Skip to main content

 

ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
\\/--break--\>

ฝนล่ามาแล้วไป หลังพรำพรมจนพื้นดินชื้นฉ่ำ ตกก่อนจันทร์เต็มดวง ไม่เลิกไม่ซาอยู่สี่ซ้าห้าวัน ได้ฤกษ์อีกรอบแล้ว ฉันร่ายบัญชีออกล่าหาดอกไม้ ยาวเหยียดเป็นหางว่าว คุณนายตื่นสายสีเหลืองได้มาวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ขอปันจากหน้าร้านค้า ผ่านสวนข้ามไร่นา ได้ดอกยี่โถ กับดอกไม้ไม่รู้จักชื่อเหลือง ๆ เรืองอุไร เย็นนี้ กลับจากจ่ายตลาดริมขัวน้ำปิง หัวโค้งทางเข้าบ้าน เจ้าเฒ่าเขียวที่จอดทิ้งเพราะขาดน้ำมันมีหนูแอบเข้ามาทำรัง มีราจุดสีดำแต้มตามเบาะระหว่างวันสายฝนพาเราไป ฉันขอเจ้าที่เจ้าทางแล้วเด็ดดึงพวงแสดริมถนน เจ้าของสวนไม่อยู่ เขาเป็นคนเมือง มาแล้วไป เสียงโวยวายดังจากเบาะหลัง "ขโมย ๆ" ชิชะ แม่ลูกสาวตัวดี

 

  

 

 

ต้นไม้นั้นแบ่งปันกันได้ ตัดก้าน ตอนกิ่ง ทาบตา เพาะเมล็ด ทำอะไรต่อมิอะไรแต่ต้นแม่ก็ยังอยู่ สุขสบายดีเหมือนเก่า ชีวิตไม่ได้พรากจาก เรามาแลกเปลี่ยนต้นไม้กันดีกว่านะ ไม่ต้องซื้อหา เธอมีดอกนั้น ฉันมีดอกนี้ อยากได้อะไรก็มาเด็ดไป หรือรอต้นอ่อนงอกใหม่ใต้ต้นเก่า ขอเพียงเราอดใจรอ ขอเพียงเฝ้าดู เมื่อเธอรดน้ำให้ปุ๋ย ฟ้า ฝน ดวงตะวันและฤดูกาลก็จะทำหน้าที่ของมัน กี่วันก็คอยได้ กี่คืนก็เฝ้ารอ ได้มองดูเขาเติบใหญ่ จวบจนถึงวันเบ่งบาน

 

ซอมพอฝักแก่จากบ้านสวนธรรมชาติที่ฉวยใส่ย่ามงอกมาชื่นใจแล้วต้นหนึ่ง ชะเง้อดูกระถางทุกวัน รอดพ้นเงื้อมมือหอยทากแน่ รอแค่ให้โตอีกซักหน่อย จะปลูกเจ้าไว้ ให้ดอกสีส้มทาบทาผนังสีเหลืองแก่ จริตราคะนั้นไม่เหือดหายง่าย ๆ อีกหนึ่งที่หมายตาหมายใจ จากบ้านผ่านลาดเนินสูงต่ำ สลับมุมมองขุนเขาสวยจับตา พร้อมนาขั้นบันได หนทางไปบ้านถ้ำมีซอมพอเหลืองและชมพูรออยู่ เหลือเพียงวันดี ๆ สำหรับผ่านทาง เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ปีนี้หรือไม่ก็ปีหน้า หัวใจผูกพัน ไม่จางคลายจากเธอ

 

แล้งที่ผ่าน ว่านสี่ทิศทั้งหลายหรุบคืนดิน รวมทั้งดอกพฤษภา ฉันมองหาบ้านบานสะพรั่งด้วยดอกไม้ขาวไม่เจอ เขาเคยปลูกว่านสี่ทิศสีขาวเป็นแนวยาวริมรั้ว รู้หรือไม่ ที่ฉันคลั่งไคล้ติดตามหา เพราะเขากลีบใหญ่ หอมหวนยวนใจยิ่งกว่าลิลลี่มีราคา

 

 

ฝนพรำอ่อน ๆ แล้วหยุด หยุดแล้วแต่ยังตั้งท่าขณะอยู่ในตัวอำเภอ เมืองอันเล็กน่ารัก ผู้คนทายทักด้วยอัชฌาศัย ฉันเพลินคุยกับบรรณารักษ์ บริจาคพร้อมกับยืมหนังสือเล่มใหม่ อูว โน่นไง ดอกบัวดินสีเหลืองสดใส เฝ้ามองเขามาสามปีแล้ว บัวดินที่สายฝนปลุกเรียก ใบเขียวๆ เรียวๆ ลำต้นแบบบาง ชูช่อเบ่งบานพร้อมเพรียงคราวใดเหมือนเด็กเล็ก ๆ ยืนเข้าแถวรื่นเริง ครุ่นคิดด้วยปรารถนา จะทำอย่างไรดี ประตูบานนั้นมักปิดอยู่เสมอ จากลานปูนถึงตัวบ้านมองไปไม่เห็นใคร ปีนี้ตั้งใจไว้ จะฝ่าฟันไปถึงเธอให้จงได้ หลายวันก่อน ฉันย้ายบัวดินสีชมพูจากกระถาง แบ่งออกหลายกอ ส่วนหนึ่งใส่ถุงดำใบเล็ก ๆ เตรียมไว้ แปลกมากนักหรือที่จะตากหน้าไปขอดอกไม้จากคนไม่รู้จัก ประหลาดพิลึก ไม่น่าไว้ใจไหม ถ้ามีใครแปลกหน้ามาเคาะประตู ไม่ได้ขอเฉย ๆ จะให้ซื้อก็ได้ เราจริงใจ แถมยังมีดอกไม้ไปแลก ก็บัวดินสีชมพูไง

 

ที่ร้านขนมจีน เราได้คุณนายตื่นสายและแพรเซี่ยงไฮ้ ตายายบอกให้แบ่งไป ปักชำง่ายๆ ไม่ตายหรอกลูก เดี๋ยวก็แตกยอดต่อชีวิต วันนี้เบ่งบานเต็มที่สมใจ เย็นย่ำก่อนทำอาหาร สองคนช่วยกันทำสวน เยลโลว์ไอริสเด็ดมาแช่น้ำ แยกอะเมซอนใส่ในแก้วกาแฟบิ่น ๆ ไว้ ใกล้มืดแล้ว แต่ยังทันตัดกิ่งหม่อน ชำไว้หลายๆกิ่ง ปลูกหลายๆต้น จะได้พอทำแยม มือเหนียว ๆ ของสายน้ำผึ้งและพวงครามนั้นให้ใช้มีดตัด ย้ายกอราตรีไปริมรั้วเสีย กลิ่นหอมแรงไม่ดีต่อปอด ส่วนกิ่งที่เหลือ ชำไว้ฝากมิตร

 

ต้นไม้มากมายกำลังเดินทางมา หัวใจพองโตเมื่อรับทราบข่าว สีสันจะกระจายทั่วสวน ใครบ้างล่ะหนอไม่ชมชอบดอกไม้

บุปผชาติทำให้ใจสดชื่น ลดความกร้าวกระด้าง ดอกไม้ทำให้หายป่วย ช่วยให้คนเป็นคนดี ไม่เชื่อลองอ่านติสตูดู

 

ที่ฉันออกไล่ล่า ฝักคูนที่ฉันเก็บมา ทานตะวันป่าที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน มันจะเติบโตสวยงามเพียงใด จะบานทาบทาเป็นฉากหน้าขุนเขาเหมือนที่จินตนาการไหม บัวตองกับดอกเสี้ยวนั้นได้มาจากค่ายเยาวชนบ้านยางปู่โต๊ะ พร้อมไม้ป่าแปลกประหลาดอีกมากมาย วาดภาพต้นไม้เหมือนเด็กฝันถึงขนม ยังมีมากและอีกมากเหลือเกิน ทั้งผลไม้ ดอกไม้ อีกไม่กี่วันน้องสาวจะนำดอกไม้สีม่วงมาให้แล้ว อินทะนิลกับชงโค รวมทั้งทองกวาว รานีสีเพลิงแห่งท้องทุ่ง กับหางนกยูง ดอกไม้แห่งธรรมศาสตร์ที่ฉันรัก

 

ไปด้วยกันกับฉันไหม ยังองค์กรน่ารักเพื่อนของเรา ขอปันดอกไม้จากชาวมะขามป้อมเขา พุทธรักษาดอกแดงพอมีอยู่ แต่เขามีสีชมพู กับคล้าน้ำและพรรณไม้อื่น เราจะเอาอะไรไปฝากเขาดี ต้นที่เขาไม่มี เขาคงยินดีกับหมู่ผกา

 

ทีละต้น ๆ นะ วันละนิดละน้อย ค่อยๆ เพาะ ค่อย ๆ ปลูก ฝนกำลังจะมา ฝนจะโปรยปรายลงมาระลอกแล้วระลอกเล่า นี่ล่ะฤดูเพาะหว่าน เราควรสุขสำราญกับการบำรุงเลี้ยง ดอกไม้ทั้งหลายจะนำพาไปสู่ที่ใด ดอกไม้ไม่นำพาไปที่ใด แต่ละดวงดอกคือความประทับใจ มีความฝัน ความทรงจำแห่งวันวัย มีการเดินทาง เรื่องเล่า ที่มา เมื่อเธอพิศมองดอกไม้นั้นยิ่งกว่าดอกไม้ มวลมาลีที่เบ่งบานสดใสทำให้ใจสุขชื่น ไม่ว่าคน นก ผีเสื้อหรือแมลง แหละหากเธอแวะเวียนมา ฉันจะจัดสำรับดอกไม้รอท่า หุงข้าวสวยสีม่วงอัญชัญ แกงส้มดอกแค ผัดดอกโสนสีเหลือง กับเด็ดดอกข่าขาวอ่อนซ่านซ่ามาให้เธอชิม

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง