Skip to main content

'กาดนัด'


วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า
...กาดนัดเชียงดาว

ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง จิ้มแตงกวา ถั่วพู แล้วไปหาขมิ้นขาวอ่อน ๆ แถวหน้าถ้ำ (เชียงดาว) มาแนม


เราหิ้วถุงผ้าคนละใบ จูงมือเดินสู่เต็นท์ผ้าใบเรียงราย มีเสียงทักทายจากร้านเจ้าประจำ วันนี้ซื้ออะไรดีจ๊ะ ผู้ชายไว้หนวดผมยาวกับผู้หญิงตัวเล็กผมสั้น เราอยู่เมืองนี้มานานจนผู้คนคุ้นเคย ตลาดนัด ลานโล่งๆ ไม่ห่างจากปากทางไปถ้ำเชียงดาว ซึ่งรถทัวร์คันใหญ่ๆ ชอบบึ่งมาอย่างรวดเร็วไม่เกรงใจนั้นมีร้านค้าชั่วคราวตั้งอยู่เต็มที่ว่าง มีทั้งแผง และแค่ตะกร้าผ้าปูเรียงรายสองฟากถนน


ร้านประจำร้านแรกของฉันคือ ร้าน ‘ทุกอย่าง 10 บาท’ ที่นี่ ฉันพบของสวยเก๋สำหรับฝากเพื่อนอยู่เนืองๆ มีทั้งที่เขี่ยบุหรี่แก้วสีย้อนยุค หวีไม้พร้อมกระจกกรอบไม้ แม็คเน็ตตัวหนีบไม้รูปสัตว์สีสวย หรือกล่องใส่เศษเหรียญหุ้มผ้าไหมลายดอก จากร้านสิบบาท ผ่านไปยังร้านยีนส์มือสองซึ่งบางตัวสวยเกินราคา 99 เลยร้านเสื้อโหล อ้อมไปทางซ้ายจะถึงร้าน ‘ทุกอย่าง 19‘ ซึ่งมีของเล่นหลายอย่างสำหรับผู้ชาย พวกเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้า สวน หรือก๊อกน้ำนั่นแหละ วันนี้ฉันได้ที่รองจานไม้ไผ่ถักเชือก กับแผ่นไม้รูปแอ็ปเปิ้ลกันร้อนฝากเพื่อนชายโสด เราสองคนเดินเอ้อระเหยจนแดดร้อน ฉันรีบจ้ำอ้าวผ่านกองผ้าถุงหลากสีสันที่แสนดึงดูดออกไปทางด้านถนน


ถึงส่วนอาหารใกล้บาทวิถี ฝั่งซ้ายมีกะปิ ปลาร้า ปลาแห้ง ขนมขบเคี้ยว เยลลี่ สาหร่ายแผ่น
(แน่นอนจากเมืองจีน) มีร้านลูกชิ้นปิ้ง หนวดปลาหมึกชุบแป้งทอด ขายพร้อมกับชาดำเย็น ชามะนาว ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อน หรืออะไรเย็น ๆ ก็ชื่นใจดี แต่ขนมถังแตกเจ้าถัดไปคงไม่เข้าท่า ก็เพิ่งหวุดหวิดสภาพนั้นมา!



จับมือกันแน่นๆ นะ รถราขวักไขว่กว่าวันธรรมดา ค่อยๆ ข้ามถนนไป ถึงตลาดผักผลไม้ของพี่น้องลีซูจากโครงการหลวงบ้านห้วยลึก เดี๋ยวก่อน เราหันมองหน้า ต้องซื้อไข่ไก่สดจากร้านท้ายรถกระบะก่อนนี่นา ระวัง อย่าเพิ่งใส่ลงในถุงเพราะต้องบรรจุของสดอีกพะเรอเกวียน ทั้งยอดมะเขือเครือ
(ฟักแม้ว) หัวไชเท้า ฟักทอง มะนาว ถั่วแขก มะเขือเทศ แครอต ซูกินี่หรือแตงกวาฝรั่ง มะเขืออ้วนกับกระหล่ำปลีสีม่วง ผักสลัด ผักแปลก ๆ เช่นหัวซู กับดอกของผักบางชนิดที่คล้ายดอกหอม (แต่รสชาติฉุน รุนแรงกว่า) ทุกอย่าง 10 บาทจ้า


ถุงผ้าใบย่อมมาหนักอึ้งเอาแถวแผงผลไม้นี้เอง ฤดูนี้มีอะโวคาโดเป็นราชินี ส้มลูกน้อยใหญ่เหลืออยู่ประปราย ส่วนแอ็ปเปิ้ลกับสาลี่กำลังทะยอยมาตามสายลมหนาว ยังไม่สุกหวานดีนัก แต่ว่าหน้าร้อนสิมีพลัม พีช หรือลูกไหน ลูกท้อ สีม่วงแดงสดสะดุดตา ถนนฝั่งนี้สวยสดชื่นที่สุด เพราะสีสันของผัก ผลไม้และดอกไม้ เดือนนี้มีโอลด์โรสกับยิปโซ สวยหวานขับชุดชนเผ่า ทั้งของคนขายคนซื้อ พี่น้องลีซู พี่น้องปะหล่องสวมห่วงเงินกลม ๆ แปลกตารอบเอว




อ้าว! จะกลับแล้วหรือจ๊ะ เดี๋ยวสิ ขอเดินอีกสักหน่อย ใกล้จะสุดสิ้นพิธีกรรมอยู่แล้ว แวะไปหาแม่ค้าสาวเจ้าของร้านชำชั่วคราวจากพม่าก่อน ต้องซื้อกุบไต (หมวกไทยใหญ่) ที่ทำจากกาบไผ่ รูปทรงเก๋ไก๋นั้นทำให้เพื่อนหนุ่มบ้านบนเขาหมายมั่นว่าจะนำไปทำโคมไฟ


สองเราหิ้วของพะรุงพะรังฝ่าผู้คน เดินย้อน ผ่ากลางตลาด ผ่านร้านขายวีซีดี เสื้อผ้าฝ้ายและของเล่นกลับมายังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ ไม้นี้สูงใหญ่เย็นครึ้ม ขึ้นงำลำห้วยสายใส บนต้นมีเถาไม้ประหลาด คล้ายต้นแก้วมังกรปีนป่าย ฉันชอบแหงนมองท้องฟ้าผ่านกิ่งก้านของมัน ใกล้ๆ กันมีเด็กน้อยกระมอมกระแมม แบกเป้กระดำกระด่างกับปู่ผู้ชรา ปู่นั้นกำลังพยายามถอยรถเครื่องบุโรทั่งด้วยเรี่ยวแรงขยักขย่อน เจ้าหลานตัวกระเปี๊ยกยืนรอ ผมเธอเหมือนเพิ่งถูกกร้อนตัด สีน้ำตาลอ่อนงอกยาวกระหร็อมกระแหร็ม กลางกระหม่อมมีผงยาสีเหลืองแปะอยู่หย่อมหนึ่ง สมัยนี้ยังมีแบบนี้อยู่หรือ


ตอนเด็กฉันมักสงสัยเสมอว่ ‘แมงเคียนกินหัว’ นี่มันอะไร ตัวอะไรคือแมงเคียน คุณตาเรียกหลาน ฉันสะดุ้ง เด็กน้อยเดินอ้อมไปด้านขวาของคนขับ ฉันแอบหวั่นใจว่าขาเล็กๆ จะปีนขึ้นได้อย่างไร อยากอุ้มส่งให้เหลือเกิน อยากขอกอดสักครั้งจะได้ไหม เด็กหญิงเหยียบที่วางเท้า ยกขานั่งคร่อมสบาย ก่อนตาจะออกรถ รองเท้าแตะคู่เล็กของเธอกระเด็นหล่นลงมา ฉันรีบก้มเก็บอย่างคนที่รอท่าอยู่แล้ว ค่อย ๆ สวมสอดใส่เท้าน้อยอย่างยินดี


ผู้ชายใจดีขี่มอเตอร์ไซค์ไม่รีบร้อน ฉันฮัมเพลงเมื่อถึงทางสายดงกระถิน ไม่มีบ้านคนแล้ว มีแต่หนองน้ำและต้นกระถินขึ้นเป็นดง โน้มเข้ามาหากันเหมือนซุ้มทางเดิน นี่เป็นทางลัดของชาวนาชาวไร่ กระถินยอดงาม เขียวชื่นใจ เก็บไปจิ้มน้ำพริกอ่องก็ยิ่งอร่อย
...


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
“ตื่นมาทุกเช้า อย่าลืมทำดีให้ตัวเอง”  ประโยคนี้นึกขึ้นเมื่อสาย  ยังดีเป็นสายที่มีแดดส่อง  ไม่ใช่สายเกินไป  สายเกินการณ์......“เขียนหนังสือ”  เขียนทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย  ไม่ยากเนื่องจากเรารู้ และคิดหัวข้อเรื่องไว้มากมาย  แต่ที่ไม่ง่ายคือ  แรงบันดาลใจสดใหม่ขณะเขียนสำหรับฉันแล้ว “แรงบันดาลใจ”  คือความรู้สึกล้นปรี่ที่ขับความปรารถนา  ความสุข และความกระหายภายในพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษร  ความรู้สึกเช่นนั้นเป็นความรู้สึกของความสุขหรรษา และการสร้างสรรค์อันเบิกบาน  วันใดที่เริ่มต้นยามเช้าด้วยความขุ่นข้องหมองจิต …
รวิวาร
มีตาน้ำในตัวฉันไหม ผุดพุ่งเป็นตัวอักษร  สายน้ำน้อยๆที่ใสสะอาด ดื่มกินได้  ชะล้างร่างกายและจิตวิญญาณ  ลำธารที่ไม่มีวันหมดสิ้น  ซับน้ำริน ๆ ที่มองไม่เห็น  ซึ่งผุดขึ้นมาจากมหาสมุทรชีวิตใต้พื้นพิภพ ............
รวิวาร
เธอบอกให้ฉันเขียนถึงความรื่นรมย์  ฉันกล่าวตอบเธอในใจ“ความรื่นรมย์ที่ขมขื่นจะเอาไหม?”   ความจริง ฉันมีความรื่นรมย์ที่เผาไหม้ สนุกสนานสำราญใจที่ถูกแผดเผา  .........................................................................
รวิวาร
...ไม่กี่วันมานี้พบว่า การอาศัยอยู่ที่นี่เหมาะแก่การอ่าน วอลเดน* อย่างยิ่ง มีสิ่งร่วมในความคิดและประสบการณ์หลายอย่างบรรจุอยู่ในหนังสือเล่มที่เคยอ่านมาเนิ่นนาน ข้ามผ่านกาลเวลานับร้อย ๆ ปี ไม่น่าเชื่อเลยว่า บันทึกการใช้ชีวิตอย่างสมถะริมบึงชายป่าของธอโรจะหวนกลับมาสัมผัสใจ ทั้งที่ต่างยุคห่างสมัย......................................................... ฟ้าเย็นวานกว้างใหญ่ไพศาล แถบแสงจากดวงตะวันหลังเขาระบายเมฆเป็นขีดสีชมพูยาว ลูกสาวคนโตเมียงมองจากอ่างล้างจาน ร้องเรียกแม่ให้รีบมาดูก่อนเลือนหาย โลกเบื้องบนเปลี่ยนสีไปทีละน้อย ความมืดเติมส่วนผสมลงไป แปรเปลี่ยนสีสันของฟากฟ้า ค่อย ๆ เจือจาง…
รวิวาร
เรามาอยู่ที่นี่ใช่โดยน้ำพักน้ำแรงเราลำพัง  กว่าจะปลูกสร้างกระต๊อบได้ทั้งหลัง  อาศัยน้ำจิตน้ำใจและการหยิบยื่นไมตรีจากหลายชีวิตขอขอบคุณคุณแม่ของเราทั้งสองที่เลี้ยงดูเรามา ให้ได้รับการศึกษาอย่างดี  จากสถาบันที่มีเนื้อหา มีทรัพยากรและประวัติศาสตร์ซึ่งเอื้อโอกาสให้เราได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้  ขอบคุณที่แม่ไม่เคยปล่อยให้เราอดอยาก   แม้จะมีช่วงเวลายากลำบาก  แต่ก็ได้เรียนรู้  ฝ่าฟัน  เข้าอกเข้าใจ (ลูกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุดที่แม่เพียรพยายามแม้จะยากลำบากเพื่อที่จะเข้าใจวิถีของลูก  และปล่อยให้ลูกได้เลือกเส้นทางชีวิตของตนอย่างอิสระ)
รวิวาร
 บางครั้งหมอกก็ไหลมาตั้งแต่ดื่นดึก ห้อมล้อมบ้านของเราไว้เหมือนกองทัพสีขาวหนาวเย็น แล้วเมื่อแสงแรกจากเรือนจุดสว่างขึ้นยามสาง ลำแสงสีส้มก็ผ่าละอองหมอกออกเป็นทาง ธรรมชาติของหมอกนั้นอย่างไร บางคราว เราตื่นขึ้น แลเห็นรอบตัวได้ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่าง เห็นชายฟ้าด้านตะวันออกหลังแนวไผ่คู่หน้าประตูเป็นสีชมพูอ่อนๆ แต่แล้วไม่นาน สายธารแห่งหมอกกลับไหลรินสู่หุบเขา ทั้งจากด้านดงดอย ยอดเขาสูง แม่น้ำ ที่ลุ่ม และถนนจากเมือง ดาหน้ามาจากทุกทิศทาง ปิดกั้นบ้านน้อยของเราไว้ บางทีความคิดของเราก็ทำทีอย่างหมอก มียามที่มองอะไรไม่เห็น นอกจากฝ้าละอองเปียกชื้นเยียบหนาว ยามเดินออกจากตัวบ้าน…
รวิวาร
 ที่มาภาพ : http://www.geocities.com/thaishow2004/image/khonhead01.jpg หากเราจะรู้จักกัน  ฉันขอรู้จักเธอในฐานะมนุษย์ได้ไหม?  ไม่ใช่อะไรที่แวดล้อมเธอ  ภาพลักษณ์ บทบาท  ตำแหน่ง สถานะ  ไม่ว่าเธอจะเป็นดารา นักร้อง นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม ครู ผู้มีอำนาจ  ผู้ทรงความรู้  ที่ฉันอยากรู้จักจริง  ๆ คือมนุษย์คนหนึ่ง  ก็เมื่อเราปอกเปลือกหุ้มออกจนหมดสิ้นแล้ว เธอ ฉัน เราทุกคนจะเหลือสิ่งใดเล่า  นอกจากความเป็นมนุษย์ เปล่าเปลือยล่อนจ้อน  เธอย่อมรู้สึกหิวเหมือนที่ฉันหิว ทุกข์สุขโศกเศร้าเหมือนที่ฉันรู้สึก  เธอมีความรักเหมือนเช่นที่ฉันรัก …
รวิวาร
เริ่มแรกที่เขียนทำให้ได้พบว่า ฉันไม่เคยสื่อสารในลักษณะนี้มาก่อน ฉันพูดกับตัวเองมาตลอด เขียนบันทึก ห้วงรำพึง  โดยไม่ได้คำนึงว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ไม่เคยหวั่นว่าเนื้อหาจะลอย ข้ามไปข้ามมา อ่านไม่รู้เรื่อง เรื่องสั้นหรือบทกวีที่เคยเขียนล้วนแต่เป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง  เหมือนเล่าออกไปในน่านฟ้าอากาศ  เป็นรูปแบบที่เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วมีผู้คนมากมายได้อ่าน แต่ก็เสมือนผู้อ่านนามธรรม จนกว่าเราจะรู้จักกันจริง ๆ ฉัน ซึ่งคิดว่าการเขียนเป็นเรื่องง่ายดายเมื่อรู้แน่ว่าจะกล่าวสิ่งใด จึงรู้สึกติดขัด ไม่ลื่นไหล     คิดถึง “ต้นไม้”  แต่ก็ไม่รู้แน่ว่าอย่างไร…
รวิวาร
...หัวใจของฉันพยายามบอกหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน ขณะที่ความคิดเวียนวนสอดแทรก เจ้าความคิดนั้นเหมือนเครื่องกำเนิดอะไรสักอย่าง มันมีหน้าที่ขับส่งบางสิ่งออกมาไม่มีขาดตอน บางสิ่งที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดระเบียบ ไร้จุดจบ เว้นเสียแต่ว่าเราจะพยายามบีบเค้น หรือกำหนดทิศทางแก่มัน เช่น การใคร่ครวญเรื่องบางเรื่อง การคิดพล็อตเรื่อง หรือขบคิดปัญหาที่แก้ไม่ตก  ฉันกำลังรู้สึกว่า หัวใจถวิลหากระดาษสีนวลตา และปากกาหมึกซึมดี ๆ โต๊ะริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อน ๆ ไม่ใช่ห้องหนาวเหน็บ ไฟโคมสีส้ม และแป้นคีย์บอร์ดอย่างนี้ แต่ก็เอาเถอะหัวใจเอ๋ย ค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวเอง จนกว่าฉันจะพบคำเฉลยที่ดีสำหรับเจ้า…