Skip to main content

 

1. คำนำ

 

 

 

ภาพที่เห็นคือบริเวณชายหาดชลาทัศน์ อ.เมือง จังหวัดสงขลา (ถ่ายเมื่อพฤศจิกายน 2552) หาดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากของชาวเมืองสงขลา อยู่ทางตอนใต้ของหาดสมิหลาที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักดีประมาณหนึ่งกิโลเมตร สิ่งที่เห็นในภาพที่มีถุงทรายสีขาว ยางรถยนต์เก่ายึดด้วยไม้หลักปักทราย รวมทั้งรูปต้นสนล้ม คงสะท้อนทั้งความรุนแรงของปัญหาและความพยายามแก้ปัญหาของผู้ที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี

\\/--break--\>
รศ.ดร. สมบูรณ์ พรพิเนตพงศ์ (วิศวกรทางทะเล จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) ได้นำปัญหานี้มาเล่าในชั้นเรียนวิทยาลัยวันศุกร์หลายครั้งแล้ว ครั้งล่าสุด ( 4 ธันวาคม 52) ท่านบอกว่า ถ้ายังแก้ปัญหากันอยู่อย่างนี้ อีกประมาณ 5 ปี หาดสมิหลาที่ทุกคนรู้จักดีจะต้องหมดไป


ผมเองได้รับฟังเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่รู้สึกว่าไม่มีความมั่นใจที่จะเขียนเรื่องนี้ หรือแม้แต่จะนำมาเล่าให้ท่านทั้งหลายทราบ เพราะเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก


ในฐานะอาจารย์คณิตศาสตร์ประยุกต์ ผมมีความรู้เรื่องนี้น้อยมาก แม้จะเคยลงเรียนวิชา "สมุทรศาสตร์เชิงกายภาพ" มาบ้างแล้วก็ตาม


เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา หลังจากได้ลงไปดูพื้นที่กัดเซาะที่บ้านเกิดของผม (อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช) และได้คุยความหลังกับพี่ชาย กับชาวประมงและชาวบ้าน ทำให้ผมกล้าตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ เพราะประสบการณ์จริงกับหลักวิชาการที่ อาจารย์สมบูรณ์เล่ามานั้นสอดคล้องกันอย่างมาก


โจทย์ที่ผมจะนำเสนอในที่นี้มี 3 ประเด็นคือ

1. ทรายที่อยู่ตามชายหาดมาจากไหน

2. ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการไหลของน้ำในอ่าวไทย

3. จริงหรือที่ว่าคลื่นในทะเลเป็นต้นเหตุของการกัดเซาะ

 

2. ทรายที่อยู่ตามชายหาดมาจากไหน


ก่อนอื่น เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายผมขอนำเสนอ 2 ภาพนี้

 

 

 

ภาพแรกมาจาก google Earth เป็นภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณปากน้ำ บ้านนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ที่เห็นเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าพุ่งออกไปในทะเล คือ เขื่อนกันทรายไม่ให้เคลื่อนไปปิดปากคลองนาทับ ที่เห็นสีขาว ๆ ทางตอนล่างขวามือของภาพเป็นทราย ที่ไหลมาจากทิศใต้(ทางใต้ของรูป) แต่ทรายนี้ไม่สามารถไหลต่อไปทางตอนเหนือของภาพเพราะมีคันกั้นไว้ เมื่อกระแสน้ำที่เกิดจากคลื่นไหลมาชนกับเขื่อนกันทราย ทิศทางของกระแสน้ำก็ถูกเปลี่ยนไปและไหลเชี่ยวขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ทรายชายหาดทางตอนเหนือของภาพ (และทางทิศเหนือของประเทศ) ถูกกระแสน้ำกัด


ทางราชการจึงได้ทำเป็นเขื่อนหินกันคลื่นเป็นช่วง ๆ ขนานกับชายฝั่ง ดังรูป คำอธิบายนี้จะง่ายขึ้นหากดูภาพที่สอง (ซึ่งเป็นภาพถ่ายจากพื้นที่ชายฝั่งบ้านนาทับไปทางทิศเหนือถึงบ้านเกาะแต้วเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร)

 

 

ดร.สมบูรณ์ ได้ข้อสรุปว่า สาเหตุของการกัดเซาะเพราะทรายจากตอนล่าง (ทิศใต้)ไม่สามารถไหลไปทดแทนทางตอนเหนือได้และจากการเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำเนื่องจากเขื่อนหินเหล่านั้น การเคลื่อนที่ของทรายบริเวณนี้สาเหตุหลักเกิดจากกระแสน้ำชายฝั่ง (long-shore current) ไม่ได้เกิดจากคลื่นที่เรามองเห็นเป็นลูก ๆ ซึ่งจะกล่าวถึงอีกครั้งในสองหัวข้อที่เหลือ


ผมเปรียบเทียบว่า "อ้อ เหมือนบัญชีธนาคารเลย ถ้ามีแต่การถอน (คือการกัดเซาะ) แต่ไม่มีการฝาก(คือการเพิ่มทราย) บัญชีก็ไม่สมดุล และจะเป็นตัวแดงในที่สุด"


ดร. สมบูรณ์ว่า "ถูกต้องเลย" พร้อมกับตั้งคำถามต่อไปว่า

"แล้วทรายมาจากไหน"

"มาจากแม่น้ำ มาจากภูเขา" ดร.สมบูรณ์เฉลยเสร็จสรรพ


ผมกลับบ้านไปทวนความหลังกับพี่ชาย ได้ความว่า ที่บ้านผมซึ่งตั้งอยู่ตอนปลายสุดของส่วนที่เรียกว่า "บาง" (ส่วนที่แยกย่อยออกมาจากคลอง ซึ่งคลองแยกออกมาจากแม่น้ำอีกทีหนึ่ง) เราทั้งสองจำความได้ว่าเคยเล่นทรายในบริเวณนั้นเป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่รอบ ๆ กองทรายนั้นมีแต่ดินเหนียวกับดินโคลน หรายเหล่านี้ต้องมาจากแม่น้ำแน่นอน


ถ้าข้อสรุปนี้เป็นจริง การที่ประเทศเรามีเขื่อนและฝายมากมายในบริเวณป่าเขา ก็น่าจะเป็นไปได้ที่ทำให้ทรายในทะเลขาดสมดุล


เมื่อหลายปีก่อน ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักประวัติศาสตร์ ได้เคยบอกว่า "ประเทศจีนทำเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงในประเทศของเขา ทำให้ตะกอนทรายไม่ไหลลงทะเลแถว ๆ ปากแม่น้ำ"


ผมต้องขอออกตัวซ้ำอีกครั้งนะครับว่า นี่เป็นการอนุมานเอาจากประสบการณ์และวิชาการบางส่วน ไม่ใช่เป็นข้อสรุปโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่มันอาจจะเป็นจริงก็ได้ ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาเอาเอง


ถ้าจะให้สรุปในตอนนี้ ก็น่าจะได้ว่า สาเหตุของการกัดเซาะชายหาด มาจากการเสียสมดุลทางธรรมชาติระหว่างภูเขากับทะเลที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์นั่นเอง (หมายเหตุ การขาดทรายจากภูเขาทำให้หาดหดสั้นลงช้าๆปีละครึ่งเมตร ขณะที่การสร้างเขื่อนกันทรายและกันคลื่นที่ปากแม่น้ำและชายฝั่งต่างๆจะทำให้หาดทรายถูกกัดเซาะปีละ 10 -20 เมตร)

 

3. ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการไหลของน้ำในอ่าวไทย


ถ้าจะดูว่ากระแสน้ำในอ่าวไทยมีความสลับซับซ้อนขนาดไหน ก็โปรดดูรูปข้างล่างนี้ก่อน

 

 

ที่เห็นสีทึบๆ ในภาพเป็นแผ่นดิน สีขาว ๆ เป็นทะเล ลูกศรแสดงทิศทางของกระแสน้ำ (ระดับผิวน้ำ) ภาพเล็ก ๆ เป็นทิศทางลมในเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 เป็นข้อมูลที่ได้จากการตรวจวัดในรายงาน Naga Report (ค้นได้จาก google)


เราจะเห็นว่า ทิศทางของกระแสลมกับกระแสน้ำคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน กระแสน้ำมีความซับซ้อนมากกว่า กระแสน้ำชายฝั่งที่มีผลต่อหาดเกิดจากคลื่น ที่เคลื่อนทำมุมเข้าหาฝั่ง ซึ่งจะมีอิทธิพลในระยะไม่เกิน 0.5 ก.ม. เท่านั้น


ถ้าจะถามว่าปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดกระแสน้ำในทะเล ผมขอตอบสั้น ๆ (โปรดอ่านอย่างช้า ๆ นะครับ) ว่าเกิดจาก 4 ปัจจัยหลักดังนี้


1. ขึ้นกับรูปทรงทางเรขาคณิต ความลึก ความกว้าง ตลอดจนความเว้า ๆ แหว่ง ๆ ล้วนมีผล การก่อสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำก็มีผล(รุนแรงเสียด้วย)


2. น้ำขึ้น-น้ำลง อันเป็นผลมาจากดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ เมื่อคิดถึงระบบมหาสมุทร อ่าวไทยก็เหมือนกับแม่น้ำทั่วไป คือมีน้ำขึ้นน้ำลง ในอ่าวไทยแต่ละวันจะมีน้ำขึ้น 2 ครั้ง ลง 2 ครั้ง ชาวประมงทราบเรื่องนี้ดี บางครั้งอวนที่วางไว้ถูกกระแสน้ำดึงไปแรงมาก


ชาวบ้านที่เคยไปวางท่อทำนากุ้งบอกว่า "ผมเกือบตายเพราะน้ำเชี่ยวแทงหลุดออกไปจากเสาหลัก ถ้าไม่มีใครมาช่วยผมตายแล้ว"


ชาวประมงบอกผมว่า พื้นทะเลเป็นดินโคลนสูงประมาณครึ่งฟุต ใต้ลงไปอีกเป็นดินเหนียว นี่เป็นการยืนยันว่า "ทรายมาจากภูเขา"


3. ความเร็วลม ประเทศเราอยู่ในเขตมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ กับตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากนี้ในช่วงเดือนเมษายนจะมีลมสำเภาพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย


เมื่อลมพัด น้ำก็จะไหล ตำราสมุทรศาสตร์ที่ผมพอจำได้บ้าง บอกว่า (1) ความเร็วของกระแสน้ำ(ที่ผิว) จะประมาณ 3% ของความเร็วลม ถ้าความเร็วลมเท่ากับ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วของกระแสน้ำก็ประมาณ 0.2 เมตรต่อวินาที (2) บริเวณใดที่เป็นน้ำตื้นน้ำจะไหลตามลม และเพื่อให้เป็นไปตามทฤษฎีความต่อเนื่องของน้ำ ส่วนน้ำในที่ลึกกว่าจะไหลทวนลม (ซับซ้อนครับ และดูรูปในแผนที่อีกครั้งว่าซับซ้อนแค่ไหน) ในบริเวณแคบ ๆ น้ำจะไหลเร็วกว่าที่กว้าง ๆ


4. เกิดจากแรงเหวี่ยงของโลก เหนือเส้นศูนย์สูตรก็ไปทางหนึ่ง ใต้เส้นศูนย์สูตรก็อีกทางหนึ่ง

 

4. จริงหรือที่ว่าคลื่นในทะเลเป็นต้นเหตุของการกัดเซาะ


คลื่นที่เราเห็นในทะเลเกิดจากลม วันไหนลมแรงคลื่นก็แรง การเคลื่อนตัวของคลื่นไปตามทิศทางลมและรูปทรงเรขาคณิตของทะเล ในอ่าวไทยโดยมากคลื่นเกือบจะตั้งฉากกับชายฝั่ง


ในฤดูร้อน เราจะเห็นทรายไปกองเป็น "หาดนอกชายฝั่ง" โผล่พ้นน้ำห่างจากชายฝั่งประมาณ 100 เมตร สมัยเด็ก ๆ ผมก็เคยไปเล่น ไปหาหอย กว่าจะไปถึงก็ต้องผ่านน้ำลึกท่วมหัวไปก่อน ชาวประมงบอกว่าทุกวันนี้ก็ยังมี แต่ผมลืมถามไปว่า ขนาดใหญ่หรือเล็กกว่าเดิม


คำถามก็คือว่า ทรายบนหาดนอกชายฝั่งนี้มาจากไหน? ผมคิดว่าน่าจะมาจากแม่น้ำ


ในฤดูมรสุมซึ่งเป็นช่วงที่คลื่นใหญ่ลมแรง เราพบว่า (1) "หาดนอกชายฝั่ง" หายไป (2) ชายหาดส่วนมากกลับมีทรายมากกว่าเดิม (3) ที่ถูกกัดเซาะคือบริเวณที่เป็นต้นไม้ขึ้น (เลยขึ้นมาบนแผ่นดิน)


ดังนั้น ในช่วงมรสุมนอกจากคลื่นจะไม่กัดเซาะแล้ว ยังช่วยนำทรายจากหาดนอกขึ้นมากองบนชายหาดอีกด้วย


ทรายที่ถูกกัดดังที่เราเห็นในรูปที่สอง มาจากสาเหตุของกระแสน้ำเนื่องจากคลื่นชายฝั่งซึ่งลมเป็นตัวกำเนิด บางจังหวะกระแสน้ำที่เกิดจากลมกับกระแสน้ำที่เกิดจากน้ำขึ้นน้ำลงมาเสริมกัน กระแสน้ำยิ่งเชียวมากขึ้น

 

5. สรุป


ในตอนท้ายของการเสวนา อาจารย์สมบูรณ์สรุปว่า ถ้าสังคมต้องการจะเก็บรักษาชายหาดไว้ให้ลูกหลานได้ชม ได้พักผ่อน ได้เข็นเรือประมง ก็อย่าทำให้ทรายเสียสมดุล อย่าไปสร้างสิ่งกีดขวางทางเดินของทราย


แต่ถ้าสังคมไม่ต้องการชายหาดทรายแล้ว แต่ต้องการเฉพาะฝั่งที่เป็นแผ่นดิน ต้องการถนน ทางวิศวกรรมสามารถออกแบบได้


สุดท้ายอาจารย์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ปัญหาชายหาดตกอยู่ในมือของนักการเมืองที่ขาดความรู้ทางวิชาการ หรือนักวิชาการจงใจที่จะแก้ปัญหาหนึ่งเพื่อให้เกิดปัญหาใหม่ แล้วจะได้มี "งานเข้า" ตลอดไป


ในขณะที่พลเมืองที่มีความรู้ความเข้าใจก็ไม่มีเครื่องมือในการสื่อสารใด ๆ ให้สาธารณะได้ทราบ นี่ก็เป็นการเสียสมดุลทางสังคมอีกอย่างหนึ่ง


ประโยคสุดท้ายนี้เป็นข้อสรุปของผมเองครับ

 

 

บล็อกของ ประสาท มีแต้ม

ประสาท มีแต้ม
กลไกการควบคุมระบบพลังงานของโลกเรื่องพลังงานเป็นเรื่องใหญ่และเชื่อมโยงกันหลายมิติหลายสาขาวิชา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจกันในช่วงเวลาอันสั้นและจากเอกสารจำนวนจำกัด ในที่นี้ผมจะเริ่มต้นนำเสนอด้วยภาพการ์ตูนและข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นเราจะเข้าใจทันทีว่า (๑) ทำไมกลุ่มพ่อค้าพลังงานทั้งระดับประเทศและระดับโลกจึงมุ่งแต่ส่งเสริมการใช้พลังงานฟอสซิลที่ใช้หมดแล้วหมดเลย ซึ่งได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตไฟฟ้า (๒) ทำไมพลังงานจากธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดหรือหมดแล้วก็สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ เช่น พลังงานจากพืช พลังงานลมและแสงอาทิตย์…
ประสาท มีแต้ม
๑ คำนำ: วิธีการศึกษา-วิธีการเคลื่อนไหว ภาพถ่ายข้างบนนี้มาจากภาพยนตร์สารคดีด้านสิ่งแวดล้อม เรื่อง “ความจริงที่ยอมรับได้ยาก (An Inconvenient Truth)” ที่เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์ (Oscars award) ไปหลายรางวัลเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๐   ในภาพมีเรือหลายลำวาง(เคยจอด)อยู่บนทรายที่มีลักษณะน่าจะเคยเป็นคลองมาก่อน   นอกจากจะสร้างความฉงนใจให้กับผู้ชมว่ามันเป็นไปได้อย่างไรแล้ว    ยังมีประโยคเด็ดที่ได้รับการอ้างถึงอยู่บ่อย ๆ ของกวีชาวอเมริกัน [1] มีความหมายเป็นไทยว่า “เป็นการยากที่จะทำให้ใครสักคนหนึ่งเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง…
ประสาท มีแต้ม
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ให้สัมภาษณ์หลังจากทราบว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ว่า “พลังงานนิวเคลียร์มีความจำเป็นสำหรับการจัดหาพลังงานในระยะยาวของประเทศ ขณะนี้ทั่วโลกก็กำลังกลับมาหาพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้งเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน” (มติชน,19 กันยายน 50) ในตอนท้ายรัฐมนตรีท่านนี้ได้ฝากถึงนักการเมืองในอนาคตว่า“อยากฝากถึงพรรคการเมืองต่างๆ ด้วยว่าหากจะมีการกำหนดนโยบายอะไรออกมาขอให้ดูผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และต้องดูถึงผลระยะยาวด้วย เรื่องนิวเคลียร์ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานถึง 14 ปี แต่รัฐบาลมีอายุการทำงานเพียง 4 ปีเท่านั้น”…