ภาพด้านบนนี้ แม้ว่าจะเหมือนกับเป็นภาพถ่ายจากสถานที่ท่องเที่ยวในยุโรป แต่ในความเป็นจริง นี่คือภาพของ Vincom Mega Mall - Royal City เมกะมอลล์แห่งแรกในประเทศเวียดนาม ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2556 หรือเมื่อราวสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
เมกะมอลล์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 230,000 ตารางเมตร ในย่านที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงฮานอย แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าสยามพารากอนเกือบสองเท่า และเซ็นทรัลเวิลด์กว่าสองเท่า แต่ตามเอกสารของโครงการระบุไว้ว่า ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีบริเวณเท่ากับพื้นที่ของร้านค้าต่างๆ ในกรุงฮานอยทั้งหมดรวมกัน
ห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์แห่งนี้ มีทั้งหมดสี่ชั้น แบ่งเป็นชั้นใต้ดินสองชั้น และชั้นบนดินอีกสองชั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวห้างหลักนั้นอยู่ที่ชั้นใต้ดินสองชั้น เนื่องจากชั้นบนดินนั้น ได้รับการตกแต่งให้เป็นสวนสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ จึงมีเนื้อที่ไม่มากสำหรับร้านค้าต่างๆ
โรยัลซิตี้ก็ไม่ต่างกับห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ในเมืองไทย ที่มุ่งเน้นเป็นจุดศูนย์รวมความบันเทิงให้กับคนเมืองในกรุงฮานอย นอกจากห้างร้านเสื้อผ้า รองเท้า ที่มีทั้งแบรนด์เนมในประเทศและต่างประเทศแล้ว ยังมีร้านอาหารที่ดูเหมือนจะมีจำนวนมากกว่าร้านค้ามาก ยังมีสวนน้ำ ที่ถือว่าเป็นสวนน้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลานไอซ์สเก็ตแห่งแรกในประเทศเวียดนาม ถนนเลียนแบบตลาดกลางคืน โรงภาพยนตร์ และอีกมากมาย
เท่าที่สังเกตดูแล้ว ผู้คนที่มาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ กลับไม่ได้จับจ่ายใช้สอยในห้างร้านมากเท่ากับการมาพักผ่อนหย่อนใจ บ้างมารับประทานอาหาร (ซึ่งบางร้านก็คนคับคั่ง แต่บางร้านกลับไม่มีลูกค้าเลยอย่างน่าประหลาดใจ) บ้างก็มาเดินเล่น และถ่ายรูปกับความโอ่โถงของอาคารภายใน และลานหน้าห้างที่ตกแต่งไว้ให้เหมาะกับการถ่ายรูปอย่างพอเหมาะพอเจาะ
อันที่จริงแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงห้างสรรพสินค้าเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยคอนโดมิเนียมสุดหรูอีกทั้งหมด 6 อาคาร ทุกอาคารล้วนเชื่อมต่อกันด้วยห้างสรรพสินค้า Vincom Mega Mall ที่ว่าทางชั้นใต้ดิน กลุ่มลูกค้าของคอนโดมิเนียมแห่งนี้ มุ่งเน้นคนเวียดนามที่ค่อนข้างมีฐานะ และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศเวียดนาม เห็นได้จากการผนวกโรงเรียนนานาชาติทั้งระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาไว้ภายในโครงการ เรียกได้ว่าเป็นโครงการที่ตอบสนองความเป็นเมืองที่กำลังขยายตัวของเวียดนาม
แม้ว่าการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้จะดูเหมือนว่า ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับสูงของเวียดนามกำลังเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น ประเทศเวียดนามกำลังเผชิญปัญหาความชะงักงันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ปัญหาก็คือ เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว ที่เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับการจับตาอย่างสูงนั้น การลงทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาริมทรัพย์ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ตาม บรรดาโครงการคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น กลับเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮ-เอนด์ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีฐานะทางการเงินค่อนข้างสูง ในขณะที่อุปสงค์ของที่อยู่อาศัยหลักๆ แล้ว เป็นที่อยู่อาศัยในระดับล่างถึงปานกลาง ที่ไม่ต้องการความหรูหราเท่าใดนัก แต่หากว่าอุปสงค์ในตลาดนี้กลับไม่ได้รับการตอบสนองจากนักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเหตุผลนี้ ผนวกกับเศรษฐกิจของเวียดนามที่ไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วเหมือนช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้คอนโดมิเนียมหลายแห่งไม่มีคนซื้อ แม้ว่าราคาจะปรับตัวลงมาอย่างมากแล้วก็ตาม ปัญหานี้ยังส่งผลให้เกิดหนี้เสียในระบบการเงิน เนื่องจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถจ่ายหนี้ตามกำหนดให้กับสถาบันการเงินได้ แต่กระนั้น รัฐบาลเวียดนามก็ยังไม่มีนโยบายสำหรับแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมๆ กับเศรษฐกิจที่ขยายตัว การกระจายรายได้ของเวียดนามก็มีปัญหามากขึ้น ขณะที่ดัชนีชี้วัดความยากจนจินีของประเทศไทยกำลังปรับตัวลดลงทุกปี ดัชนีของเวียดนามแม้ยังมีตัวเลขที่ต่ำกว่าของไทย กลับเพิ่มขึ้นจาก 0.42 ในปี 2551 เป็น 0.43 ในปี 2553 อาจจะเรียกได้ว่าผู้ที่ถือครองอำนาจในตลาดของเวียดนามนั้น มีเพียงกลุ่มบริษัทเพียงไม่กี่บริษัท จึงไม่แปลกที่ผู้ที่มาเยือนที่นี่ จะเห็นชื่อโครงการของบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้น นอกจากชื่อบริษัทเกาหลี อย่างล็อตเต แดวู ที่มีสัดส่วนการลงทุนในประเทศเวียดนามเป็นอันดับต้นๆ แล้ว หนึ่งในบริษัทสัญชาติเวียดนามก็คือวินคอม ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า 6 แห่งทั้งในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ รวมถึง Vincom Megal Mall แห่งนี้ด้วย