายค่ะ ขุดหลุมและกลบดินบาง ๆ ถ้ามีฟางก็คลุมเอาสักนิด รดน้ำทุกวันไม่นานก็แตกหน่อแทงใบออกมาสวย เป็นไม้ประดับได้ด้วยค่ะ

 

ก่อนจบโฆษณาขายหนังสือสักเล่มค่ะ

 

 

หนังสือเล่มนี้ชื่อสวนของนักเขียน ’รงค์ วงษ์สวรรค์ค่ะ ผู้เขียนคือ แพรจารุ และถนอม ไชยวงษ์แก้วค่ะ ราคา 130 บาท สั่งซื้อได้ที่ chaiwongkal@gmail.com หรือโทร.086 9216065 ขอบคุณค่ะ

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
นี้ไม่ใช่เรื่องสั้นหรือเรื่องแต่งแต่เป็นเรื่องจริง และนี้เป็นเรื่องน่าเศร้า ไม่ใช่เรื่องตลกแต่ถ้าคุณจะหัวเราะก็มีสิทธิที่จะทำได้ เพราะฉันก็หัวเราะไปแล้ว  เรื่องจริงที่จะเล่าให้ฟัง ...เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  ที่เชียงใหม่ ยามค่ำคืน มีหญิงสาวคนหนึ่งขับรถโฟล์คสีบานเย็น อยู่บนถนนสายหางดงเชียงใหม่ ในขณะขับรถไปนั้น น้ำมันหมด เพราะที่วัดระดับน้ำมันเสีย เธอรีบโทรศัพท์ไปหาน้องสาว บอกเส้นทางที่ตัวเองอยู่ แต่โทรศัพท์แบต หมดก่อนที่จะทันคุยกันรู้เรื่อง
แพร จารุ
"สงสารท่านผู้นำ" นาน ๆ ฉันถึงจะได้ยินคำพูดแบบนี้ ฉันจึงหยุดมองเธอคนพูด และเห็นว่าในมือของเธอถือหนังสือพิมพ์การเมืองรายสัปดาห์ที่หน้าปกมีรูปท่านผู้นำของเธอ "ทำไมถึงสงสาร" ฉันเสี่ยงถาม "ก็เขาไม่ได้กลับบ้าน"ฉันพยักหน้ารับคำแบบสงวนท่าที่ ไม่ผลีผลามแสดงความคิดเห็น แต่ก็รู้สึกประทับใจในเหตุผล เพราะไม่ว่าจะเป็นใครที่ไม่ได้กลับบ้านน่าสงสารทั้งนั้น ฉันเองก็เป็นหนึ่งคนที่ไม่ได้กลับบ้านในช่วงปีใหม่ คนไม่ได้กลับบ้านน่าสงสารจริงๆ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรมาก
แพร จารุ
เมื่อฉันดูข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบันนี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวัยเยาว์ และอยากจะเล่าเอาไว้ เพราะพฤติกรรมของผู้ใหญ่ส่งผลต่อเด็กจริง ๆ ค่ะ ใครบางคนอาจจะไม่ทันคิดว่า การแสดงพฤติกรรมบางอย่างของผู้ใหญ่ เป็นได้มากกว่าการสอนเด็ก ๆ พฤติกรรมของผู้ใหญ่บางอย่างอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคตได้
แพร จารุ
ไนท์ซาฟารีที่อยู่ของสัตว์กลางคืน ฉันไม่เคยไปที่นั่นสักครั้งเดียว แม้ว่าจะมีงานเปิดอย่างยิ่งใหญ่ ใครต่อใครก็เดินทางไปที่นั่น และฉันถูกถามบ่อยๆ ว่า “ไปไนท์ซาฟารีมาหรือยัง” “ทำไมไม่ไป” ฉันได้แต่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากว่า คนถามมีเวลาจริง ๆ ฉันก็จะอธิบายให้เขาฟังว่า ที่ไม่ไปเพราะไม่เห็นด้วยกับการสร้างไนท์ซาฟารีตั้งแต่ต้นและเห็นด้วยกับกลุ่มคัดค้านมาโดยตลอด ไปประชุมสัมมนากับเขาเสมอ
แพร จารุ
ธันวาคมเป็นเดือนที่มีญาติพี่น้องผองเพื่อนเดินทางมาเที่ยวบ้าน ดังนั้นเราจะไม่ไปไหนคือตั้งรับอยู่ที่บ้าน พวกเขามักจะมาพักหนึ่งคืนแล้วไปเที่ยวกันต่อ บางกลุ่มก็วกกลับมาอีกครั้งก่อนเดินทางกลับ พวกเขาจะค้างกันอย่างมากก็สองคืน  เรามีบ้านหลังเล็กมากๆ แต่มีบ้านพ่อหลังใหญ่ บ้านที่พ่อสามีทิ้งไว้เป็นสมบัติส่วนกลาง แรกเราคิดว่าจะให้เพื่อนๆ ไปพักชั้นบนของบ้านหลังนั้น แต่เอาเข้าจริงสองปีที่ผ่านมา ไม่มีใครไปพักหลังนั้นเลย
แพร จารุ
คราวนี้เสียงจากคนเชียงใหม่จริง ๆ ค่ะ เธอเขียนมาถึงดิฉัน พร้อมกับจดหมายสั้น ๆ ว่า ขอร่วมเขียนแถลงการณ์คัดค้าน การสร้างประตูระบายน้ำกั้นแม่น้ำปิงด้วยค่ะ เธอแนะนำตัวมาสั้นๆ ว่าเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด บ้านอยู่ข้างสถานีรถไฟ ข้ามสะพานนวรัตน์ เห็นฝายพญาคำมาตั้งแต่เล็ก ต้องขอโทษด้วยที่ทำจดหมายของเธอตกค้างอยู่นานนับเดือน กว่าจะได้เอามาลงให้ เชิญอ่านได้เลยค่ะ
แพร จารุ
 ฤดูฝนที่ผ่านมา ชาวบ้านตีนผาบ้านในหุบเขา ได้ปลูกต้นไม้บนดอย ครั้งนี้เป็นการปลูกเพื่อเป็นแนวกั้นระหว่างพื้นที่ทำกินกับเขตอุทยาน  เป็นการการทำแนวรั้วต้นไม้ในเช้าวันที่มีการปลูกต้นไม้สำหรับเป็นแนวเขตรั้ว ชาวบ้านตีนผาพร้อมเพรียงและจริงจัง ตั้งแต่เช้า กินข้าวแล้วเตรียมพร้อม มารวมตัวกันอยู่ที่หน้าโบสถ์ เพื่อขนกล้าไม้ไปปลูก มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนและเด็กเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน  ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานและเจ้าหน้าที่มากันพร้อม ผู้ใหญ่บ้าน นายวรเดช กล่าวว่า"การทำแนวรั้วเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพื้นฟูรักษาป่านั่นแหละ"
แพร จารุ
 วันนี้ ฉันพบดอกไม้บนดอยสูงมากมาย ดอกไม้เล็ก ๆ เหมือนดาว กระจายอยู่ทั่วหุบเขา หลากสีสดใส ทั้งเหลือง ส้ม และสีม่วง หลายครั้งที่ผ่านทางมา เรามาด้วยความเร็วมาก จุดหมายอยู่ที่หลังดอย หมู่บ้านเล็ก ๆ หมู่บ้านหนึ่ง ความเร็วความรีบเร่งทำให้เราไม่ได้เห็นอะไรมากนักระหว่างทาง  ความหมายไม่ได้อยู่ที่ปลายทางแต่อยู่ที่ระหว่างทางที่ได้พบเจอ การได้ชื่นชมกับบรรยากาศระหว่างทาง นั่นเอง การเดินทางมาครั้งนี้เรามากับทีมช่างภาพสองคนและผู้ติดตามเป็นหญิงสาวน่ารักอีกหนึ่งคน มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเป็นชายหนุ่มสองคน
แพร จารุ
  วิถีชีวิตกับไม้ไผ่คู่กัน เมื่อลุงมาบอกว่า วิถีชีวิตปกาเก่อญอกับไม้ไผ่นั่นคู่กัน วันนี้คนรุ่นพะตี(ลุง) จึงต้องสอนให้ลูกหลานรู้จักจักสาน เพราะว่าเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องจักสานแล้ว พะตีมาบอกว่า ถ้าไม่ได้สอนไว้หมดรุ่นพะตีแล้วก็จะหมดรุ่นไปเลย ทั้งที่วิถีปกาเก่อญอกับไม้ไผ่นั่นคู่กัน ฟังพะตีว่า ลูกหลานปกาเก่อญอไม่รู้จักการใช้ไม่ไผ่ ฉันคิดถึงลุงที่บ้านแกว่าลูกชาวเลทำปลากินไม่เป็น ไม่ใช่หาปลามากิน แต่ทำปลากินไม่เป็นนั่นคือเขาหามาให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำกินอย่างไร ขูดเกล็ดปลาออกจากตัวปลาไม่เป็น ดึงขี้ปลาออกไม่เป็น เป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร…
แพร จารุ
อยู่อย่างมีสิทธิและศักดิ์ศรี“สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ ชุมชนจะต้องเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ ลดการพึ่งพาภายนอก ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และอยู่อย่างมีสิทธิและศักดิ์ศรี”แต่นั่นแหละ คำพูดเพราะๆ เช่นนี้จะเป็นจริงไปได้อย่างไร ในปัจจุบันนี้ หมู่บ้านเล็กๆ ในชุมชนหลายแห่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ การดำเนินชีวิตขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ขึ้นอยู่กับราคาผลผลิตที่ถูกกำหนดโดยตลาดทุนจากพืชเศรษฐกิจ 
แพร จารุ
พื้นที่ป่าในประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะชุมชนชาวเขาทั้งหลายที่อาศัยก่อน ต่อมาพื้นที่ป่าก็ถูกประกาศเป็นพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หลายแห่งที่พยายามเอาคนออกจากป่า ตัวอย่างการย้ายคนออกจากพื้นที่เดิมมีอยู่หลายแห่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนที่ถูกย้ายและสังคมโดยรวมเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เกิดปัญหาการย้ายถิ่นจากชนบทสู่เมือง การอพยพแรงงาน และปัญหาอื่นๆ ติดตามมาอีกมากมาย ทางออกหนึ่งก็คือการสนับสนุนให้คนที่อยู่ในป่าได้อยู่ในพื้นที่เดิมและดูแลป่าด้วยดังนั้น การทำความเข้าใจ ให้คนอยู่กับป่าได้และดูแลป่า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี มีคำถามว่า…
แพร จารุ
ฉันเพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านหลังดอยค่ะ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ได้คุยกับใครนอกพื้นที่ แต่ทันทีที่ลงมาจากดอย เปิดเมลพบว่ามีรูป ฯพณฯ ท่าน "สมชาย วงศ์สวัสดิ์ " ที่มีหน้าเปื้อนสีเลือดส่งเข้ามา ใต้ภาพเขียนว่า “คนบ้านเดียวกันกับคุณ-งานหน้าไม่ล่ะ” ฉันลบภาพทิ้งทันที และรีบไปที่ก๊อกน้ำล้างหน้า แต่ความรู้สึกสลดหดหู่ไม่ได้จางหาย มันหดหู่จริง ๆ “คนบ้านเดียวกัน” กับ “เสื้อสีเดียวกัน” นอกจากแยกเสื้อแดงเสื้อเหลืองแล้ว ยังแยกคนลูกบ้านไหนกันด้วย