Skip to main content

 

มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ

\\/--break--\>

บางครั้งถ้อยคำไหลรินเชื่องช้า มันอ่อนเอื่อยและอยากจะหยุดนิ่ง กระแสธารของคำเหมือนสายน้ำ ยามไหลโกรกซัดซ่า มากมายมีให้เขียน เหมือนอยากเขียนไม่สิ้นสุด บางคราวในตัวคุณก็เงียบ เงียบต่อถ้อยคำ หากกลับส่งเสียงผ่านมือ สื่อผ่านกิจกรรม

 

น้ำจากฟ้าอาจสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย หมอกยามเช้าและอากาศเย็นยามค่ำเยี่ยมกราย ไฮซีซั่นกำลังเริ่มต้นขึ้น มีไปรษณียบัตร โทรศัพท์นัดหมายการเยือน ฤดูท่องเที่ยวขึ้นเหนือของผู้คน ปีนี้ฟืนรอบกองไฟพร้อมใจถูกเผาไหม้วายวอด สวนรอบ ๆ หลังจากเก็บลำไยขาย ได้ลงแรงตัดแต่งกิ่ง แทนการสุมกองระเกะระกะอย่างปีก่อน พวกเขาสุมไฟเผาทิ้ง บ้านคุณ สวนรก ๆ ของคุณซึ่งอยู่ท่ามกลาง ควันและเปลวไฟสีส้มลอยกรุ่นจากทุกทิศทุกทาง สัปดาห์ของการรมควัน ดีที่ไม่มีใครเจ็บป่วย เด็กหญิงรุ่นๆ ถามพ่อแม่ว่า ทำไมเขาจึงเผา เขาก็รู้ไม่ใช่หรือว่า เผาใบไม้กิ่งไม้ ไร่นาไม่ดี สิ่งที่ทำสืบต่อกันมานั้นยากจะเปลี่ยนแปลงลูกเอ๋ย สิ่งไร ๆ ที่ทำจนเป็นวิถี ผิดชอบชั่วดีแทบไม่ต้องคิด จนกว่าจะซึมซับทำความเข้าใจใหม่ๆ ถึงบางอ้ออย่างแท้จริงนั่นแล้ว อย่าว่าแต่การเผาใบไม้เลย ยังมีหนักหนากว่านี้ โดยคนที่เรียกว่าผู้มีอิทธิพลของโลกด้วยซ้ำไป พวกเขาดื้อรั้นยิ่งกว่า ยึดมั่นในพฤติกรรมเดิม ๆ ทั้งที่โลกแสดงผลแล้วว่าไม่สร้างสรรค์

 

 

คืนก่อน ใจเล็กๆของเราอธิษฐานเผื่อคนในพายุและแผ่นดินไหว ขออย่าทุกข์ทรมานนัก ขอได้รับการช่วยให้รอด จากใต้ตึก ใต้ต้นไม้หักโค่น หรือกำลังจมลงในกระแสน้ำเชี่ยว สิ่งที่เราคิด พูด ทำทุกวันนี้ก็เพียงแต่ทำไป ใครเล่าจะสร้างอาณาจักรปกป้องตัวและครอบครัวให้พ้นภัยในโลกที่เชื่อมโยงได้ บนดาวเคราะห์ดวงนี้ ถ้าตายเราก็ตายด้วยกัน ความพินาศอาจมาถึงช้าเร็วก็เท่านั้น

 

ฉันแนบหูลงกับพื้น ยินเสียงสายน้ำไหล กระแสน้ำบริเวณนี้อ่อนแรงลง เราชาวสวนล้วนต้องการน้ำของตน ต่างพากันขุดบ่อเก็บน้ำไว้ยามมีกำลัง ด้านหน้า ข้าง ๆ ด้านหลัง และห่างออกไป 2-3 ขนัด..ข้าอยากมีน้ำ มีปลาเลี้ยงของตน ระดับน้ำในบ่อน้ำใช้เริ่มงวดลง สายน้ำนี้ไม่ใช่ของใคร มันไหลซอกซอนไปทั่ว มาจากป่า จากฝนฟ้า มหาสมุทร มิได้ขึ้นกับตัวเองอย่างอิสระ ต้นไม้โค่น น้ำลด ขุดอ่างกักเก็บ น้ำลด แรงดันลด ไม่พอแล้วสำหรับคนที่เหลือ

 

แต่ฉันยังได้ยินเสียงครืนโครม ลึกลงไปใต้พื้นปฐพี ใต้ผิวโลกที่ดูมั่นคงมีกระแสธารไหลคลั่ง ลาวาหลอมเหลว เตาไฟเดือดปุด บนผิวโลกสงบราบเรียบ เรามีเครื่องมือ ความรู้ มั่นใจ รู้สึกเหมือนกุมทุกสิ่งไว้ในมือ เราเข้ากระทำกับโลก ปักเสาเข็มสุดลึก เนรมิตตึกสูงลิ่ว ถมดินหนาเตอะ สร้างฝายยักษ์และเขื่อนมหึมา คนเล็กๆบนดินอาจควบคุมได้ด้วยกฎหมาย ความเจริญของชาติ เศรษฐกิจ ผลประโยชน์ส่วนรวม สุดแต่จะกล่าวอ้างนานา แต่พวกที่อยู่ข้างใต้นั้นไม่มีธรรมชาติเชื่อง ๆ ยอมตามการควบคุม น้ำซึ่งกดทับที่นี่จะหาทางชำแรก พุ่งกระแทกแผ่นดินส่วนที่อ่อนแอกว่า น้ำที่เก็บกักเหนือเขื่อน ฝายจะกลายเป็นปีศาจร้ายขย่มปฐพี แม่น้ำตายที่อยู่ใต้ลงไป ปลาหาย ไม่อาจวางไข่ ทรายเต็มหน้าฝาย สายน้ำตื้นเขิน ไม่พอเลี้ยงข้าวในนา

 

 

ส่วนที่นี่..ป่าของคุณยังเป็นความฝัน ต้นไม้ไต่คืบขึ้นไปบนอากาศทีละนิ้ว อืดอาด เชื่องช้ายิ่ง พร้อมและเหมือนกันกับตัวมอดแห่งกาลเวลาที่ย่องมาแทะกินกระดูกของคุณ ผืนดินซึ่งเป็นเพียงจุดกระจิ๋วหลิวบนโลก ที่มวลนกอาจพิงพัก รวมทั้งแมลงและงูเงี้ยวเขี้ยวขอ มันจะเรียกน้ำและความชุ่มชื้นกลับมาไหมหนอ มันจะร่ายมนต์ทันท่วงทีรึเปล่า ที่ไม้ใหญ่จะผงาดขึ้นก่อน ตามด้วยไม้เล็กรากตื้นใต้ร่มเงา และเพื่อนเถาวัลย์เลาะเลี้ยวปีนป่าย พ่นกลิ่นอายชื้นฉ่ำ ลมหายใจสีเขียวแห่งป่า พร้อมทั้งมอบเนื้อนาดินร่วนซุยจากปุ๋ยใบไม้

 

ช้าเหลือเกิน ค่อย ๆ คืบค่อยๆ ก้าว เหมือนตัวตนของคุณที่กลิ้งไหลไปข้างหน้า มองหาบางสิ่ง หลอมรวมบางอย่าง และเพียรพยายามสร้างบางประการเกิดมีข้างใน คุณไม่อาจรู้ จะมีชีวิตเท่าใด

 

ใจหวังพึ่งพิงดินฟ้า...

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
“ตื่นมาทุกเช้า อย่าลืมทำดีให้ตัวเอง”  ประโยคนี้นึกขึ้นเมื่อสาย  ยังดีเป็นสายที่มีแดดส่อง  ไม่ใช่สายเกินไป  สายเกินการณ์......“เขียนหนังสือ”  เขียนทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย  ไม่ยากเนื่องจากเรารู้ และคิดหัวข้อเรื่องไว้มากมาย  แต่ที่ไม่ง่ายคือ  แรงบันดาลใจสดใหม่ขณะเขียนสำหรับฉันแล้ว “แรงบันดาลใจ”  คือความรู้สึกล้นปรี่ที่ขับความปรารถนา  ความสุข และความกระหายภายในพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษร  ความรู้สึกเช่นนั้นเป็นความรู้สึกของความสุขหรรษา และการสร้างสรรค์อันเบิกบาน  วันใดที่เริ่มต้นยามเช้าด้วยความขุ่นข้องหมองจิต …
รวิวาร
มีตาน้ำในตัวฉันไหม ผุดพุ่งเป็นตัวอักษร  สายน้ำน้อยๆที่ใสสะอาด ดื่มกินได้  ชะล้างร่างกายและจิตวิญญาณ  ลำธารที่ไม่มีวันหมดสิ้น  ซับน้ำริน ๆ ที่มองไม่เห็น  ซึ่งผุดขึ้นมาจากมหาสมุทรชีวิตใต้พื้นพิภพ ............
รวิวาร
เธอบอกให้ฉันเขียนถึงความรื่นรมย์  ฉันกล่าวตอบเธอในใจ“ความรื่นรมย์ที่ขมขื่นจะเอาไหม?”   ความจริง ฉันมีความรื่นรมย์ที่เผาไหม้ สนุกสนานสำราญใจที่ถูกแผดเผา  .........................................................................
รวิวาร
...ไม่กี่วันมานี้พบว่า การอาศัยอยู่ที่นี่เหมาะแก่การอ่าน วอลเดน* อย่างยิ่ง มีสิ่งร่วมในความคิดและประสบการณ์หลายอย่างบรรจุอยู่ในหนังสือเล่มที่เคยอ่านมาเนิ่นนาน ข้ามผ่านกาลเวลานับร้อย ๆ ปี ไม่น่าเชื่อเลยว่า บันทึกการใช้ชีวิตอย่างสมถะริมบึงชายป่าของธอโรจะหวนกลับมาสัมผัสใจ ทั้งที่ต่างยุคห่างสมัย......................................................... ฟ้าเย็นวานกว้างใหญ่ไพศาล แถบแสงจากดวงตะวันหลังเขาระบายเมฆเป็นขีดสีชมพูยาว ลูกสาวคนโตเมียงมองจากอ่างล้างจาน ร้องเรียกแม่ให้รีบมาดูก่อนเลือนหาย โลกเบื้องบนเปลี่ยนสีไปทีละน้อย ความมืดเติมส่วนผสมลงไป แปรเปลี่ยนสีสันของฟากฟ้า ค่อย ๆ เจือจาง…
รวิวาร
เรามาอยู่ที่นี่ใช่โดยน้ำพักน้ำแรงเราลำพัง  กว่าจะปลูกสร้างกระต๊อบได้ทั้งหลัง  อาศัยน้ำจิตน้ำใจและการหยิบยื่นไมตรีจากหลายชีวิตขอขอบคุณคุณแม่ของเราทั้งสองที่เลี้ยงดูเรามา ให้ได้รับการศึกษาอย่างดี  จากสถาบันที่มีเนื้อหา มีทรัพยากรและประวัติศาสตร์ซึ่งเอื้อโอกาสให้เราได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้  ขอบคุณที่แม่ไม่เคยปล่อยให้เราอดอยาก   แม้จะมีช่วงเวลายากลำบาก  แต่ก็ได้เรียนรู้  ฝ่าฟัน  เข้าอกเข้าใจ (ลูกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุดที่แม่เพียรพยายามแม้จะยากลำบากเพื่อที่จะเข้าใจวิถีของลูก  และปล่อยให้ลูกได้เลือกเส้นทางชีวิตของตนอย่างอิสระ)
รวิวาร
 บางครั้งหมอกก็ไหลมาตั้งแต่ดื่นดึก ห้อมล้อมบ้านของเราไว้เหมือนกองทัพสีขาวหนาวเย็น แล้วเมื่อแสงแรกจากเรือนจุดสว่างขึ้นยามสาง ลำแสงสีส้มก็ผ่าละอองหมอกออกเป็นทาง ธรรมชาติของหมอกนั้นอย่างไร บางคราว เราตื่นขึ้น แลเห็นรอบตัวได้ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่าง เห็นชายฟ้าด้านตะวันออกหลังแนวไผ่คู่หน้าประตูเป็นสีชมพูอ่อนๆ แต่แล้วไม่นาน สายธารแห่งหมอกกลับไหลรินสู่หุบเขา ทั้งจากด้านดงดอย ยอดเขาสูง แม่น้ำ ที่ลุ่ม และถนนจากเมือง ดาหน้ามาจากทุกทิศทาง ปิดกั้นบ้านน้อยของเราไว้ บางทีความคิดของเราก็ทำทีอย่างหมอก มียามที่มองอะไรไม่เห็น นอกจากฝ้าละอองเปียกชื้นเยียบหนาว ยามเดินออกจากตัวบ้าน…
รวิวาร
 ที่มาภาพ : http://www.geocities.com/thaishow2004/image/khonhead01.jpg หากเราจะรู้จักกัน  ฉันขอรู้จักเธอในฐานะมนุษย์ได้ไหม?  ไม่ใช่อะไรที่แวดล้อมเธอ  ภาพลักษณ์ บทบาท  ตำแหน่ง สถานะ  ไม่ว่าเธอจะเป็นดารา นักร้อง นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม ครู ผู้มีอำนาจ  ผู้ทรงความรู้  ที่ฉันอยากรู้จักจริง  ๆ คือมนุษย์คนหนึ่ง  ก็เมื่อเราปอกเปลือกหุ้มออกจนหมดสิ้นแล้ว เธอ ฉัน เราทุกคนจะเหลือสิ่งใดเล่า  นอกจากความเป็นมนุษย์ เปล่าเปลือยล่อนจ้อน  เธอย่อมรู้สึกหิวเหมือนที่ฉันหิว ทุกข์สุขโศกเศร้าเหมือนที่ฉันรู้สึก  เธอมีความรักเหมือนเช่นที่ฉันรัก …
รวิวาร
เริ่มแรกที่เขียนทำให้ได้พบว่า ฉันไม่เคยสื่อสารในลักษณะนี้มาก่อน ฉันพูดกับตัวเองมาตลอด เขียนบันทึก ห้วงรำพึง  โดยไม่ได้คำนึงว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ไม่เคยหวั่นว่าเนื้อหาจะลอย ข้ามไปข้ามมา อ่านไม่รู้เรื่อง เรื่องสั้นหรือบทกวีที่เคยเขียนล้วนแต่เป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง  เหมือนเล่าออกไปในน่านฟ้าอากาศ  เป็นรูปแบบที่เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วมีผู้คนมากมายได้อ่าน แต่ก็เสมือนผู้อ่านนามธรรม จนกว่าเราจะรู้จักกันจริง ๆ ฉัน ซึ่งคิดว่าการเขียนเป็นเรื่องง่ายดายเมื่อรู้แน่ว่าจะกล่าวสิ่งใด จึงรู้สึกติดขัด ไม่ลื่นไหล     คิดถึง “ต้นไม้”  แต่ก็ไม่รู้แน่ว่าอย่างไร…
รวิวาร
...หัวใจของฉันพยายามบอกหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน ขณะที่ความคิดเวียนวนสอดแทรก เจ้าความคิดนั้นเหมือนเครื่องกำเนิดอะไรสักอย่าง มันมีหน้าที่ขับส่งบางสิ่งออกมาไม่มีขาดตอน บางสิ่งที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดระเบียบ ไร้จุดจบ เว้นเสียแต่ว่าเราจะพยายามบีบเค้น หรือกำหนดทิศทางแก่มัน เช่น การใคร่ครวญเรื่องบางเรื่อง การคิดพล็อตเรื่อง หรือขบคิดปัญหาที่แก้ไม่ตก  ฉันกำลังรู้สึกว่า หัวใจถวิลหากระดาษสีนวลตา และปากกาหมึกซึมดี ๆ โต๊ะริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อน ๆ ไม่ใช่ห้องหนาวเหน็บ ไฟโคมสีส้ม และแป้นคีย์บอร์ดอย่างนี้ แต่ก็เอาเถอะหัวใจเอ๋ย ค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวเอง จนกว่าฉันจะพบคำเฉลยที่ดีสำหรับเจ้า…