Skip to main content

   

ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...

เมื่อแม่มองดูฉัน แม่จะลืมได้ไหมว่าใครเคยขดตัวอุ่นสบายในตัก ดูดดื่มน้ำนมจากทรวงอย่างหิวกระหาย แม่เคยกอดรัดสูดดมพวงแก้ม กระชับร่างน้อยแนบอกชื่นใจ นั่นคือความรักของเรา รักอันฉ่ำหวานอ่อนละไมที่ทำให้แม่แทบน้ำตาไหล แม่จะรู้สึกเช่นไรหนอ มนุษย์ที่เติบใหญ่อยู่ตรงหน้านี้แทบไม่มีสิ่งใดคล้ายคลึงกับทารกนั้นเลย น้อยนักในบางเวลา บางประกายที่จิตใจส่วนลึกของเขาจดจำได้ เมื่อแม่ได้หยิบยื่นให้ดั่งที่เคยทำมาตลอด จากชีวิต เลือดเนื้อ จากความเสียสละของแม่เอง เลี่ยงตักของอร่อยของดี กันไว้แก่ลูกทั้งสอง ยอมอด งดความอยาก ความปรารถนาส่วนตนอย่างไม่อนาทร แลกกับข้าวของเครื่องใช้ของลูก แม่ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายเพื่อให้เด็กทั้งคู่ได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่แล้ว เส้นทางของลูกมนุษย์กลับกลายเป็นอื่น ยิ่งเติบโตยิ่งไกลห่าง เลือนรางจากแหล่งกำเนิด ไม่เข้าใจ คล้ายหลงลืมสิ้น...


แม่มาหาฉัน แอบยื่นเงินให้ นัยน์ตาแม่ สีหน้าของแม่ ทำให้ฉันหวนนึกไปถึงความทรงจำลางเลือนซึ่งจดจำได้เพียงความรู้สึก สตรีที่เพิ่งผ่านวัยสาว การสบตาของเรา ทารกน้อยนัยน์ตาดำขลับแจ่มแจ๋ว กำมือ เตะเท้า ส่งเสียงอ้อแอ้ สบตาเธอด้วยรักล้นพ้นใจ เขาก้าวออกมาจากร่างกายของเธอคนนั้น จากครรภ์ โพรงพักอันอบอุ่นเงียบสงบ และรู้สึกรักมารดาเหลือเกิน พวกเขาสื่อสารกันตั้งแต่กำเนิดเป็นดวงชีวิต จากจิตสุ่จิต สองดวงจิตที่มีเพียงความรักเท่านั้น รักอันบริสุทธิ์ สะอาด สัตย์ซื่อ แล้วความเหินห่าง รำคาญ เบื่อหน่าย เข้ามาแทรกตอนไหน? เมื่อมิจฉาทิฐิของโลกเข้าเคลือบคลุม ดวงตาเด็กน้อยหม่นมัว เมื่อสันดานข้ามภพ กรรมใหม่หรือกรรมเก่า สิ่งแวดล้อมผนวกรวมเหตุปัจจัย เด็กน้อยคนนั้นบางคราได้กลายเป็นหนามแหลมทิ่มอก เรารัก เราพรากจาก แล้วค่อยกลับมาคืนดีกันเช่นนั้นหรือ? บนเส้นทางสายการเรียนรู้อันเจ็บปวด และต้องพากเพียรพยายาม ดวงใจอ่อนโยนดวงนั้นไม่อาจชักจูงริมฝีปากให้กล่าวคำหยาบช้า แต่ว่าบุตรของเธอกลับแตกต่าง ทั้งอุปนิสัยใจคอ คำพูดจา เมื่อการเติบโตและกาลเวลาทำให้ทารกค่อย ๆ สูญสิ้นความทรงจำ เมื่อสายรกพลันถูกตัด เด็กน้อยร่ำไห้ทรมาน ดั่งล่วงรู้ถึงสายสัมพันธ์ขาดสะบั้น เมื่อลูกของเธอรู้จักการคิด เขาได้ถามเธอในวัยแปดขวบว่า ทำไมฉันต้องรักและดีกับเธอด้วยเล่า? ผู้ใดกันส่งฉันให้เกิดมาเป็นลูกของเธอ สิ่งนี้ฉันไม่ได้เลือก มนุษย์ทุกคนไม่ได้เลือก ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกตัญญูใช่หรือไม่? เธอปวดร้าวตื่นตกใจ ไม่อาจคิดคำอธิบาย ได้แต่พร่ำบอกระล่ำระลัก "บาปนะลูก บาปหนา ลูกคิดแบบนี้ได้ยังไง ไปอ่านมาจากไหน" ครั้นเมื่อเด็กน้อยเติบโตเป็นแม่คน หล่อนพร่ำบ่นยามทุกข์ "เจ้าลูกนรก ใครส่งแกมาเกิด" โวยวายกับชีวิตเช่นนั้น ทุกข์คราใด ไม่พอใจตนเอง ไม่พอใจลูกผัว ผู้ให้กำเนิด ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกผู้ทุกคน ทุรนทุรายประท้วงสิ่งไร้ตัวตนเหมือนไม่รู้จักธรรม ก่นด่าพระเจ้าอันลอยเลื่อน เทวดาบนสวรรค์ชั้นเพ้อ รวมทั้งดวงดาวบนฟ้าว่าอุตริขีดโชคชะตา กรรมมาจากใด ไม่ใช่ตัวเจ้าหรือ ความหลงลืมต้านทุกข์ทำให้ดิ้นเร่าร้องแรกแหกกระเชอ จนกว่าจะแก่เฒ่า ถึงปัญญา ทุกข์จึงจะเริ่มคลาย



เจ็บร้าวปลาบแปลบในอก เมื่อแม่หยิบยื่นแก่เราไม่สิ้นสุด ชีวิตย่างสู่วัยกลางคนแล้วแต่มิอาจเป็นผู้ให้ ไม่อาจหยิบยื่นคืนกลับมือที่ให้ชีวิต สองแขนที่โอบอุ้มเราเหี่ยวย่นแล้ว เส้นผมทยอยหงอกขาว การงานซ้ำซากที่แม่อุทิศตัวอย่างไม่เหนื่อยล้ากว่าสี่ห้าทศวรรษ วันนี้แม่เพิ่งจะได้พักเหนื่อย ในวัยที่ควรสงบหย่อนใจ ผ่อนคลายรื่นรมย์ สุขภาพของแม่เริ่มล้าโรย แต่ดวงตาทั้งคู่ยังห่วงกังวล เฝ้ามองดูลูกคนหนึ่ง ความฝันของฉันถือกำเนิดจากหยาดเหงื่อของเธอคนนั้น อุดมการณ์ความเชื่อตั้งมั่นอยู่ได้ด้วยการเสียสละของใครคนหนึ่ง ความรักของเธอช่างยิ่งใหญ่นัก เธอจะต้องเสียสละตัวเองถึงเพียงไหน มากมายยาวนานไม่จบสิ้น รักแม่ช่างอ่อนหวานลึกล้ำเหลือใจ เหมือนน้ำในบ่อใสสะอาด ลึกลงไปใต้พื้นดิน ซึ่งตาน้ำไม่เคยแห้งเหือด ความรักของแม่ไม่มีทางยั้งหยุด ไม่ว่าลูกจะเลวร้าย ขวาหรือซ้าย ชั่วหรือดี ผิดพลาดซ้ำซ้อนใหญ่โตร้ายแรงสักเพียงไหน


รอลูกหน่อยนะแม่จ๋า วันเวลาค่อย ๆ ลบความเมินหมางจากความเข้าใจผิด ช่องว่างหรือบาดแผลมายาระหว่างกัน ลูกจะขอจดจำเพียงเสียงนั้น เพลงกล่อมพึมพำที่ได้ยินยามอยู่ในครรภ์ ไพเราะอ่อนหวานยิ่งกว่าบทเพลงสวรรค์ ขอจดจำเพียงประกายสุกสว่างแห่งดวงใจรักของแม่ ซึ่งอบอุ่นโอบอุ้มลูกจนเข้มแข็งและมั่นใจไม่คลอนคลายว่า ชีวิตนี้ อัตภาพนี้มีค่า แม้ว่าโลกภายนอกจะผินหลังให้...จดจำความรักของเรา ความลับระหว่างเรา สุขสงบ รู้แน่ ซาบซึ้งแก่ใจไปจนวันสิ้นลม ขอดวงตาคู่นั้นยังอยู่ สดใสสว่างและรอคอย ขอลูกปฏิบัติภาระหน้าที่ให้ลุล่วง เพื่อจะกลับไปอยู่เคียงข้าง ขอความรักความเมตตา คุณงามความดีของแม่ผู้ไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยกล่าววาจาหยาบช้า และมีจิตใจอ่อนโยนกรุณาอยู่เนืองนิตย์ หวนคืนกลับมาหล่อเลี้ยงร่างน้อย ให้สายโลหิตอบอุ่นไหลเวียน ให้หัวใจแม่เต้นอย่างชื่นชมยินดี นอนหลับเป็นสุข ตื่นลืมตามามีรอยยิ้มนะจ๊ะ ...


เพียงแค่เป็นแม่เท่านั้น เพียงรักบริสุทธิ์ และให้อย่างปราศจากเงื่อนไขชั่วนิรันดร์ แม่ของโลกเข้าถึงคุณธรรมสูงส่ง

โปรดมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันเฉลิมชัย ...นะจ๊ะ แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของฉัน

 

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เธอ*ควานหาเสียงซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ ไม่ได้มีอยู่ในตัวเธอ เรียกหามันด้วยกระบวนการ วิถี แนวทางแห่งศาสตร์การแสดง จวบจนกระทั่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับกลาย ไม่ใช่เธออีก เธอควานหาพายุพยาบาท ไฟแค้น โศกนาฏกรรมบีบคั้นหัวใจชนิดที่ทำให้คลั่ง ซึ่งเธออาจไม่ประสบเท่านั้นในชีวิต โยกย้ายมันจากอากาศ ผ่านความเจ็บช้ำของผู้คน ระเบิดมันออกภายในร่าง จนกระทั่งปรากฏผ่านแววตา สีหน้า ท่วงทีกิริยาทุก ๆ ทาง
รวิวาร
ก็เพราะในชีวิตมีความเศร้า หรือชีวิตมีอีกชื่อเรียกว่า ทุกข์เศร้า คนจึงรานร้าว ดิ้นรนแสวงหา และเสียดทานภายในไม่หยุดหย่อน... จนกว่าจะปลดเปลื้องถึงอิสรภาพได้นั่นละกระมัง คุณน้อยคิดว่าอย่างนั้นไหม? ... สวัสดีปลายพฤษภาค่ะ
รวิวาร
 หัวใจของฉันไม่อาจแยกขาดจากร่าง ร่างกายที่กระทำการโดยปราศจากดวงใจขับเคลื่อนไปชั่วครู่ชั่วยาม ระหว่างดำเนินกิจกรรมนั้นไม่รู้สึกตัว ถูกครอบงำเต็มเปี่ยม มุ่งหน้าสู่ทิศทางที่ปรารถนา หยุดนิ่งทันทีเมื่อถึงที่หมาย "ฉัน" มีอยู่ในมิติกว้างใหญ่ ใช่เพียงแค่กาย-องคาพยพอิ่มหิวหลับนอน อยากคลายหายอยาก ไม่รู้หรอกว่าวิญญาณคืออะไร แต่รับรู้ได้ถึงความรู้-รู้สึกลึกล้ำ ส่วนหัวใจนั้นมีอยู่แน่แท้ หัวใจที่ทำให้ความรู้สึกดื่มด่ำ วาดรูป แต่งเพลง เขียนบทกวี มองเห็นความงามของสรรพสิ่ง งามที่ปวดร้าวในโลกแห่งความเป็นจริง งามบริสุทธิ์หล่อเลี้ยงในธรรมชาติ งามประณีตวิจิตรจากศิลปะ งามปัญญาแห่งธรรม
รวิวาร
น้ำ เราต้องการน้ำกันมากเหลือเกิน ทั้งน้ำดื่ม น้ำอาบ น้ำใช้ น้ำเย็น ๆ ใสสะอาด หอมหวานชื่นใจ น้ำใต้ดินเจือกลิ่นแร่ กรวดทราย หวานหอมแตกต่างกันไปแต่ละที่บนโลก ไม่จืดสนิท หรือแปร่งปร่าเช่นน้ำดื่มจากขวดหรือน้ำประปา ...
รวิวาร
ปีเก่ากำลังตายจาก ปีกาลใหม่คล้อยเคลื่อนมา นำหน้าด้วยขบวนทวยเทพ เทพีสงกรานต์ผู้สาดน้ำชะโลก ล้างแล้งด้วยพายุฤดูร้อน มนุษย์รับช่วงขัดถูบ้านเรือน ซักผ้า ชำระคราบไคลในวันสังขารล่อง...
รวิวาร
ตั้งหลักสมัครสมานกับผืนดิน (2552)มกราฯ : วุ่นรับแขกหลายคณะ ไม่เกิดฉันทะพอที่จะจับจอบกุมภาฯ : อา...โกยหญ้า ขุดดินขึ้นมากอบกำ ในที่สุดก็ผูกสัมพันธ์กันอีกครั้ง เราและผืนดินสำรวจสวนไม้ผล -มะม่วง หลังจากรดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยขี้วัวและคลุมโคนต้นด้วยเศษหญ้า ไชโย! มะม่วงมหาชนกอายุ 3 ปีที่โรงรถติดลูกจิ๋วหลิวน่ารัก ต้นข้างห้องนอนเชนแตกยอดอ่อน สุขภาพดีขึ้น-ต้นหม่อน (มัลเบอรี) ออกลูกเยอะกว่าปีที่แล้ว ลูกโตขึ้นด้วยถึงแม้จะไม่เท่าต้นแม่ที่ตัดกิ่งมาปักชำ เราใส่ปุ๋ยพรวนดินเหมือนกับต้นอื่น ๆ ระหว่างรดน้ำก็คุย ขอบคุณ และชื่นชมเขาไปด้วย ปิดเทอมนี้ น้องธารคงได้เอื้อมเด็ดใส่ตะกร้าใบน้อย-มะยม,กะท้อน เพิ่งปลูก…
รวิวาร
สรุปผลแผ่นดินโดยสังเขป (2551) ผลผลิตที่โดดเด่นที่สุด : ลำไยจำนวน : ประมาณ 15 ต้น (เคยนับแต่จำไม่ได้แน่ชัด)
รวิวาร
 ฉันรอเหมือนต้นไม้ต้นนั้น เหมือนสิงห์ดักซุ่ม เหมือนกระต่ายน้อยรีรอระแวดระวังต่อหน้าแปลงผัก เหมือนเหยี่ยวบินวนกราดดวงตาแหลมคมจากฟ้าสูง ความปรารถนามีอยู่ทุกวินาที บางครั้งราวกับความคลั่งไคล้ใหลหลงในอันที่จะเนรมิตสิ่งต่าง ๆ มองต้นไม้ที่ปลูก ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่า ระหว่างการเขียนระบายสิ่งอัดอกกับหยิบจอบพรวนดิน อันไหนสั่นไหวแรงกล้ากว่ากัน แต่กับหนังสือนั้น ยกประโยชน์ให้จำเลย ด้วยถือว่ามันเป็นรองการเคลื่อนไหว หายใจ เช้า อ่านหนังสือจบหนึ่งเล่ม ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ฉันอ่านไปครึ่งเล่ม แล้วจะเป็นไร หากจะอ่านอีกครึ่งที่เหลือ ระหว่างรอสายยางให้น้ำ
รวิวาร
น้ำตาล ไม่ใช่น้ำตาลที่เข้าคู่กับกะทิแล้วรวมตัวกับฟักทองหรือกล้วยน้ำว้ากลายเป็นแกงบวดหอมมัน แต่มันคือหมาน้อยตัวหนึ่งซึ่งสามารถเสกฝนได้ หากฝนที่โปรยปรายเป็นสายจากตัวนั้นเป็นห่าหมัด ไม่ใช่สายน้ำเย็นฉ่ำ มันเป็นสุนัขจร ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ปรากฏตัวขึ้นบนถนนสายเล็ก ๆ ทอดสู่หุบเขาผาแดง ลูกหมาสีน้ำตาลพองฟูเดินต้วมเตี้ยมอยู่ตรงขอบถนนจวนเจียนจะถูกเฉี่ยวชน ผู้ซึ่งจะกลายเป็นนายของมันกระโดดผลุงลงจากกระบะหลังซึ่งสมัครพรรคพวกนั่งกันอยู่หลายชีวิต โอบอุ้มมันขึ้น จากนั้นไม่กี่นาทีฝูงมนุษย์ก็พากันกระถดหนีไปกองอยู่มุมเดียว ด้วยเกรงกลัวฝนสีดำแสนคันจากลูกสุนัขน้อย
รวิวาร
เช้านั้นไม่เหมือนเช้าอื่น ๆ แต่เป็นวันที่กะทิ ลูกหมาน้อยต้องจดจำไปชั่วชีวิต นายหญิงของมัน ผู้ซึ่งตะก่อนร่อนชะไรเคยตื่นแต่เช้าตรู่ เดี๋ยวนี้เมื่อไม่มีภาระดูแลลูกหญิงน้อยเริ่มตื่นสายขึ้น กะทิเองก็เช่นกัน ก็อากาศหนาวออกอย่างนั้น กว่าตะวันจะโผล่พ้นม่านหมอกก็สายโด่ง นอนซบพี่หมี ตุ๊กตาสีน้ำตาลขนฟูเพื่อนเก่าที่เด็ก ๆ ยกให้ อุ่นสบายกว่าถึงจะสาย แต่อากาศยามเช้ายังยะเยือก เย็นสบาย แทนที่นายหญิงจะถือสายยางไปรดน้ำต้นไม้ เธอกลับฉวยย่ามม้งใบน้อย ทำท่าจะออกไปข้างนอก กะทิลุกขึ้น ส่งเสียงเห่าบอกน้ำตาลทันที ‘ปะ เราไปวิ่งไล่ตามมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า ดูซิว่า วันนี้เธอจะไปทางไหน เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา…
รวิวาร
หากใครคิดว่าที่นี่มีเพียงนกน้อยเสียงใส สัตว์โลกน่ารักและวิวงาม ๆ นั้น เขาเข้าใจผิดแล้ว จริงอยู่ นกน้อยสารพันขานรับอรุณ ปลุกเราแต่เช้า ดุเหว่าร้องเสียงใสเวลาใกล้รุ่ง บ่าย นกทุ่งส่งสำเนียงเจื้อยแจ้ว ไพเราะจนไม่ต้องง้อดนตรีของมนุษย์ เย็น เมื่อแดดแสดงลีลาเหนือขุนเขา อีกาพร่ำร้อง กาๆ กระปูดร้องปูด ๆ เตือนพลบ บางวันเหยี่ยวร้องบนฟ้าสูงไกล วู๊ ๆ เสียงใสเหมือนเด็กน้อย ขณะนกกินปลาตัวใหญ่สีขาวบินโฉบต่ำ ๆ ลิ่วลงหาปลาในสระ
รวิวาร
ทั้งเสียงไวโอลิน หนังสือและหลายสิ่งที่ชีวิตเก็บเกี่ยวตกค้างอยู่ภายในทำให้รู้สึกปวดร้าว ปวดแบบแปลบ ๆ หนึบ ๆ และร้าวรอนราวกับหัวใจบอบบางเหลือแสน ความเศร้าอันอ่อนหวาน ไม่อาจหักห้ามบังคับ ทุกคราวที่ไวโอลินโหยไห้หวนหาของซีเคร็ตการ์เดนแว่วดังขึ้น ขณะเปิด บัลซัคกับสาวน้อยช่างเย็บผ้าชาวจีน1 หน้าสุดท้าย หนังสือที่เขียนโดยคนสีไวโอลิน คลอด้วยเสียงไวโอลิน หัวใจร่วงร้าวโดยไม่ตั้งใจ ขยับตัวไม่ได้ เบื้อใบ้ ปากปิดสนิท