Skip to main content

  

หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง แล้วโผล่มาตรงกลางของห่วงแคบๆ ป้าว่านี่เป็นเครื่องบอกแน่ชัดทีเดียว อัตภาพของมนุษย์นั้นใช่จะได้มาโดยง่าย แล้วหนูรู้อะไรไหม พระพุทธเจ้า มหาบุรุษทุกพระองค์ล้วนตรัสรู้ที่นี่ บนผืนปฐพีของโลกใบนี้ ไม่ใช่แดนสวรรค์ชั้นฟ้า คิดว่าหนูคงรู้จักพระองค์ด้วยจิตแล้วนะจ๊ะ ถ้าหากตาน้ำไม่ลืมเลือนเสียก่อน

\\/--break--\>

ป้าคิดว่าเวลานี้ครอบครัวหนูคงอยู่ที่อีสาน หนูอาจกำลังร้องไห้งอแง หรือดื่มนมแม่หวานชื่นใจ ป้าไม่มีที่อยู่จ้ะ จึงเขียนหาตาน้ำที่นี่ เพื่อแสดงความยินดีกับคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย ญาติทุกคนของหนู และเพราะพวกเราอยากบอกหนูว่า ยินดีต้อนรับมากๆเลยนะจ๊ะตาน้ำ โลกที่แสนงามใบนี้มีอะไรมากมายรอคอยอยู่ มีสายรุ้ง ดวงดอกไม้ ค่ำคืนยังมีดวงดาว ดวงดาวที่แต่เดิมอาจเป็นดวงจิตของเด็กทารกเล็กๆ ที่พากันหัวเราะระยิบระยับอยู่เต็มฟ้า ดาวน้อยที่ชอบก้มลงมา มองหาแม่ที่ตัวรัก ตอนนี้ หนูมาอยู่บนโลก อยู่กับคนที่หนูรักที่สุดแล้ว และกำลังจะได้แหงนมองเพื่อนดาวน้อยผู้ส่องแสงแพรวพรายทั้งหลาย

 

หนูได้ชื่อว่าตาน้ำ ตาน้ำ...ตาน้ำ รู้สึกใสเย็น ลึกล้ำชื่นฉ่ำใจ เงียบสงบ ซุกซ่อนใต้พื้นธรณี น้ำที่ตกลงมาจากฟ้า หยาดซึมตามผืนทราย รวมตัวเป็นแอ่งเล็กๆ เป็นน้ำซับน้อยๆ ไหลรินสู่ทางน้ำ จนกลายเป็นลำธาร หรือว่าอาจเปลี่ยนใจ ซ่อนเร้นรินไหล แอบอยู่ใต้ผิวดิน รอคอยคนขุดบ่อลงไป ใครกันนะตั้งชื่อหนู คงเป็นคุณแม่น่ะเอง แม่ของหนูเป็นกวี เธอต้องเลือกสรรชื่อที่ไพเราะและมีความหมายให้แก่ลูกสาว ส่วนคุณพ่อหนูก็ต้องมีหัวใจละเอียดอ่อนไม่แพ้กัน ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจสัมผัสหัวใจแม่ หรือรับรองชื่อหนู

 

 

ตาน้ำทำให้ป้านึกขึ้นได้ว่า แม่ของหนูเหมือนช่วยป้าตั้งชื่อพี่ธาร ตอนนั้นพี่ธาร เด็กหญิงที่มาเยือนโลกก่อนหนูราวเจ็ดปี ยังไม่ได้รับการขนานนาม แม่หนูบอก อ้าว คิดว่าตั้งชื่อลูกสาวว่า "วงธาร" ตามชื่อบันทึกทำมือ "วงคลื่นบนผืนธาร" ป้าดีใจตาโตเชียว เหมือนได้คนชี้ทาง เออ ใช่ จริงสินะ ชื่อวงธารไง เธออยู่ในท้องของป้าช่วงเวลาเดียวกับที่ทำหนังสือเล่มนั้น เหมาะแล้ว แต่ว่าวงธารไม่ชุ่มฉ่ำเท่าตาน้ำหรอกนะจ๊ะ เป็นเพียงอาการกระเพื่อมบนผิวน้ำ จากกรวดหิน แรงลมหรือรอยเท้าแมลงเท่านั้น แผ่นน้ำที่ถูกรบกวนแตกกระจายออกเป็นวง เพียงครู่ก็สลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ชื่อของพี่ธารนั้น จริงๆแล้วป้าหมายถึง "อนิจจัง" ตามความหมายในศาสนาพุทธ อันที่จริง ชื่อหนูสัมพันธ์กับป้ามากกว่านะ ป้าชื่อฝน ตกลงมาจากฟ้า หยดหยาดมากลายเป็นตาน้ำ

 

ตาน้ำเอย...ไล่เลี่ยกับวันที่หนูเกิด ดอกเทียนดอกแรกของป้าก็บาน ลมมรสุมนำสายฝนและความชุ่มชื้นมายังแถบถิ่นภูเขา เหมือนที่บ้านเกิดแม่หนู หรือบ้านคุณตาคุณยาย บ้านป้าที่เชียงดาวกำลังชื้นฉ่ำสมบูรณ์ด้วยสายฝน ดอกไม้หลายชนิดแข่งกันผลิดอกออกใบสะพรั่ง ป้ากับลุงกระวีกระวาดหาพันธุ์ไม้งามๆมาปลูกเพิ่ม รู้ว่าสายฝนจะช่วยผืนดินดูแลต้นไม้อย่างดีที่สุด ดอกไม้นั้นยังต้องอาศัยสายฝน ฤดูกาลและความอุดมสมบูรณ์จากแร่ธาตุในดิน แต่เด็กน้อยของโลกอาศัยเพียงความรักและอ้อมอกของพ่อและแม่ ทารก ไม่ว่าจะมาสู่ชีวิตในฤดูกาลใด หัวใจของพ่อแม่มีแสงแดด สายฝน และอินทรีย์ธาตุอันอุดมสำหรับบำรุงเลี้ยงเสมอ

 

ขอให้หนูเติบโต มีความสุข แข็งแรง เช่นเดียวกับคุณแม่คนใหม่นะ ขอให้เพื่อนฟื้นตัวเร็ววัน ให้พ่อแม่เลี้ยงลูกเก่งๆไวๆ นับจากนี้ ชีวิตจะดำเนินไปสู่การเปลี่ยนแปลงอันใหม่ ส่วนหนู ตาน้ำ วางใจเถิดนะจ๊ะ โลกนี้คือเบาะนอนอันอ่อนนุ่ม แม้ว่า เมื่อหนูเติบใหญ่เริ่มเข้าใจภาษามนุษย์ ใครบางคนอาจจะบอกว่าที่นี่โหดร้าย ไร้หวัง มนุษย์นั้นเห็นแก่ตัว ทำลายล้างโลกไม่สิ้นสุด นั่นไม่ใช่สิ่งพึงเป็นหรอกจ้ะ และไม่ใช่ธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์หรือดาวโลกด้วย ที่ที่หนูจากมา ที่ที่พวกเราอยู่ก่อนหน้า บนฟากฟ้า ผืนดิน ในตัวคน พืชและสัตว์ มีสิ่งดีงามสิ่งหนึ่งดำรงอยู่และหมุนวนไป คือพระธรรม-ธรรมชาติ เหมือนสิ่งที่เต้นตุบอยู่ในหัวใจของหนู ทำให้พวกเราไม่ลืมว่าหนูคือนางฟ้า ทารกและเด็กไร้เดียงสาคือสิ่งย้ำเตือนถึงเทพเทวาและสรวงสวรรค์ แต่ว่าการถูกโลกค่อยๆห่อหุ้มนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

มีย่างก้าวที่เหนื่อยแต่สนุกสนานรออยู่ กว่าที่ชีวิตใหม่จะลุกนั่ง คืบคลาน หรือยืนขึ้นบนสองขาของตน กว่าเขาจะรู้จักยิ้ม เคี้ยว หัวเราะ ออดอ้อน และเพิ่มพูนจริตเดียงสา ปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนของโลก ระหว่างหนทาง อย่าลืมความชุ่มเย็นของตัวเสียล่ะ ความสงบซึมซ่านบริสุทธิ์ ดวงจิตอันงดงามเต็มเปี่ยม ซึ่งจะไม่มีวันหายไปไหน มันจะธำรงอยู่ในเบื้องลึก เป็นตัวตนอันสงบสว่าง คอยรองรับชีวิตหนูเสมอไป ไม่ว่าหนูจะโตขึ้นกลายเป็นสาวสมัยของโลก เป็นนางตามสกุลใคร หรือว่าแก่เฒ่า ชราภาพอยู่ภายใต้ท้องฟ้าของโลกนี้ อย่าลืมนะจ๊ะ อย่าลืม เมื่อหนูได้ผ่านชีวิตบนดาวดวงนี้ เราจะกลายเป็นเพื่อนกัน เป็นมิตรผู้มีประสบการณ์ร่วมภพภูมิ เกิด แก่ เจ็บและตาย เราจะสามารถแบ่งปันทุกข์และสุข เข้าอกเข้าใจและเห็นใจกัน ด้วยว่ากายสังขารของเราได้ข้ามผ่านกาลเวลาบนผืนแผ่นดินเดียว ฟัง พูด อ่าน เขียนด้วยภาษาเดียว หายใจเอามวลอากาศ รู้สึกร้อนหนาว ฝ่าแดด ลม ฝน ร่วมฤดูกาลด้วยกัน

 

อย่าลืมนะจ๊ะ วันไหนที่หนูกับแม่แข็งแรง มีโอกาสเดินทางขึ้นเหนือ ช่วยบอกลุงกับป้าด้วย พวกเราจะพากันไปเยี่ยม...

 

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…