Skip to main content

เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น


น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยรักหมดใจ ราวกับว่านี่คือชิ้นงานสุดท้ายในชีวิต จินตนาการและวาดหวังถึงมันอย่างสวยงามที่สุด สมบูรณ์ หมดจด ครบถ้วน

เชื่อสิ โลกจะรักมัน ทุกคนจะขานรับ มันคือสิ่งที่ดีที่สุด คือของขวัญจากหัวใจ จากตัวตน จากชีวิตเรา เพราะเราให้ทั้งหมดแล้ว นี่คือของขวัญล้ำค่าที่เราดึงออกมาจากชีวิต ไม่จำเป็นต้องรีบปลงเพื่อป้องกันความผิดหวังของตนจากประสบการณ์เก่า สิ่งที่ผ่านไปนั้นล่วงแล้ว ไม่จำเป็นต้องปักใจว่ามันจะดำเนินตามรอยทางเดิม หากทำเต็มที่แล้วไม่เกิดผลเลิศ เราค่อยปลง และหาทางทำความเข้าใจน่าจะดีกว่า ไม่มีนักวิ่งคนไหนที่เฝ้าคิดว่าตนไม่มีทางชนะ แล้วจะได้รับเหรียญทองเป็นรางวัลหรอก


เมื่อเขียนสักแต่ว่าเขียน เพื่อจะมีชื่อตีพิมพ์ปรากฏ หรือหวังเพียงสิ่งตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ เราก็จะได้รับตามนั้น เพราะว่าหว่านเมล็ดพันธุ์ใด ย่อมได้เก็บเกี่ยวพืชผลนั้นเอง หากเขียนลองๆ เล่นๆ เราก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการเขียนอย่างเข้มข้น จริงแท้


ในกระบวนการทำงานนั้นมีความหมายมาก เมื่อเราทุ่มเททำงานหนัก ขบคิด ใคร่ครวญ มุ่งหวัง อุทิศแรงกายแรงใจ สิ่งที่ลึกซึ้ง กลวิธีทางศิลปะ ความชำนิชำนาญ รวมทั้งความคิดที่น่าอัศจรรย์จะเผยแสดงต่อเรา แต่หากเราเขียนพอผ่าน อาจจะได้ตีพิมพ์ พอมีสาระอยู่บ้าง แต่เมื่อไม่ได้ทุ่มหัวใจลงไป ไม่รู้สึกมั่นใจอะไรนัก เราก็จะได้รับตามนั้นผลผลิตของเราจะบางเบา ไม่มีมวลให้จับต้อง เราไม่รู้สึกอิ่มเอิบหรือภาคภูมิใจนัก แล้วเมื่อไหร่หนอ การงาน- ตัวตน-ความฝันของเราจึงจะสถาปนาเป็นรูปเป็นร่าง


การงานที่แท้ทุกแขนงหยั่งวัดใจคนทำงานเสมอ หากเราต้องการบรรลุหรือเข้าถึง กลัวเหนื่อย กลัวอด กลัวไม่ได้รับการยอมรับ อาจทำให้เราล่าถอย หรือยื่นมือไปแตะ ๆ ระหว่างพักสอดส่ายสายตาหาความสะดวกดายจากแหล่งอื่น

ก้อนหินของนักเล่นแร่แปรธาตุไม่เคยหายไปจากโลก มันยังมีอยู่ ให้เราเดินทางค้นหาเข้าไปในชีวิต ในตัวเรา ผ่านการงาน อันเปรียบเสมือนนิทรรศการ บอกกล่าวตัวตน ความรู้ ความคิด ความเชื่อ ความสามารถ ประสบการณ์ และอุปนิสัยใจคอของเรา ดุจผลรวมของตัวตนคนหนึ่งที่มามีชีวิตอยู่บนโลก คือการแสดงตัวอย่างชัดเจนถึงการทำหน้าที่ และเกิดมาเป็นมนุษย์ การงานใดที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้นน่าจะพอเรียกได้ว่า การงานแห่งชีวิต ซึ่งจะแตกงวงงาออกแตะยื่นกับโลก ผ่านความสัมพันธ์ ผ่านสภาพสังคม ในยุคสมัยที่เรามีชีวิต


ฉันเองก็ยังไม่ได้ทำงานหนักเต็มที่อย่างดีที่สุดหรอก เพียงความเชื่อปักหลักลง และการงานแต่ละก้าวค่อย ๆ ตอกย้ำความมั่นใจไปทีละน้อย เราเพียงอยากแลกเปลี่ยนกับใครก็ตามที่แสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด คนที่ปรารถนาจะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ทุ่มเททำงานอย่างดีที่สุด ใครที่ปลอบประโลมใจตัวเองมาพอแล้ว และไม่ต้องการความรื่นรมย์เล็กน้อยเพื่อคั่นเวลาอีก แต่แสวงหาสัจจะสำหรับผ่าลงในชีวิต กรีดชำแหละชะตากรรม เพื่อจะพบความจริง เพื่อที่จะตื่น คนซึ่งไม่พูดกับเราว่า...ชีวิตเครียดพออยู่แล้ว เขียนอะไรเบาๆ เถอะน่า และไม่ใช่จำพวกที่พยายามกดทับความขัดแย้งด้วยคาถา “สามัคคี- สมานฉันท์” อย่างไม่เข้าใจว่า ปัญหาหรือความขัดแย้ง คือธรรมชาติของปรากฏการณ์ทุกอย่างในโลกที่ใกล้จะคลี่คลาย และกำลังแสวงหาทางออก...

เราอยากได้ยาดี ๆ กินแล้วหาย เหล้าแรง ๆ กินแล้วรู้ฤทธิ์ ไม่ใช่รักษาเรื่อยเปื่อยไปชั่วนาตาปี ดื่มอะไรเล่น ๆ มึน ๆ นั่นคงเป็นวาระอื่น สำราญผ่อนคลายมิใช่ต่อการงาน หรือสิ่งจริงจังแห่งชีวิต


แวนโก๊ะห์สอนฉันเรื่องนี้ เขามีธรรมชาติที่ทุ่มเทจริงจัง เป็นผู้ใช้แรงงานที่กรำงานหนักและใช้พลังชีวิตอย่างไม่กลัวเปล่าเปลือง ภายหลังค้นพบทางของตน เขาเฝ้าฝึกฝนฝึกปรือ วาดภาพวันยันค่ำ ส่วนกลางคืนก็อ่านหนังสือมากมาย เขาหัดวาดเส้น วาดสีน้ำและสีน้ำมัน ลงไปคลุก ไปขลุกในชีวิต เลิกคิดจากหอคอยงาช้าง แต่ลงไปเกลือกอยู่กับชาวบ้านและคนงานในท้องทุ่ง เทียบกันแล้ว วัน ๆ หนึ่งเขาเขียนรูปเท่ากับเราเขียนเรื่องอาจถึงวันละสองหรือสามเรื่อง เขาวาดเส้นเป็นร้อย ๆ ภาพ กว่าจะตกผลึกลงตัวเป็นภาพสีน้ำมันภาพเดียว หากสีราคาไม่แพง เขาก็คงวาดสีน้ำมันรูปเดียวนับสิบ ๆ รูป เพื่อศึกษาค้นคว้า ให้งานออกมาดีที่สุด ตรงกับใจที่อยากแสดงที่สุด


15_8_01


เรายังไม่ได้ทำงานหนักเท่านี้เลย หายใจหายคอเป็นการเขียน หมั่นฝึกฝน สังเกตธรรมชาติ ชีวิตผู้คน ฉาก ท้องเรื่อง ประมวลความรู้ความเข้าใจทั้งภายนอกภายใน ทดลองมุมมองแบบต่าง ๆ รวมทั้งสร้างตัวละคร โครงเรื่องที่สอดรับ สมเหตุสมผล การดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ รวมทั้งสร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ทั้งความคิดและเนื้อหาอย่างเป็นต้นแบบ โดยมุ่งหมายเดียวกับวรรณกรรมดี ๆ ของโลก ที่เมื่อจดจิตจดใจอ่านเราอิ่มเอิบไม่อาจอธิบาย ทั้งอยากหัวเราะร้องไห้ หัวใจถูกบีบรัดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งถึงชีวิต


ขอเพียงวันนี้ เราเป็นคนงานที่แท้ ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการงานของตน เราก็คงมีสิทธิคาดหวังถึงชิ้นงานอันสมบูรณ์แบบ รวมทั้งการสดับตรับฟังจากโลก....

     

** บทนี้ ฉันเขียนบนจิตใจที่ตระหนักและเคารพในวิถีและทางเลือกที่แตกต่างของคนทุกผู้ และด้วยคำนึงถึงเหตุผล แง่มุม ปัจจัยในแต่ละชีวิต ... ฉันเพียงมุ่งกล่าวกับเพื่อน ผู้เลือกเดินตามความฝัน และหมายมั่นที่จะเข้าถึงความสำเร็จในงานเท่านั้น


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…