Skip to main content

 30_7_01

 

ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่ ตัวเธอเองก็สับสนสงสัย อยากจะรี่ไหลไปอย่างอิสระ แต่ลึก ๆ เธออยากมีฝั่ง มีตลิ่งบอกแนว ไม่ให้ตัวเองทะลักหลั่งซัดสรรพสิ่งหักพัง


ลูกเอ๋ย ชีวิตนั้นยากนัก แต่หวังว่าคงไม่ยากเกิน สตรีผู้นั้น บางครั้งหล่อนก็สงสัย จะทำเช่นไร ยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งคาค้างอยู่ในตัว เด็กแรกรุ่น หญิงสาว รวมอยู่ในคนผู้ใหญ่ ผู้เยาว์เหล่านั้นยังคงเรียกร้องต้องการ
... ฉันไม่อยากเห็นเธอต้องเสียน้ำตา ไม่อยากให้เธอต้องแบกตัวตนอันเจ็บปวดและปราศจากความเข้าใจติดตัวไปตลอดชีวิต เพราะนั่นคือภารกิจหนักหนา ยาวนาน ยากจะจบสิ้น


แม่รักลูก ลูกรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าไม่มีใครอีก ไม่มีพ่อคอยดูแล มีเพียงแม่ที่รักและห่วงใยทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์และการเติบโตภายในของเจ้า ทว่า ตัวแม่กลับทำได้กระพร่องกระแพร่ง มีแม่มากมายในโลกที่รักและปรารถนาอย่างสุดจิตสุดใจที่จะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่อย่างอบอุ่น เป็นคนดี มีความสุข แต่พวกหล่อนล้วนเติบโตไม่เต็มที่ ยังมีบาดแผลที่ต้องเยียวยา ทุกครั้งที่เห็นลูกร้องไห้ แม่เจ็บปวด ทุกคราวที่เราทะเลาะโต้แย้ง และแม่ดุด่าว่ากล่าวลูกโดยถือสิทธิแห่งความเป็นแม่ของตน แม่รู้สึกเจ็บปวดบีบคั้น


แม่อยากบอกว่า แม่ไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอกลูก แม่เสียใจ แม่พยายามทำไปตามที่ตัวเองเป็นและทำได้ในเวลานั้น บางทีก็ไม่ได้พยายามมากพอหรอกนะ แต่ว่าตกอยู่ภายใต้อารมณ์และอุปนิสัยดั้งเดิมมากกว่า ซึ่งลูกก็ตอบโต้กลับมาด้วยความคิดที่ยังไม่รวบยอด ด้วยความไม่รู้จักเข้าใจวิเคราะห์ ด้วยความรู้สึกอันสับสน และอารมณ์แรงของวัยรุ่น

หลายครั้ง มันดูเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับแม่ และแสนจะบั่นทอนข้างใน วันนั้นลูกร้องไห้ไปล้างจานไป และพยายามกลั้นสะอื้นด้วยความหวาดกลัว แม่นิ่งอั้นตันใจ พร้อมกับเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีก ลำพังตัวแม่รู้ว่าการขัดแย้งของเราไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร เรารักกัน และแม่มีความตั้งใจดีต่อลูกเสมอ แม่ยังมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และบรรลุความเข้าใจใหม่ ๆ ในตัวลูก ต่อทุกสิ่งในชีวิตอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทว่า คนที่ก่อความรุนแรงคือแม่ ส่วนคนที่อ่อนเยาว์และขาดความเข้าใจก็คือลูก ลูกจึงร้องไห้ บอบช้ำเหมือนสัตว์ที่ถูกทำร้าย เหมือนคนอ่อนแอที่ต้องเผชิญความรุนแรงโดยที่ตนไม่ทราบสาเหตุ

นั่นแหละ แม่ยืนอยู่ตรงนั้น มองดูลูก มองดูตัวเอง ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ ทั้งตั้งใจใหม่และดุด่าตัวเอง... ฉันจะต้องพยายามให้ดีขึ้นกว่านี้ ฉันจะต้องเอาชนะตัวเองได้ เยือกเย็น เมตตาและอดทน ฉันไม่อยากสูญเสียลูกสาวของฉันไป ไม่อยากเป็นผู้สร้างช่องว่างขึ้นมาด้วยน้ำมือตน ลูกจะต้องอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนในโลก จะมีสะพานหนึ่ง สร้างจากมิตรภาพ ความรักและความเข้าใจอันแน่นแฟ้นระหว่างเรา ทอดรอให้เธอกลับมาหาฉันเสมอ ในยามที่ต้องเผชิญทุกข์หรือรู้สึกโดดเดี่ยว เธอจะไม่รู้สึกเดียวดาย เพราะรู้แน่แก่ใจว่า มิตรแท้ผู้หนึ่งของเธออยู่ที่นี่ สัตย์ซื่อ รัก และพร้อมที่จะช่วยเหลือเธออย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปร


30_7_02


ลูกรัก ความสัมพันธ์ต่างๆ ในโลกเวลานี้ล้วนเจือด้วยความเจ็บปวด แม้กระทั่งลูกกับแม่ หรือว่าแม่กับแม่ของแม่เอง เพราะมนุษย์ยังอ่อนเยาว์และขลาดเขลาเหลือเกิน ความมั่นใจในสีหน้าของผู้นำ และชนชั้นสติปัญญาจากผู้คนที่ลูกเห็นในจอทีวีนั้นไม่แตกต่างอะไรกับอาการกระหยิ่มยิ้มย่องของผู้ถือขวานหินในป่า


หากโลกนี้เจริญจริงแล้วไซร้ วันนั้นจะเป็นวันที่เราเลิกทำลายโลก ธรรมชาติ ตัวเองและคนรอบข้าง จะไม่มีสงครามอีกต่อไป เพราะสงครามคือการกล่าวอ้างของคนโง่ที่กอดยึดความหวาดกลัวไว้ตลอดเวลา คือคำปลิ้นปล้อนตลบตะแลงของนักการเมืองที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์ ในนิยายเริงรมย์ที่ลูกอ่านอาจมีข่าวสารที่จำเป็นสำหรับชีวิตมากกว่านั้นเสียอีก เพียงแต่ความหวานเคลือบน้ำผึ้งน้ำตาลของมันที่ทำให้โลกกลายเป็นสีชมพูฟูฟ่องเหมือนขนมสายไหมนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคือความลวง ซึ่งนานไปย่อมเกิดเป็นพิษ ความจริงนั้นสะอาด จืดเหมือนน้ำเปล่า แต่ธรรมชาติก็กำหนดมาแล้วให้เด็กๆ ชมชอบขนมและการละเล่น ลูกควรสุขสำราญ เบิกบานใจตามวัยของตน ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียด หรือมีสาระอะไรมากมายนัก ต้นไม้นั้นต้องอาศัยเวลาเติบใหญ่จึงจะผลิตดอกออกผล แม่เองไม่รู้แน่ว่าสัดส่วนของการเริงเล่นและเนื้อหาสาระมีรูปธรรมอย่างไร แต่ก็ขอให้เรามีวันเริงเล่นไร้แก่นสารด้วยกัน มีวันอบอุ่นสงบสุขปลอดภัย และมีวันที่ได้เรียนรู้ขบคิดถึงสิ่งที่ลึกซึ้งจริงจังของชีวิต


ลูกเป็นความหวังของโลก เป็นผู้กำอนาคตของลูกหลานของลูกเอง วันเวลาข้างหน้าจะดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ลูกเป็นตอนนี้ ลำบากตรงที่ แม่เองไม่สมบูรณ์พอที่จะปลุกปั้นชีวิตน้อย ๆ อย่างเชื่อมั่นวางใจ ทว่า เราก็ได้ยื่นมือมาเกี่ยวกันแล้วลูกเอ๋ย ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่ลูกเข้ามาอยู่ในครรภ์ของแม่ ตลอดชีวิตแม่ที่บรรจุไว้ด้วยประสบการณ์ซึ่งต้องค่อย ๆ แยกย่อย พิจารณา ขบคิด ภายหลังจากข้ามพ้นห้วงทุกข์ทางอารมณ์นานัปประการมาได้

ขอให้เราเพียรพยายามต่อไป ขอให้เราเผยความสุขสันติ เมตตา กรุณาและเข้าใจยิ่งขึ้นเรื่อยไป งดงามด้วยปัญญาญาณและหัวใจ กอปรด้วยอารมณ์ขัน สีสันแห่งโลก ปีกผีเสื้อและเมฆหลายรูปทรงในท้องฟ้า ยืดหยุ่นและอ่อนไหวดุจเดียวกับธรรมชาติ สายน้ำสายลม ก่อนจะดิ่งลึกสู่ความสงัดใจกลางผลึกแก้ว...บ่อเกิดแห่งชีวิต


"ลูกรัก...เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ"


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…