ผมพบไนซ์ ภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ เป็นครั้งที่สี่ตอนเขากำลังเบรคสูบบุหรี่อยู่ ไนซ์ดูเหมือนนักศึกษาปีสองทั่วไปที่อายุ 20 นอกเสียจากทรงผมอันสั้นเกรียนซึ่่งมิได้เป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษาปัจจุบันและสิ่งที่อยู่ในหัวสมองเขาที่เผด็จการทหารมองว่าเป็นภัย
เขาเพิ่งออกจากคุกเมื่อวานหลังถูกฝากขังเป็นเวลา 12 วัน เพียงเพราะถูกกล่าวหาว่าละเมิดคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองห้าคนขึ้นไปและละเมิด ม.116 และยังอาจต้องโทษสูงสุดรวม 7 ปีในที่สุด
ไนซ์บอกว่าประสบการณ์ 12 วันในคุกมิได้เปลี่ยนใจเขาเลย
‘ไม่เปลี่ยน…เรายังคงสู้เพื่อประชาธิปไตย อยู่ข้างใน [คุก] ก็ต้องสู้กับใจตนเอง ไม่มีใครถอดใจ’
เกือบทั้ง 14 สมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่เป็นนักศึกษาและไนซ์ซึ่งมาจากกลุ่มดาวดินบอกผมว่าผู้คุมดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีโดยตลอดและฝากผมเขียนขอบคุณด้วย อย่างไรก็ตาม ข่าวสารเกี่ยวกับทั้ง 14 ไม่ว่าจะทางทีวีหรือสื่อสิ่งพิมพ์กลับถูกกลับถูกเซ็นเซอร์โดยผู้คุมตลอดเวลา 12 วัน
หลังจากออกจากคุก ไนซ์ บอกว่ากระแสตอบรับมันเกินคาด และแรงสะเทือนสั่นมันไปถึงผู้นำ คสช.และรัฐบาล ‘มันเกินคาด มันสั่นได้ถึงประยุทธ์ [จันทร์โอชา] ประยุทธ์ต้องพูดถึงนักศึกษา 14 คน… [ผม] มีความหวังมากขึ้นว่าประชาธิปไตยจะกลับมาภายในเร็ววัน’
แต่เขามองว่าประยุทธ์คงไม่เปลี่ยนง่ายๆ ‘ไม่เปลี่ยนหรอกพี่ ไม่เปลี่ยนหรอก สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือประชาชนลุกฮือ’
ในขณะเดียวกัน แม้ได้รับอิสรภาพและออกมานอกเรือนจำแล้ว ไนซ์กลับบอกว่าเขาและเพื่อนๆ ร่วมชะตากรรมอีก 13 ชีวิตกลับถูกติดตามตลอดเวลาโดยเจ้าหน้าที่ทางการ ซึ่งเขามองว่าไม่จำเป็นเลย
‘เราไม่ใช่อาชญากร…[มัน] ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง’
แม้จะรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่นักกิจกรรมการเมืองวัยผู้ซึ่งเพิ่งพ้นวัยกระเตาะได้ไม่นานกลับปฎิเสธที่จะใช้ช่องทางเคลื่อนไหวแบบที่รัฐบาลทหารยอมรับ และบอกผมว่าพวกเขาต้องการสื่อสารกับประชาชนโดยตรง พร้อมทั้งยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวต่อ เพียงแต่รูปแบบอาจแตกต่าง
พ่อมารับไนซ์ในวันปล่อยตัว ส่วนแม่ก็โทรมาจากสุรินทร์เพื่อบอกให้กลับมาพักผ่อนก่อนบ้าง เดือนหน้าก็จะเปิดเทอม แต่ไนซ์บอกอย่างไรก็ตาม พ่อแม่เขาได้เรียนรู้ที่จะยอมรับการตัดสินใจของเขา
‘ก็บอกว่ากลับบ้านแน่ๆ แต่ยังไม่รู้วันไหน ทางนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเดินไงต่อ’ เขากล่าวก่อนจะขอตัวเข้าห้องประชุมต่อ
หมายเหตุ: ถอดความจากบทความของผู้เขียนใน นสพ.เดอะเนชั่น ฉบับวันที่ 10 ก.ค. 2558