Skip to main content
ขณะนี้ทางรัฐบาลโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (หรือ กฟผ.) กำลังเสนอให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาด 700 เมกกะวัตต์ 

ชาวหัวไทรที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้อาจเกิดความสงสัยหลายอย่าง เป็นต้นว่า

1.โรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกกะวัตต์นั้น มันใหญ่เท่าใด ไฟฟ้าที่ผลิตมาได้จะใช้ได้สักกี่ครอบครัวหรือกี่จังหวัด
3. ถ้ามีโรงไฟฟ้าที่ว่านี้จริง ผลดี ผลเสียอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเรา
4. เรามีทางเลือกอย่างอื่นบ้างหรือไม่

บทความสั้นๆ นี้จะพยายามตอบข้อสงสัยเหล่านี้ ดังต่อไปนี้

คำตอบสำหรับข้อที่ 1
ถ้าเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าขนาด 1 เมกกะวัตต์ให้ทำงานเป็นเวลานาน 1 ชั่วโมง พลังงานที่ได้จะทำให้เราสามารถเปิดหลอดไฟฟ้าขนาดผอม-สั้น (18 วัตต์) ได้จำนวน 55, 555  หลอดเป็นเวลานาน 1 ชั่วโมง  (แค่หนึ่งเมกกะวัตต์นะ)

ดังนั้นโรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกกะวัตต์จะสามารถทำให้เราใช้กับหลอดไฟดังกล่าวถึงกว่า 38 ล้าน 8 แสนหลอดพร้อมกัน โดยปกติโรงไฟฟ้าจะทำงานประมาณ 75% ของเวลาทั้งปี
 ดังนั้น โรงไฟฟ้าขนาดนี้สามารถป้อนพลังงานให้หลอดไฟฟ้าขนาดนี้ได้ถึง 29 ล้านหลอดตลอด 24 ชั่วโมงและตลอดทั้งปี

ถ้าเราเกิดความสงสัยต่อว่า คนทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชจะต้องมีโรงไฟฟ้าขนาดเท่าใดจึงจะพอใช้ เราก็ต้องค้นข้อมูลกันต่อไป

จากข้อมูลพบว่า ในปี 2551 คนนครศรีธรรมราชใช้ไฟฟ้ารวมกัน 1
,141 ล้านหน่วย (http://www.thaienergydata.in.th/)  (1 หน่วย = 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง) พลังงานไฟฟ้าจำนวนนี้โรงไฟฟ้าขนาด 174 เมกกะวัตต์สามารถผลิตให้ได้ตลอดไป ไม่ขาด

ถ้าอย่างนั้น ทำไมเขาจึงจะสร้างใหญ่ถึงขนาด 700 เมกกะวัตต์ หรือว่าเขาสร้างให้ชาวจังหวัดพัทลุงและตรังใช้ด้วย จากข้อมูลเดียวกันพบว่า คน 2 จังหวัดนี้ใช้ไฟฟ้ารวมกันเพียง 133 เมกกะวัตต์เท่านั้น

ความต้องการของคนใน 3 จังหวัด (นคร
, พัทลุง ตรัง) รวมกันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่เขาจะสร้างใหม่ คือ 700 เมกกะวัตต์  แล้วทำไมเขาจึงสร้างมหึมาขนาดนี้

ยิ่งคิด ก็ยิ่งสงสัยจังหู  หรือว่าเขาจะสร้างไว้รองรับโรงถลุงเหล็ก หรือนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ฯลฯ
เป็นไปได้ครับ ท่านที่ติดตามข่าวจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดคงจะนึกภาพออก
 

ก่อนจะตอบข้อ 2 และ 3 ขอข้ามไปตอบข้อ 4 ก่อน


คำตอบสำหรับข้อที่ 4 
เรามีทางเลือกอื่นบ้างไหม? เราลองคิดเปรียบเทียบเป็น 2 กรณี ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน คือ

กรณีแรก
สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินตามที่ กฟผ. เสนอ คำถามก็คือ เอาเชื้อเพลิงคือถ่านหินมาจากไหน
คำตอบคือนำเข้าจากต่างประเทศ ในปี 2552 ประเทศไทยนำเข้าถ่านหินคิดเป็นเงิน 3 หมื่น 7 พันล้านบาท เงินจำนวนนี้ไปตกที่ใครไม่รู้ ที่แน่ ๆ มลพิษที่จะกล่าวถึงในข้อ 2 จะตกลงที่ชาวหัวไทร ชาวปากพนัง เชียรใหญ่ และอำเภออื่น ๆรวมทั้งชาวไทยทั้งประเทศอย่างแน่นอน เพราะถ่านหินก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อนมากที่สุด

กรณีที่สอง
 สร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กเพียง 1 เมกกะวัตต์ โดยใช้ไม้ฟืน กะลามะพร้าว ทางปาล์ม หรืออื่นๆ ที่สามารถหาได้ในท้องถิ่นเป็นระยะทางไม่เกิน 10 ก.ม.
 
ชาวบ้านสามารถปลูกไม้โตเร็วเพื่อป้อนโรงไฟฟ้าได้ตลอดไป โดยที่ไม้ฟืนไม่บูด ไม่เน่าเหมือนผลไม้ และไม่ล้นตลาดในบางฤดูอีกด้วย

โรงไฟฟ้าขนาด 1 เมกกะวัตต์สามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณปีละ 6.57 ล้านหน่วย หรือวันละ 18,000 หน่วย ซึ่งเพียงสำหรับครอบครัวในชนบทที่มีตู้เย็น ทีวี (แต่ไม่มีแอร์) ถึงประมาณ 4,500  ถึง 6,000 ครอบครัว ในอำเภอหัวไทรมี 17,417 บ้าน ดังนั้น ในอำเภอหัวไทร ถ้ามีโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 1 เมกกะวัตต์จำนวนสัก 6 โรงก็พอใช้แล้ว (คิดรวมการใช้ของภาคธุรกิจและอื่น ๆ ด้วย)

ถ้าเราคิดคร่าว ๆ ว่า โรงไฟฟ้าแต่ละโรงต้องใช้ไม้ฟืนวันละ 2 หมื่นกิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 2 บาท ชาวหัวไทรจะมีรายได้จากการขายไม้ฟืนวันละ 2 แสน 4 หมื่นบาท หรือปีละ 87 ล้านบาทตลอดไป ดีกว่าจ่ายเงินซื้อถ่านหินจากต่างชาติไหม?

ลองคิดซิครับว่า มันสามารถสร้างงานให้ชาวบ้านได้มากน้อยขนาดไหน คนเหล่านี้ไม่ต้องไปดิ้นรนทำงานในเมือง ไม่ต้องใช้ฝีมือแรงงาน แค่ตัดไม้ขายวันละ 200 กิโลกรัม ก็สามารถมีรายได้มากกว่าเด็กจบปริญญาตรีใหม่ ๆ แล้ว
นี่เป็นเพียงการคิดเคร่า ๆ เท่านั้นนะครับ ถ้ารัฐบาลสนับสนุนด้วยการจ่ายเงินชดเชยในฐานะที่ช่วยให้ไม่ต้องใช้ถ่านหินซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต ต่อสิ่งแวดล้อม ทุกอย่างจะดีกว่านี้มาก

คำตอบข้อที่ 2
 ถ่านหินนั้นมันคืออะไร   มีสารพิษปนมาบ้างหรือไม่

องค์กรที่รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับระดับโลกอย่างกรีนพีชกล่าวว่า  
“ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่สกปรกที่สุดในโลก”

นายอัล กอร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2550 กล่าวว่า
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องใช้อารยะขัดขืน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ๆ ขึ้นอีก”
 
 
 
รูปข้างหน้าคือถ่านหินที่ยังเป็นก้อน ก่อนจะนำไปใช้ในโรงไฟฟ้าจะต้องมีการบดให้ละเอียด แล้วนำไปเทกองไว้ที่ลานกองถ่านหิน เพื่อรอป้อนเข้าไปเผาในโรงไฟฟ้า

โดยปกติโรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกกะวัตต์จะใช้
  • ถ่านหินวันละประมาณ 5,370  ตัน ประมาณ 250 รถสิบล้อ
  • ใช้น้ำปีละ 12 ล้านลิตร (พอสำหรับคนเมือง 3.5 แสนคน)
  • น้ำที่สูบเข้าจะติดลูกปลา กุ้ง 29 ล้านชีวิต ชาวประมงจะเดือดร้อน
  • เกิดหมอกควัน ฝนกรด น้ำฝนใช้ไม่ได้  ผักที่ปลูกจะเสียหาย
  • หน้าดินในแหล่งน้ำใกล้ลานกองถ่านหินจะปนเปื้อน จนปลาอยู่ไม่ได้
  • ปล่อยน้ำร้อนไปทำลายปลาในแหล่งน้ำ
  • ปล่อยขี้เถ้าจำนวน 175,000 ตัน และ 270,000 ตันของขี้โคลน (sludge)
สารพิษจากของเสียเหล่านี้ประกอบด้วย สารหนู สารปรอท โครเมียมและแคดเมียม ซึ่งจะปนเปื้อนเข้าไปกับน้ำดื่ม แล้วจะไปทำลายอวัยวะที่สำคัญรวมทั้งระบบประสาทของคน จากการศึกษาพบว่า ทุก ๆ 100 คนที่ดื่มน้ำบ่อที่ปนเปื้อนสารหนูจากโรงไฟฟ้าถ่านจะเป็นมะเร็ง 1 คน

 
คำตอบข้อที่ 3

ตอบไปแล้วในข้อที่ 2 ภาพข้างบนเป็นภาพเด็กข้างโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซีย เป็นโรคหอบ
 
สรุป

ที่ผ่านมาการพัฒนาของบ้านเราถูกกำหนดโดยคนใหญ่คนโตจากข้างบน ไม่เคยถามความเห็นของคนข้างล่างที่หาเลี้ยงชีพด้วยธรรมชาติ ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย หากินลำบาก ทั้งในทะเลและแหล่งน้ำจืด ต้องไปเป็นกรรมกรในเมือง

ต่อไปนี้เราจะขอคิด ขอวางแผนพัฒนาตนเองเองบ้าง และจะไม่ขอเต้นไปตามจังหวะกลองที่คนอื่นตีอีกต่อไป เราจะขอตีเอง เต้นเอง ตามจังหวะที่เราชอบ
 
 
 

 

บล็อกของ ประสาท มีแต้ม

ประสาท มีแต้ม
กลไกการควบคุมระบบพลังงานของโลกเรื่องพลังงานเป็นเรื่องใหญ่และเชื่อมโยงกันหลายมิติหลายสาขาวิชา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจกันในช่วงเวลาอันสั้นและจากเอกสารจำนวนจำกัด ในที่นี้ผมจะเริ่มต้นนำเสนอด้วยภาพการ์ตูนและข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นเราจะเข้าใจทันทีว่า (๑) ทำไมกลุ่มพ่อค้าพลังงานทั้งระดับประเทศและระดับโลกจึงมุ่งแต่ส่งเสริมการใช้พลังงานฟอสซิลที่ใช้หมดแล้วหมดเลย ซึ่งได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตไฟฟ้า (๒) ทำไมพลังงานจากธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดหรือหมดแล้วก็สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ เช่น พลังงานจากพืช พลังงานลมและแสงอาทิตย์…
ประสาท มีแต้ม
๑ คำนำ: วิธีการศึกษา-วิธีการเคลื่อนไหว ภาพถ่ายข้างบนนี้มาจากภาพยนตร์สารคดีด้านสิ่งแวดล้อม เรื่อง “ความจริงที่ยอมรับได้ยาก (An Inconvenient Truth)” ที่เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์ (Oscars award) ไปหลายรางวัลเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๐   ในภาพมีเรือหลายลำวาง(เคยจอด)อยู่บนทรายที่มีลักษณะน่าจะเคยเป็นคลองมาก่อน   นอกจากจะสร้างความฉงนใจให้กับผู้ชมว่ามันเป็นไปได้อย่างไรแล้ว    ยังมีประโยคเด็ดที่ได้รับการอ้างถึงอยู่บ่อย ๆ ของกวีชาวอเมริกัน [1] มีความหมายเป็นไทยว่า “เป็นการยากที่จะทำให้ใครสักคนหนึ่งเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง…
ประสาท มีแต้ม
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ให้สัมภาษณ์หลังจากทราบว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ว่า “พลังงานนิวเคลียร์มีความจำเป็นสำหรับการจัดหาพลังงานในระยะยาวของประเทศ ขณะนี้ทั่วโลกก็กำลังกลับมาหาพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้งเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน” (มติชน,19 กันยายน 50) ในตอนท้ายรัฐมนตรีท่านนี้ได้ฝากถึงนักการเมืองในอนาคตว่า“อยากฝากถึงพรรคการเมืองต่างๆ ด้วยว่าหากจะมีการกำหนดนโยบายอะไรออกมาขอให้ดูผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และต้องดูถึงผลระยะยาวด้วย เรื่องนิวเคลียร์ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานถึง 14 ปี แต่รัฐบาลมีอายุการทำงานเพียง 4 ปีเท่านั้น”…