Skip to main content

 30_7_01

 

ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่ ตัวเธอเองก็สับสนสงสัย อยากจะรี่ไหลไปอย่างอิสระ แต่ลึก ๆ เธออยากมีฝั่ง มีตลิ่งบอกแนว ไม่ให้ตัวเองทะลักหลั่งซัดสรรพสิ่งหักพัง


ลูกเอ๋ย ชีวิตนั้นยากนัก แต่หวังว่าคงไม่ยากเกิน สตรีผู้นั้น บางครั้งหล่อนก็สงสัย จะทำเช่นไร ยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งคาค้างอยู่ในตัว เด็กแรกรุ่น หญิงสาว รวมอยู่ในคนผู้ใหญ่ ผู้เยาว์เหล่านั้นยังคงเรียกร้องต้องการ
... ฉันไม่อยากเห็นเธอต้องเสียน้ำตา ไม่อยากให้เธอต้องแบกตัวตนอันเจ็บปวดและปราศจากความเข้าใจติดตัวไปตลอดชีวิต เพราะนั่นคือภารกิจหนักหนา ยาวนาน ยากจะจบสิ้น


แม่รักลูก ลูกรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าไม่มีใครอีก ไม่มีพ่อคอยดูแล มีเพียงแม่ที่รักและห่วงใยทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์และการเติบโตภายในของเจ้า ทว่า ตัวแม่กลับทำได้กระพร่องกระแพร่ง มีแม่มากมายในโลกที่รักและปรารถนาอย่างสุดจิตสุดใจที่จะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่อย่างอบอุ่น เป็นคนดี มีความสุข แต่พวกหล่อนล้วนเติบโตไม่เต็มที่ ยังมีบาดแผลที่ต้องเยียวยา ทุกครั้งที่เห็นลูกร้องไห้ แม่เจ็บปวด ทุกคราวที่เราทะเลาะโต้แย้ง และแม่ดุด่าว่ากล่าวลูกโดยถือสิทธิแห่งความเป็นแม่ของตน แม่รู้สึกเจ็บปวดบีบคั้น


แม่อยากบอกว่า แม่ไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอกลูก แม่เสียใจ แม่พยายามทำไปตามที่ตัวเองเป็นและทำได้ในเวลานั้น บางทีก็ไม่ได้พยายามมากพอหรอกนะ แต่ว่าตกอยู่ภายใต้อารมณ์และอุปนิสัยดั้งเดิมมากกว่า ซึ่งลูกก็ตอบโต้กลับมาด้วยความคิดที่ยังไม่รวบยอด ด้วยความไม่รู้จักเข้าใจวิเคราะห์ ด้วยความรู้สึกอันสับสน และอารมณ์แรงของวัยรุ่น

หลายครั้ง มันดูเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับแม่ และแสนจะบั่นทอนข้างใน วันนั้นลูกร้องไห้ไปล้างจานไป และพยายามกลั้นสะอื้นด้วยความหวาดกลัว แม่นิ่งอั้นตันใจ พร้อมกับเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีก ลำพังตัวแม่รู้ว่าการขัดแย้งของเราไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร เรารักกัน และแม่มีความตั้งใจดีต่อลูกเสมอ แม่ยังมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และบรรลุความเข้าใจใหม่ ๆ ในตัวลูก ต่อทุกสิ่งในชีวิตอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทว่า คนที่ก่อความรุนแรงคือแม่ ส่วนคนที่อ่อนเยาว์และขาดความเข้าใจก็คือลูก ลูกจึงร้องไห้ บอบช้ำเหมือนสัตว์ที่ถูกทำร้าย เหมือนคนอ่อนแอที่ต้องเผชิญความรุนแรงโดยที่ตนไม่ทราบสาเหตุ

นั่นแหละ แม่ยืนอยู่ตรงนั้น มองดูลูก มองดูตัวเอง ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ ทั้งตั้งใจใหม่และดุด่าตัวเอง... ฉันจะต้องพยายามให้ดีขึ้นกว่านี้ ฉันจะต้องเอาชนะตัวเองได้ เยือกเย็น เมตตาและอดทน ฉันไม่อยากสูญเสียลูกสาวของฉันไป ไม่อยากเป็นผู้สร้างช่องว่างขึ้นมาด้วยน้ำมือตน ลูกจะต้องอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนในโลก จะมีสะพานหนึ่ง สร้างจากมิตรภาพ ความรักและความเข้าใจอันแน่นแฟ้นระหว่างเรา ทอดรอให้เธอกลับมาหาฉันเสมอ ในยามที่ต้องเผชิญทุกข์หรือรู้สึกโดดเดี่ยว เธอจะไม่รู้สึกเดียวดาย เพราะรู้แน่แก่ใจว่า มิตรแท้ผู้หนึ่งของเธออยู่ที่นี่ สัตย์ซื่อ รัก และพร้อมที่จะช่วยเหลือเธออย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปร


30_7_02


ลูกรัก ความสัมพันธ์ต่างๆ ในโลกเวลานี้ล้วนเจือด้วยความเจ็บปวด แม้กระทั่งลูกกับแม่ หรือว่าแม่กับแม่ของแม่เอง เพราะมนุษย์ยังอ่อนเยาว์และขลาดเขลาเหลือเกิน ความมั่นใจในสีหน้าของผู้นำ และชนชั้นสติปัญญาจากผู้คนที่ลูกเห็นในจอทีวีนั้นไม่แตกต่างอะไรกับอาการกระหยิ่มยิ้มย่องของผู้ถือขวานหินในป่า


หากโลกนี้เจริญจริงแล้วไซร้ วันนั้นจะเป็นวันที่เราเลิกทำลายโลก ธรรมชาติ ตัวเองและคนรอบข้าง จะไม่มีสงครามอีกต่อไป เพราะสงครามคือการกล่าวอ้างของคนโง่ที่กอดยึดความหวาดกลัวไว้ตลอดเวลา คือคำปลิ้นปล้อนตลบตะแลงของนักการเมืองที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์ ในนิยายเริงรมย์ที่ลูกอ่านอาจมีข่าวสารที่จำเป็นสำหรับชีวิตมากกว่านั้นเสียอีก เพียงแต่ความหวานเคลือบน้ำผึ้งน้ำตาลของมันที่ทำให้โลกกลายเป็นสีชมพูฟูฟ่องเหมือนขนมสายไหมนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคือความลวง ซึ่งนานไปย่อมเกิดเป็นพิษ ความจริงนั้นสะอาด จืดเหมือนน้ำเปล่า แต่ธรรมชาติก็กำหนดมาแล้วให้เด็กๆ ชมชอบขนมและการละเล่น ลูกควรสุขสำราญ เบิกบานใจตามวัยของตน ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียด หรือมีสาระอะไรมากมายนัก ต้นไม้นั้นต้องอาศัยเวลาเติบใหญ่จึงจะผลิตดอกออกผล แม่เองไม่รู้แน่ว่าสัดส่วนของการเริงเล่นและเนื้อหาสาระมีรูปธรรมอย่างไร แต่ก็ขอให้เรามีวันเริงเล่นไร้แก่นสารด้วยกัน มีวันอบอุ่นสงบสุขปลอดภัย และมีวันที่ได้เรียนรู้ขบคิดถึงสิ่งที่ลึกซึ้งจริงจังของชีวิต


ลูกเป็นความหวังของโลก เป็นผู้กำอนาคตของลูกหลานของลูกเอง วันเวลาข้างหน้าจะดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ลูกเป็นตอนนี้ ลำบากตรงที่ แม่เองไม่สมบูรณ์พอที่จะปลุกปั้นชีวิตน้อย ๆ อย่างเชื่อมั่นวางใจ ทว่า เราก็ได้ยื่นมือมาเกี่ยวกันแล้วลูกเอ๋ย ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่ลูกเข้ามาอยู่ในครรภ์ของแม่ ตลอดชีวิตแม่ที่บรรจุไว้ด้วยประสบการณ์ซึ่งต้องค่อย ๆ แยกย่อย พิจารณา ขบคิด ภายหลังจากข้ามพ้นห้วงทุกข์ทางอารมณ์นานัปประการมาได้

ขอให้เราเพียรพยายามต่อไป ขอให้เราเผยความสุขสันติ เมตตา กรุณาและเข้าใจยิ่งขึ้นเรื่อยไป งดงามด้วยปัญญาญาณและหัวใจ กอปรด้วยอารมณ์ขัน สีสันแห่งโลก ปีกผีเสื้อและเมฆหลายรูปทรงในท้องฟ้า ยืดหยุ่นและอ่อนไหวดุจเดียวกับธรรมชาติ สายน้ำสายลม ก่อนจะดิ่งลึกสู่ความสงัดใจกลางผลึกแก้ว...บ่อเกิดแห่งชีวิต


"ลูกรัก...เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ"


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เธอ*ควานหาเสียงซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ ไม่ได้มีอยู่ในตัวเธอ เรียกหามันด้วยกระบวนการ วิถี แนวทางแห่งศาสตร์การแสดง จวบจนกระทั่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับกลาย ไม่ใช่เธออีก เธอควานหาพายุพยาบาท ไฟแค้น โศกนาฏกรรมบีบคั้นหัวใจชนิดที่ทำให้คลั่ง ซึ่งเธออาจไม่ประสบเท่านั้นในชีวิต โยกย้ายมันจากอากาศ ผ่านความเจ็บช้ำของผู้คน ระเบิดมันออกภายในร่าง จนกระทั่งปรากฏผ่านแววตา สีหน้า ท่วงทีกิริยาทุก ๆ ทาง
รวิวาร
ก็เพราะในชีวิตมีความเศร้า หรือชีวิตมีอีกชื่อเรียกว่า ทุกข์เศร้า คนจึงรานร้าว ดิ้นรนแสวงหา และเสียดทานภายในไม่หยุดหย่อน... จนกว่าจะปลดเปลื้องถึงอิสรภาพได้นั่นละกระมัง คุณน้อยคิดว่าอย่างนั้นไหม? ... สวัสดีปลายพฤษภาค่ะ
รวิวาร
 หัวใจของฉันไม่อาจแยกขาดจากร่าง ร่างกายที่กระทำการโดยปราศจากดวงใจขับเคลื่อนไปชั่วครู่ชั่วยาม ระหว่างดำเนินกิจกรรมนั้นไม่รู้สึกตัว ถูกครอบงำเต็มเปี่ยม มุ่งหน้าสู่ทิศทางที่ปรารถนา หยุดนิ่งทันทีเมื่อถึงที่หมาย "ฉัน" มีอยู่ในมิติกว้างใหญ่ ใช่เพียงแค่กาย-องคาพยพอิ่มหิวหลับนอน อยากคลายหายอยาก ไม่รู้หรอกว่าวิญญาณคืออะไร แต่รับรู้ได้ถึงความรู้-รู้สึกลึกล้ำ ส่วนหัวใจนั้นมีอยู่แน่แท้ หัวใจที่ทำให้ความรู้สึกดื่มด่ำ วาดรูป แต่งเพลง เขียนบทกวี มองเห็นความงามของสรรพสิ่ง งามที่ปวดร้าวในโลกแห่งความเป็นจริง งามบริสุทธิ์หล่อเลี้ยงในธรรมชาติ งามประณีตวิจิตรจากศิลปะ งามปัญญาแห่งธรรม
รวิวาร
น้ำ เราต้องการน้ำกันมากเหลือเกิน ทั้งน้ำดื่ม น้ำอาบ น้ำใช้ น้ำเย็น ๆ ใสสะอาด หอมหวานชื่นใจ น้ำใต้ดินเจือกลิ่นแร่ กรวดทราย หวานหอมแตกต่างกันไปแต่ละที่บนโลก ไม่จืดสนิท หรือแปร่งปร่าเช่นน้ำดื่มจากขวดหรือน้ำประปา ...
รวิวาร
ปีเก่ากำลังตายจาก ปีกาลใหม่คล้อยเคลื่อนมา นำหน้าด้วยขบวนทวยเทพ เทพีสงกรานต์ผู้สาดน้ำชะโลก ล้างแล้งด้วยพายุฤดูร้อน มนุษย์รับช่วงขัดถูบ้านเรือน ซักผ้า ชำระคราบไคลในวันสังขารล่อง...
รวิวาร
ตั้งหลักสมัครสมานกับผืนดิน (2552)มกราฯ : วุ่นรับแขกหลายคณะ ไม่เกิดฉันทะพอที่จะจับจอบกุมภาฯ : อา...โกยหญ้า ขุดดินขึ้นมากอบกำ ในที่สุดก็ผูกสัมพันธ์กันอีกครั้ง เราและผืนดินสำรวจสวนไม้ผล -มะม่วง หลังจากรดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยขี้วัวและคลุมโคนต้นด้วยเศษหญ้า ไชโย! มะม่วงมหาชนกอายุ 3 ปีที่โรงรถติดลูกจิ๋วหลิวน่ารัก ต้นข้างห้องนอนเชนแตกยอดอ่อน สุขภาพดีขึ้น-ต้นหม่อน (มัลเบอรี) ออกลูกเยอะกว่าปีที่แล้ว ลูกโตขึ้นด้วยถึงแม้จะไม่เท่าต้นแม่ที่ตัดกิ่งมาปักชำ เราใส่ปุ๋ยพรวนดินเหมือนกับต้นอื่น ๆ ระหว่างรดน้ำก็คุย ขอบคุณ และชื่นชมเขาไปด้วย ปิดเทอมนี้ น้องธารคงได้เอื้อมเด็ดใส่ตะกร้าใบน้อย-มะยม,กะท้อน เพิ่งปลูก…
รวิวาร
สรุปผลแผ่นดินโดยสังเขป (2551) ผลผลิตที่โดดเด่นที่สุด : ลำไยจำนวน : ประมาณ 15 ต้น (เคยนับแต่จำไม่ได้แน่ชัด)
รวิวาร
 ฉันรอเหมือนต้นไม้ต้นนั้น เหมือนสิงห์ดักซุ่ม เหมือนกระต่ายน้อยรีรอระแวดระวังต่อหน้าแปลงผัก เหมือนเหยี่ยวบินวนกราดดวงตาแหลมคมจากฟ้าสูง ความปรารถนามีอยู่ทุกวินาที บางครั้งราวกับความคลั่งไคล้ใหลหลงในอันที่จะเนรมิตสิ่งต่าง ๆ มองต้นไม้ที่ปลูก ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่า ระหว่างการเขียนระบายสิ่งอัดอกกับหยิบจอบพรวนดิน อันไหนสั่นไหวแรงกล้ากว่ากัน แต่กับหนังสือนั้น ยกประโยชน์ให้จำเลย ด้วยถือว่ามันเป็นรองการเคลื่อนไหว หายใจ เช้า อ่านหนังสือจบหนึ่งเล่ม ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ฉันอ่านไปครึ่งเล่ม แล้วจะเป็นไร หากจะอ่านอีกครึ่งที่เหลือ ระหว่างรอสายยางให้น้ำ
รวิวาร
น้ำตาล ไม่ใช่น้ำตาลที่เข้าคู่กับกะทิแล้วรวมตัวกับฟักทองหรือกล้วยน้ำว้ากลายเป็นแกงบวดหอมมัน แต่มันคือหมาน้อยตัวหนึ่งซึ่งสามารถเสกฝนได้ หากฝนที่โปรยปรายเป็นสายจากตัวนั้นเป็นห่าหมัด ไม่ใช่สายน้ำเย็นฉ่ำ มันเป็นสุนัขจร ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ปรากฏตัวขึ้นบนถนนสายเล็ก ๆ ทอดสู่หุบเขาผาแดง ลูกหมาสีน้ำตาลพองฟูเดินต้วมเตี้ยมอยู่ตรงขอบถนนจวนเจียนจะถูกเฉี่ยวชน ผู้ซึ่งจะกลายเป็นนายของมันกระโดดผลุงลงจากกระบะหลังซึ่งสมัครพรรคพวกนั่งกันอยู่หลายชีวิต โอบอุ้มมันขึ้น จากนั้นไม่กี่นาทีฝูงมนุษย์ก็พากันกระถดหนีไปกองอยู่มุมเดียว ด้วยเกรงกลัวฝนสีดำแสนคันจากลูกสุนัขน้อย
รวิวาร
เช้านั้นไม่เหมือนเช้าอื่น ๆ แต่เป็นวันที่กะทิ ลูกหมาน้อยต้องจดจำไปชั่วชีวิต นายหญิงของมัน ผู้ซึ่งตะก่อนร่อนชะไรเคยตื่นแต่เช้าตรู่ เดี๋ยวนี้เมื่อไม่มีภาระดูแลลูกหญิงน้อยเริ่มตื่นสายขึ้น กะทิเองก็เช่นกัน ก็อากาศหนาวออกอย่างนั้น กว่าตะวันจะโผล่พ้นม่านหมอกก็สายโด่ง นอนซบพี่หมี ตุ๊กตาสีน้ำตาลขนฟูเพื่อนเก่าที่เด็ก ๆ ยกให้ อุ่นสบายกว่าถึงจะสาย แต่อากาศยามเช้ายังยะเยือก เย็นสบาย แทนที่นายหญิงจะถือสายยางไปรดน้ำต้นไม้ เธอกลับฉวยย่ามม้งใบน้อย ทำท่าจะออกไปข้างนอก กะทิลุกขึ้น ส่งเสียงเห่าบอกน้ำตาลทันที ‘ปะ เราไปวิ่งไล่ตามมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า ดูซิว่า วันนี้เธอจะไปทางไหน เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา…
รวิวาร
หากใครคิดว่าที่นี่มีเพียงนกน้อยเสียงใส สัตว์โลกน่ารักและวิวงาม ๆ นั้น เขาเข้าใจผิดแล้ว จริงอยู่ นกน้อยสารพันขานรับอรุณ ปลุกเราแต่เช้า ดุเหว่าร้องเสียงใสเวลาใกล้รุ่ง บ่าย นกทุ่งส่งสำเนียงเจื้อยแจ้ว ไพเราะจนไม่ต้องง้อดนตรีของมนุษย์ เย็น เมื่อแดดแสดงลีลาเหนือขุนเขา อีกาพร่ำร้อง กาๆ กระปูดร้องปูด ๆ เตือนพลบ บางวันเหยี่ยวร้องบนฟ้าสูงไกล วู๊ ๆ เสียงใสเหมือนเด็กน้อย ขณะนกกินปลาตัวใหญ่สีขาวบินโฉบต่ำ ๆ ลิ่วลงหาปลาในสระ
รวิวาร
ทั้งเสียงไวโอลิน หนังสือและหลายสิ่งที่ชีวิตเก็บเกี่ยวตกค้างอยู่ภายในทำให้รู้สึกปวดร้าว ปวดแบบแปลบ ๆ หนึบ ๆ และร้าวรอนราวกับหัวใจบอบบางเหลือแสน ความเศร้าอันอ่อนหวาน ไม่อาจหักห้ามบังคับ ทุกคราวที่ไวโอลินโหยไห้หวนหาของซีเคร็ตการ์เดนแว่วดังขึ้น ขณะเปิด บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน1 หน้าสุดท้าย หนังสือที่เขียนโดยคนสีไวโอลิน คลอด้วยเสียงไวโอลิน หัวใจร่วงร้าวโดยไม่ตั้งใจ ขยับตัวไม่ได้ เบื้อใบ้ ปากปิดสนิท