Skip to main content


หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว พวกเขาเร่ขายเตาไฟอันตรายไปทั่ว พร้อมคำโฆษณารับประกัน หลอกเด็กถือระเบิดด้วยอมยิ้มในมือ
\\/--break--\>
อย่างไร ยังมีสัญญาณที่ดีอยู่  ชีวิต แผ่ขยาย แทงยอด สลัดความโงกหลับคลุมเครือสู่แสงสว่างแห่งปัญญา การเปิดกว้าง โอนอ่อน ตอบรับ พร้อมเรียนรู้โดยไม่หวาดหวั่นบาดแผลและความเจ็บปวดจนเข้าสู่อิสรภาพ  มีการกระทำการตลอดเวลาที่โน่นที่นี่ ปัญญาและความเขลา บางเสี้ยวบางมุมในจิตใจเรา คำสอนบางส่วนของนักคิด หลายขบวนการเคลื่อนไหว มรรคปฏิบัติบางข้อในสำนักสงฆ์ การรณรงค์เรื่องราวดีๆ การยุติความรุนแรงต่อผู้อ่อนแอ รวมถึงการเพิ่มกำลังทหารใกล้อนุทวีป การเลือกตั้งกำมะลอ การโฆษณาชวนเชื่อขนานใหญ่อย่างต่อเนื่องผ่านสื่อ

เกลียวนั้นหมุนวน แม้ในหุบเขาเงียบสงบ เหยี่ยวคู่กลับมาแล้ว ในวันอากาศหนาว หมอกลงหนาจวบสาย เหยี่ยวอพยพเดี่ยวผู้มารายแรก ปีกโค้งหนากล้าแกร่ง ก่อแรงลมพยุงอยู่นานใต้ปีก คู่ผัวเมียที่ติดตามมาขนาดย่อมกว่า กระพือปีกพุ่งหัวลงทุ่งเหมือนนกกา ออกแรงกระพืออยู่เป็นนาน กว่าจะลอยคว้างตีวงเกลียวบินสูงขึ้นสู่เบื้องบน หนูสองครอบครัวที่บ้านออกลูกครอกใหญ่ แอบอยู่ในลิ้นชักและใต้หลังคา ทั้งผัวและเมียพากันออกมากัดแทะทุกสิ่งที่พึงใจและสามารถ กัดพื้นกระดานห้องนอน เจาะรูลงมาที่ครัว  ช่วยกันแทะสายไฟ สายเครื่องเสียงและคอมพิวเตอร์ ทึ้งกระดาษ ลากถุงพลาสติก  กัดเสื้อผ้าในตู้ ลากไปบุรวงรังให้ลูกอ่อน

ตุ๊กแกในห้องเด็กกำเนิดสมาชิกใหม่ เด็กหญิงว่า ตัวเล็กลายเท่าจิ้งจก งูเห่าที่เคยรอเขมือบหนูอยู่ใต้ถุนเงียบหาย หลังจากเลื้อยมาแผ่แม่เบี้ยใส่เจ้าหมากะทิ  อ้ายน้ำตาลยังถูกผูกอยู่ทุกวัน สันติภาพยังไม่เป็นจริง แม้จะหมดไก่ที่นำมาฝึกเกือบฝูง สัญชาตญาณดิบไหลเวียนอยู่ในสายเลือด พลอยให้มันหงอยเหงา หมดสง่าราศีเมื่อถูกผูกติดขาเก้าอี้ตลอดวัน เราจะทนมองได้นานแค่ไหนเชียว ป่าละเมาะ ท้องทุ่งที่สัตว์ใหญ่น้อยทำเสียงสวบสาบ กลิ่นหญ้าเพิ่งตัดโชยฟุ้ง ฝูงนกโผบินและเสียงแมลงเซ็งแซ่  หมานักล่าควรได้วิ่งเตลิด ห้อตะบึงสุดฝีเท้า เช่นที่เราปรารถนาร้องเพลงกึกก้องยามมองดูฟ้า หัวเราะดังๆ หรือขู่คำรามเหมือนสัตว์ป่า ไปให้สุดศักยภาพทุกทิศ ควบขี่สิ่งที่บรรจุอยู่ในตัวคน ฝึกกุมบังเหียนจนชำนิชำนาญ

คุณก็รู้ เราก็รู้ เมื่อหมดหวังกับโลกที่อยู่ตรงหน้า คนมักหวังพึ่งโลกอื่น เมื่อหมดศรัทธากับคนอยู่ร่วม สายตาสอดส่ายหาที่พักพิงแห่งใหม่ แต่ข่าวร้ายก็คือ มีพื้นที่อยู่จำกัด มีผู้คนจำกัด แค่หญิง ชาย กับเพศผู้ไม่เลือกข้าง เราต่างอยู่ในโลกที่เห็นใบนี้ ในช่วงเวลาแน่นอนอันหนึ่ง โลกที่สามารถจับต้อง ผู้คนที่เราอยู่ร่วม สังคมที่เราอาศัย
เราจะเอาลูกแมวมาเลี้ยงแล้วล่ะ อาจจะหนึ่งหรือสองตัว แทรกแซง ใส่ปัจจัยใหม่เข้าไปในระบบ  ปราศจากหนู งูกับตุ๊กแกน่าจะลด ส่วนน้ำตาล อ้ายหมาเถื่อน เสียใจด้วยนะ ตราบใดที่ชาวสวนยังเลี้ยงไก่ล่อใจอยู่อีกหลายเล้า หมาเปรียวคึกคักรักสนุกอย่างเจ้าคงอดใจไม่อยู่

ไม่มีคำตอบสมบูรณ์แบบสำหรับปัญหาทุกข้อเอาเสียเลย แต่ก็คงต้องไม่ลดละค้นคว้าไป เสรีภาพอันงามสง่าเป็นจริงได้เมื่อปราศจากอันตราย  แกควรกลับเข้าไปอยู่ในป่า อยู่กับฝูงหมาบรรพบุรุษ ข้านั้นต้องอยู่กับฝูงมนุษย์   
เกลียวหมุนนั้นอาจซัดส่ายบ้าง ด้วยมิจฉาทิฐิ ความอ่อนแอแพ้พ่าย ถึงอย่างไร ก็ควรถือเข็มทิศให้มั่น ก้าวต่อไป เราควรหายใจอยู่ในโลกนี้ให้เต็มที่ โลดเต้นไปกับมัน ใช้อัตภาพที่มีควบขี่ ฝึกปรือกันไป ช่วยกันเพิ่มรอบหมุนขาขึ้นของมวลมนุษย์ ...

“ขอใช้สัญลักษณ์เกลียวหมุนอันมีทิศพุ่งสู่เบื้องสูงแทนคำพรแด่ผู้อ่านประชาไททุกท่านสำหรับปีใหม่นี้ด้วยนะคะ  ขอพรพระธรรมชาติหนุนนำชีวิตจิตใจทุกท่านให้สุขเจริญยิ่งๆขึ้นไป  แล้วพบกันใหม่ใน “สิ่งอัศจรรย์ธรรมดาแห่งเมืองเล็ก” ขอบฟ้ากว้างถัดจากกระต๊อบตูบตีนดอยปีหน้าค่ะ”

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
“ตื่นมาทุกเช้า อย่าลืมทำดีให้ตัวเอง”  ประโยคนี้นึกขึ้นเมื่อสาย  ยังดีเป็นสายที่มีแดดส่อง  ไม่ใช่สายเกินไป  สายเกินการณ์......“เขียนหนังสือ”  เขียนทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย  ไม่ยากเนื่องจากเรารู้ และคิดหัวข้อเรื่องไว้มากมาย  แต่ที่ไม่ง่ายคือ  แรงบันดาลใจสดใหม่ขณะเขียนสำหรับฉันแล้ว “แรงบันดาลใจ”  คือความรู้สึกล้นปรี่ที่ขับความปรารถนา  ความสุข และความกระหายภายในพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษร  ความรู้สึกเช่นนั้นเป็นความรู้สึกของความสุขหรรษา และการสร้างสรรค์อันเบิกบาน  วันใดที่เริ่มต้นยามเช้าด้วยความขุ่นข้องหมองจิต …
รวิวาร
มีตาน้ำในตัวฉันไหม ผุดพุ่งเป็นตัวอักษร  สายน้ำน้อยๆที่ใสสะอาด ดื่มกินได้  ชะล้างร่างกายและจิตวิญญาณ  ลำธารที่ไม่มีวันหมดสิ้น  ซับน้ำริน ๆ ที่มองไม่เห็น  ซึ่งผุดขึ้นมาจากมหาสมุทรชีวิตใต้พื้นพิภพ ............
รวิวาร
เธอบอกให้ฉันเขียนถึงความรื่นรมย์  ฉันกล่าวตอบเธอในใจ“ความรื่นรมย์ที่ขมขื่นจะเอาไหม?”   ความจริง ฉันมีความรื่นรมย์ที่เผาไหม้ สนุกสนานสำราญใจที่ถูกแผดเผา  .........................................................................
รวิวาร
...ไม่กี่วันมานี้พบว่า การอาศัยอยู่ที่นี่เหมาะแก่การอ่าน วอลเดน* อย่างยิ่ง มีสิ่งร่วมในความคิดและประสบการณ์หลายอย่างบรรจุอยู่ในหนังสือเล่มที่เคยอ่านมาเนิ่นนาน ข้ามผ่านกาลเวลานับร้อย ๆ ปี ไม่น่าเชื่อเลยว่า บันทึกการใช้ชีวิตอย่างสมถะริมบึงชายป่าของธอโรจะหวนกลับมาสัมผัสใจ ทั้งที่ต่างยุคห่างสมัย......................................................... ฟ้าเย็นวานกว้างใหญ่ไพศาล แถบแสงจากดวงตะวันหลังเขาระบายเมฆเป็นขีดสีชมพูยาว ลูกสาวคนโตเมียงมองจากอ่างล้างจาน ร้องเรียกแม่ให้รีบมาดูก่อนเลือนหาย โลกเบื้องบนเปลี่ยนสีไปทีละน้อย ความมืดเติมส่วนผสมลงไป แปรเปลี่ยนสีสันของฟากฟ้า ค่อย ๆ เจือจาง…
รวิวาร
เรามาอยู่ที่นี่ใช่โดยน้ำพักน้ำแรงเราลำพัง  กว่าจะปลูกสร้างกระต๊อบได้ทั้งหลัง  อาศัยน้ำจิตน้ำใจและการหยิบยื่นไมตรีจากหลายชีวิตขอขอบคุณคุณแม่ของเราทั้งสองที่เลี้ยงดูเรามา ให้ได้รับการศึกษาอย่างดี  จากสถาบันที่มีเนื้อหา มีทรัพยากรและประวัติศาสตร์ซึ่งเอื้อโอกาสให้เราได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้  ขอบคุณที่แม่ไม่เคยปล่อยให้เราอดอยาก   แม้จะมีช่วงเวลายากลำบาก  แต่ก็ได้เรียนรู้  ฝ่าฟัน  เข้าอกเข้าใจ (ลูกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุดที่แม่เพียรพยายามแม้จะยากลำบากเพื่อที่จะเข้าใจวิถีของลูก  และปล่อยให้ลูกได้เลือกเส้นทางชีวิตของตนอย่างอิสระ)
รวิวาร
 บางครั้งหมอกก็ไหลมาตั้งแต่ดื่นดึก ห้อมล้อมบ้านของเราไว้เหมือนกองทัพสีขาวหนาวเย็น แล้วเมื่อแสงแรกจากเรือนจุดสว่างขึ้นยามสาง ลำแสงสีส้มก็ผ่าละอองหมอกออกเป็นทาง ธรรมชาติของหมอกนั้นอย่างไร บางคราว เราตื่นขึ้น แลเห็นรอบตัวได้ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่าง เห็นชายฟ้าด้านตะวันออกหลังแนวไผ่คู่หน้าประตูเป็นสีชมพูอ่อนๆ แต่แล้วไม่นาน สายธารแห่งหมอกกลับไหลรินสู่หุบเขา ทั้งจากด้านดงดอย ยอดเขาสูง แม่น้ำ ที่ลุ่ม และถนนจากเมือง ดาหน้ามาจากทุกทิศทาง ปิดกั้นบ้านน้อยของเราไว้ บางทีความคิดของเราก็ทำทีอย่างหมอก มียามที่มองอะไรไม่เห็น นอกจากฝ้าละอองเปียกชื้นเยียบหนาว ยามเดินออกจากตัวบ้าน…
รวิวาร
 ที่มาภาพ : http://www.geocities.com/thaishow2004/image/khonhead01.jpg หากเราจะรู้จักกัน  ฉันขอรู้จักเธอในฐานะมนุษย์ได้ไหม?  ไม่ใช่อะไรที่แวดล้อมเธอ  ภาพลักษณ์ บทบาท  ตำแหน่ง สถานะ  ไม่ว่าเธอจะเป็นดารา นักร้อง นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม ครู ผู้มีอำนาจ  ผู้ทรงความรู้  ที่ฉันอยากรู้จักจริง  ๆ คือมนุษย์คนหนึ่ง  ก็เมื่อเราปอกเปลือกหุ้มออกจนหมดสิ้นแล้ว เธอ ฉัน เราทุกคนจะเหลือสิ่งใดเล่า  นอกจากความเป็นมนุษย์ เปล่าเปลือยล่อนจ้อน  เธอย่อมรู้สึกหิวเหมือนที่ฉันหิว ทุกข์สุขโศกเศร้าเหมือนที่ฉันรู้สึก  เธอมีความรักเหมือนเช่นที่ฉันรัก …
รวิวาร
เริ่มแรกที่เขียนทำให้ได้พบว่า ฉันไม่เคยสื่อสารในลักษณะนี้มาก่อน ฉันพูดกับตัวเองมาตลอด เขียนบันทึก ห้วงรำพึง  โดยไม่ได้คำนึงว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ไม่เคยหวั่นว่าเนื้อหาจะลอย ข้ามไปข้ามมา อ่านไม่รู้เรื่อง เรื่องสั้นหรือบทกวีที่เคยเขียนล้วนแต่เป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง  เหมือนเล่าออกไปในน่านฟ้าอากาศ  เป็นรูปแบบที่เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วมีผู้คนมากมายได้อ่าน แต่ก็เสมือนผู้อ่านนามธรรม จนกว่าเราจะรู้จักกันจริง ๆ ฉัน ซึ่งคิดว่าการเขียนเป็นเรื่องง่ายดายเมื่อรู้แน่ว่าจะกล่าวสิ่งใด จึงรู้สึกติดขัด ไม่ลื่นไหล     คิดถึง “ต้นไม้”  แต่ก็ไม่รู้แน่ว่าอย่างไร…
รวิวาร
...หัวใจของฉันพยายามบอกหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน ขณะที่ความคิดเวียนวนสอดแทรก เจ้าความคิดนั้นเหมือนเครื่องกำเนิดอะไรสักอย่าง มันมีหน้าที่ขับส่งบางสิ่งออกมาไม่มีขาดตอน บางสิ่งที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดระเบียบ ไร้จุดจบ เว้นเสียแต่ว่าเราจะพยายามบีบเค้น หรือกำหนดทิศทางแก่มัน เช่น การใคร่ครวญเรื่องบางเรื่อง การคิดพล็อตเรื่อง หรือขบคิดปัญหาที่แก้ไม่ตก  ฉันกำลังรู้สึกว่า หัวใจถวิลหากระดาษสีนวลตา และปากกาหมึกซึมดี ๆ โต๊ะริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อน ๆ ไม่ใช่ห้องหนาวเหน็บ ไฟโคมสีส้ม และแป้นคีย์บอร์ดอย่างนี้ แต่ก็เอาเถอะหัวใจเอ๋ย ค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวเอง จนกว่าฉันจะพบคำเฉลยที่ดีสำหรับเจ้า…