Skip to main content

เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น


น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยรักหมดใจ ราวกับว่านี่คือชิ้นงานสุดท้ายในชีวิต จินตนาการและวาดหวังถึงมันอย่างสวยงามที่สุด สมบูรณ์ หมดจด ครบถ้วน

เชื่อสิ โลกจะรักมัน ทุกคนจะขานรับ มันคือสิ่งที่ดีที่สุด คือของขวัญจากหัวใจ จากตัวตน จากชีวิตเรา เพราะเราให้ทั้งหมดแล้ว นี่คือของขวัญล้ำค่าที่เราดึงออกมาจากชีวิต ไม่จำเป็นต้องรีบปลงเพื่อป้องกันความผิดหวังของตนจากประสบการณ์เก่า สิ่งที่ผ่านไปนั้นล่วงแล้ว ไม่จำเป็นต้องปักใจว่ามันจะดำเนินตามรอยทางเดิม หากทำเต็มที่แล้วไม่เกิดผลเลิศ เราค่อยปลง และหาทางทำความเข้าใจน่าจะดีกว่า ไม่มีนักวิ่งคนไหนที่เฝ้าคิดว่าตนไม่มีทางชนะ แล้วจะได้รับเหรียญทองเป็นรางวัลหรอก


เมื่อเขียนสักแต่ว่าเขียน เพื่อจะมีชื่อตีพิมพ์ปรากฏ หรือหวังเพียงสิ่งตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ เราก็จะได้รับตามนั้น เพราะว่าหว่านเมล็ดพันธุ์ใด ย่อมได้เก็บเกี่ยวพืชผลนั้นเอง หากเขียนลองๆ เล่นๆ เราก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการเขียนอย่างเข้มข้น จริงแท้


ในกระบวนการทำงานนั้นมีความหมายมาก เมื่อเราทุ่มเททำงานหนัก ขบคิด ใคร่ครวญ มุ่งหวัง อุทิศแรงกายแรงใจ สิ่งที่ลึกซึ้ง กลวิธีทางศิลปะ ความชำนิชำนาญ รวมทั้งความคิดที่น่าอัศจรรย์จะเผยแสดงต่อเรา แต่หากเราเขียนพอผ่าน อาจจะได้ตีพิมพ์ พอมีสาระอยู่บ้าง แต่เมื่อไม่ได้ทุ่มหัวใจลงไป ไม่รู้สึกมั่นใจอะไรนัก เราก็จะได้รับตามนั้นผลผลิตของเราจะบางเบา ไม่มีมวลให้จับต้อง เราไม่รู้สึกอิ่มเอิบหรือภาคภูมิใจนัก แล้วเมื่อไหร่หนอ การงาน- ตัวตน-ความฝันของเราจึงจะสถาปนาเป็นรูปเป็นร่าง


การงานที่แท้ทุกแขนงหยั่งวัดใจคนทำงานเสมอ หากเราต้องการบรรลุหรือเข้าถึง กลัวเหนื่อย กลัวอด กลัวไม่ได้รับการยอมรับ อาจทำให้เราล่าถอย หรือยื่นมือไปแตะ ๆ ระหว่างพักสอดส่ายสายตาหาความสะดวกดายจากแหล่งอื่น

ก้อนหินของนักเล่นแร่แปรธาตุไม่เคยหายไปจากโลก มันยังมีอยู่ ให้เราเดินทางค้นหาเข้าไปในชีวิต ในตัวเรา ผ่านการงาน อันเปรียบเสมือนนิทรรศการ บอกกล่าวตัวตน ความรู้ ความคิด ความเชื่อ ความสามารถ ประสบการณ์ และอุปนิสัยใจคอของเรา ดุจผลรวมของตัวตนคนหนึ่งที่มามีชีวิตอยู่บนโลก คือการแสดงตัวอย่างชัดเจนถึงการทำหน้าที่ และเกิดมาเป็นมนุษย์ การงานใดที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้นน่าจะพอเรียกได้ว่า การงานแห่งชีวิต ซึ่งจะแตกงวงงาออกแตะยื่นกับโลก ผ่านความสัมพันธ์ ผ่านสภาพสังคม ในยุคสมัยที่เรามีชีวิต


ฉันเองก็ยังไม่ได้ทำงานหนักเต็มที่อย่างดีที่สุดหรอก เพียงความเชื่อปักหลักลง และการงานแต่ละก้าวค่อย ๆ ตอกย้ำความมั่นใจไปทีละน้อย เราเพียงอยากแลกเปลี่ยนกับใครก็ตามที่แสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด คนที่ปรารถนาจะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ทุ่มเททำงานอย่างดีที่สุด ใครที่ปลอบประโลมใจตัวเองมาพอแล้ว และไม่ต้องการความรื่นรมย์เล็กน้อยเพื่อคั่นเวลาอีก แต่แสวงหาสัจจะสำหรับผ่าลงในชีวิต กรีดชำแหละชะตากรรม เพื่อจะพบความจริง เพื่อที่จะตื่น คนซึ่งไม่พูดกับเราว่า...ชีวิตเครียดพออยู่แล้ว เขียนอะไรเบาๆ เถอะน่า และไม่ใช่จำพวกที่พยายามกดทับความขัดแย้งด้วยคาถา “สามัคคี- สมานฉันท์” อย่างไม่เข้าใจว่า ปัญหาหรือความขัดแย้ง คือธรรมชาติของปรากฏการณ์ทุกอย่างในโลกที่ใกล้จะคลี่คลาย และกำลังแสวงหาทางออก...

เราอยากได้ยาดี ๆ กินแล้วหาย เหล้าแรง ๆ กินแล้วรู้ฤทธิ์ ไม่ใช่รักษาเรื่อยเปื่อยไปชั่วนาตาปี ดื่มอะไรเล่น ๆ มึน ๆ นั่นคงเป็นวาระอื่น สำราญผ่อนคลายมิใช่ต่อการงาน หรือสิ่งจริงจังแห่งชีวิต


แวนโก๊ะห์สอนฉันเรื่องนี้ เขามีธรรมชาติที่ทุ่มเทจริงจัง เป็นผู้ใช้แรงงานที่กรำงานหนักและใช้พลังชีวิตอย่างไม่กลัวเปล่าเปลือง ภายหลังค้นพบทางของตน เขาเฝ้าฝึกฝนฝึกปรือ วาดภาพวันยันค่ำ ส่วนกลางคืนก็อ่านหนังสือมากมาย เขาหัดวาดเส้น วาดสีน้ำและสีน้ำมัน ลงไปคลุก ไปขลุกในชีวิต เลิกคิดจากหอคอยงาช้าง แต่ลงไปเกลือกอยู่กับชาวบ้านและคนงานในท้องทุ่ง เทียบกันแล้ว วัน ๆ หนึ่งเขาเขียนรูปเท่ากับเราเขียนเรื่องอาจถึงวันละสองหรือสามเรื่อง เขาวาดเส้นเป็นร้อย ๆ ภาพ กว่าจะตกผลึกลงตัวเป็นภาพสีน้ำมันภาพเดียว หากสีราคาไม่แพง เขาก็คงวาดสีน้ำมันรูปเดียวนับสิบ ๆ รูป เพื่อศึกษาค้นคว้า ให้งานออกมาดีที่สุด ตรงกับใจที่อยากแสดงที่สุด


15_8_01


เรายังไม่ได้ทำงานหนักเท่านี้เลย หายใจหายคอเป็นการเขียน หมั่นฝึกฝน สังเกตธรรมชาติ ชีวิตผู้คน ฉาก ท้องเรื่อง ประมวลความรู้ความเข้าใจทั้งภายนอกภายใน ทดลองมุมมองแบบต่าง ๆ รวมทั้งสร้างตัวละคร โครงเรื่องที่สอดรับ สมเหตุสมผล การดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ รวมทั้งสร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ทั้งความคิดและเนื้อหาอย่างเป็นต้นแบบ โดยมุ่งหมายเดียวกับวรรณกรรมดี ๆ ของโลก ที่เมื่อจดจิตจดใจอ่านเราอิ่มเอิบไม่อาจอธิบาย ทั้งอยากหัวเราะร้องไห้ หัวใจถูกบีบรัดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งถึงชีวิต


ขอเพียงวันนี้ เราเป็นคนงานที่แท้ ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการงานของตน เราก็คงมีสิทธิคาดหวังถึงชิ้นงานอันสมบูรณ์แบบ รวมทั้งการสดับตรับฟังจากโลก....

     

** บทนี้ ฉันเขียนบนจิตใจที่ตระหนักและเคารพในวิถีและทางเลือกที่แตกต่างของคนทุกผู้ และด้วยคำนึงถึงเหตุผล แง่มุม ปัจจัยในแต่ละชีวิต ... ฉันเพียงมุ่งกล่าวกับเพื่อน ผู้เลือกเดินตามความฝัน และหมายมั่นที่จะเข้าถึงความสำเร็จในงานเท่านั้น


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เธอ*ควานหาเสียงซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ ไม่ได้มีอยู่ในตัวเธอ เรียกหามันด้วยกระบวนการ วิถี แนวทางแห่งศาสตร์การแสดง จวบจนกระทั่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับกลาย ไม่ใช่เธออีก เธอควานหาพายุพยาบาท ไฟแค้น โศกนาฏกรรมบีบคั้นหัวใจชนิดที่ทำให้คลั่ง ซึ่งเธออาจไม่ประสบเท่านั้นในชีวิต โยกย้ายมันจากอากาศ ผ่านความเจ็บช้ำของผู้คน ระเบิดมันออกภายในร่าง จนกระทั่งปรากฏผ่านแววตา สีหน้า ท่วงทีกิริยาทุก ๆ ทาง
รวิวาร
ก็เพราะในชีวิตมีความเศร้า หรือชีวิตมีอีกชื่อเรียกว่า ทุกข์เศร้า คนจึงรานร้าว ดิ้นรนแสวงหา และเสียดทานภายในไม่หยุดหย่อน... จนกว่าจะปลดเปลื้องถึงอิสรภาพได้นั่นละกระมัง คุณน้อยคิดว่าอย่างนั้นไหม? ... สวัสดีปลายพฤษภาค่ะ
รวิวาร
 หัวใจของฉันไม่อาจแยกขาดจากร่าง ร่างกายที่กระทำการโดยปราศจากดวงใจขับเคลื่อนไปชั่วครู่ชั่วยาม ระหว่างดำเนินกิจกรรมนั้นไม่รู้สึกตัว ถูกครอบงำเต็มเปี่ยม มุ่งหน้าสู่ทิศทางที่ปรารถนา หยุดนิ่งทันทีเมื่อถึงที่หมาย "ฉัน" มีอยู่ในมิติกว้างใหญ่ ใช่เพียงแค่กาย-องคาพยพอิ่มหิวหลับนอน อยากคลายหายอยาก ไม่รู้หรอกว่าวิญญาณคืออะไร แต่รับรู้ได้ถึงความรู้-รู้สึกลึกล้ำ ส่วนหัวใจนั้นมีอยู่แน่แท้ หัวใจที่ทำให้ความรู้สึกดื่มด่ำ วาดรูป แต่งเพลง เขียนบทกวี มองเห็นความงามของสรรพสิ่ง งามที่ปวดร้าวในโลกแห่งความเป็นจริง งามบริสุทธิ์หล่อเลี้ยงในธรรมชาติ งามประณีตวิจิตรจากศิลปะ งามปัญญาแห่งธรรม
รวิวาร
น้ำ เราต้องการน้ำกันมากเหลือเกิน ทั้งน้ำดื่ม น้ำอาบ น้ำใช้ น้ำเย็น ๆ ใสสะอาด หอมหวานชื่นใจ น้ำใต้ดินเจือกลิ่นแร่ กรวดทราย หวานหอมแตกต่างกันไปแต่ละที่บนโลก ไม่จืดสนิท หรือแปร่งปร่าเช่นน้ำดื่มจากขวดหรือน้ำประปา ...
รวิวาร
ปีเก่ากำลังตายจาก ปีกาลใหม่คล้อยเคลื่อนมา นำหน้าด้วยขบวนทวยเทพ เทพีสงกรานต์ผู้สาดน้ำชะโลก ล้างแล้งด้วยพายุฤดูร้อน มนุษย์รับช่วงขัดถูบ้านเรือน ซักผ้า ชำระคราบไคลในวันสังขารล่อง...
รวิวาร
ตั้งหลักสมัครสมานกับผืนดิน (2552)มกราฯ : วุ่นรับแขกหลายคณะ ไม่เกิดฉันทะพอที่จะจับจอบกุมภาฯ : อา...โกยหญ้า ขุดดินขึ้นมากอบกำ ในที่สุดก็ผูกสัมพันธ์กันอีกครั้ง เราและผืนดินสำรวจสวนไม้ผล -มะม่วง หลังจากรดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยขี้วัวและคลุมโคนต้นด้วยเศษหญ้า ไชโย! มะม่วงมหาชนกอายุ 3 ปีที่โรงรถติดลูกจิ๋วหลิวน่ารัก ต้นข้างห้องนอนเชนแตกยอดอ่อน สุขภาพดีขึ้น-ต้นหม่อน (มัลเบอรี) ออกลูกเยอะกว่าปีที่แล้ว ลูกโตขึ้นด้วยถึงแม้จะไม่เท่าต้นแม่ที่ตัดกิ่งมาปักชำ เราใส่ปุ๋ยพรวนดินเหมือนกับต้นอื่น ๆ ระหว่างรดน้ำก็คุย ขอบคุณ และชื่นชมเขาไปด้วย ปิดเทอมนี้ น้องธารคงได้เอื้อมเด็ดใส่ตะกร้าใบน้อย-มะยม,กะท้อน เพิ่งปลูก…
รวิวาร
สรุปผลแผ่นดินโดยสังเขป (2551) ผลผลิตที่โดดเด่นที่สุด : ลำไยจำนวน : ประมาณ 15 ต้น (เคยนับแต่จำไม่ได้แน่ชัด)
รวิวาร
 ฉันรอเหมือนต้นไม้ต้นนั้น เหมือนสิงห์ดักซุ่ม เหมือนกระต่ายน้อยรีรอระแวดระวังต่อหน้าแปลงผัก เหมือนเหยี่ยวบินวนกราดดวงตาแหลมคมจากฟ้าสูง ความปรารถนามีอยู่ทุกวินาที บางครั้งราวกับความคลั่งไคล้ใหลหลงในอันที่จะเนรมิตสิ่งต่าง ๆ มองต้นไม้ที่ปลูก ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่า ระหว่างการเขียนระบายสิ่งอัดอกกับหยิบจอบพรวนดิน อันไหนสั่นไหวแรงกล้ากว่ากัน แต่กับหนังสือนั้น ยกประโยชน์ให้จำเลย ด้วยถือว่ามันเป็นรองการเคลื่อนไหว หายใจ เช้า อ่านหนังสือจบหนึ่งเล่ม ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ฉันอ่านไปครึ่งเล่ม แล้วจะเป็นไร หากจะอ่านอีกครึ่งที่เหลือ ระหว่างรอสายยางให้น้ำ
รวิวาร
น้ำตาล ไม่ใช่น้ำตาลที่เข้าคู่กับกะทิแล้วรวมตัวกับฟักทองหรือกล้วยน้ำว้ากลายเป็นแกงบวดหอมมัน แต่มันคือหมาน้อยตัวหนึ่งซึ่งสามารถเสกฝนได้ หากฝนที่โปรยปรายเป็นสายจากตัวนั้นเป็นห่าหมัด ไม่ใช่สายน้ำเย็นฉ่ำ มันเป็นสุนัขจร ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ปรากฏตัวขึ้นบนถนนสายเล็ก ๆ ทอดสู่หุบเขาผาแดง ลูกหมาสีน้ำตาลพองฟูเดินต้วมเตี้ยมอยู่ตรงขอบถนนจวนเจียนจะถูกเฉี่ยวชน ผู้ซึ่งจะกลายเป็นนายของมันกระโดดผลุงลงจากกระบะหลังซึ่งสมัครพรรคพวกนั่งกันอยู่หลายชีวิต โอบอุ้มมันขึ้น จากนั้นไม่กี่นาทีฝูงมนุษย์ก็พากันกระถดหนีไปกองอยู่มุมเดียว ด้วยเกรงกลัวฝนสีดำแสนคันจากลูกสุนัขน้อย
รวิวาร
เช้านั้นไม่เหมือนเช้าอื่น ๆ แต่เป็นวันที่กะทิ ลูกหมาน้อยต้องจดจำไปชั่วชีวิต นายหญิงของมัน ผู้ซึ่งตะก่อนร่อนชะไรเคยตื่นแต่เช้าตรู่ เดี๋ยวนี้เมื่อไม่มีภาระดูแลลูกหญิงน้อยเริ่มตื่นสายขึ้น กะทิเองก็เช่นกัน ก็อากาศหนาวออกอย่างนั้น กว่าตะวันจะโผล่พ้นม่านหมอกก็สายโด่ง นอนซบพี่หมี ตุ๊กตาสีน้ำตาลขนฟูเพื่อนเก่าที่เด็ก ๆ ยกให้ อุ่นสบายกว่าถึงจะสาย แต่อากาศยามเช้ายังยะเยือก เย็นสบาย แทนที่นายหญิงจะถือสายยางไปรดน้ำต้นไม้ เธอกลับฉวยย่ามม้งใบน้อย ทำท่าจะออกไปข้างนอก กะทิลุกขึ้น ส่งเสียงเห่าบอกน้ำตาลทันที ‘ปะ เราไปวิ่งไล่ตามมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า ดูซิว่า วันนี้เธอจะไปทางไหน เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา…
รวิวาร
หากใครคิดว่าที่นี่มีเพียงนกน้อยเสียงใส สัตว์โลกน่ารักและวิวงาม ๆ นั้น เขาเข้าใจผิดแล้ว จริงอยู่ นกน้อยสารพันขานรับอรุณ ปลุกเราแต่เช้า ดุเหว่าร้องเสียงใสเวลาใกล้รุ่ง บ่าย นกทุ่งส่งสำเนียงเจื้อยแจ้ว ไพเราะจนไม่ต้องง้อดนตรีของมนุษย์ เย็น เมื่อแดดแสดงลีลาเหนือขุนเขา อีกาพร่ำร้อง กาๆ กระปูดร้องปูด ๆ เตือนพลบ บางวันเหยี่ยวร้องบนฟ้าสูงไกล วู๊ ๆ เสียงใสเหมือนเด็กน้อย ขณะนกกินปลาตัวใหญ่สีขาวบินโฉบต่ำ ๆ ลิ่วลงหาปลาในสระ
รวิวาร
ทั้งเสียงไวโอลิน หนังสือและหลายสิ่งที่ชีวิตเก็บเกี่ยวตกค้างอยู่ภายในทำให้รู้สึกปวดร้าว ปวดแบบแปลบ ๆ หนึบ ๆ และร้าวรอนราวกับหัวใจบอบบางเหลือแสน ความเศร้าอันอ่อนหวาน ไม่อาจหักห้ามบังคับ ทุกคราวที่ไวโอลินโหยไห้หวนหาของซีเคร็ตการ์เดนแว่วดังขึ้น ขณะเปิด บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน1 หน้าสุดท้าย หนังสือที่เขียนโดยคนสีไวโอลิน คลอด้วยเสียงไวโอลิน หัวใจร่วงร้าวโดยไม่ตั้งใจ ขยับตัวไม่ได้ เบื้อใบ้ ปากปิดสนิท