Skip to main content

มีตาน้ำในตัวฉันไหม ผุดพุ่งเป็นตัวอักษร  สายน้ำน้อยๆที่ใสสะอาด ดื่มกินได้  ชะล้างร่างกายและจิตวิญญาณ  ลำธารที่ไม่มีวันหมดสิ้น  ซับน้ำริน ๆ ที่มองไม่เห็น  ซึ่งผุดขึ้นมาจากมหาสมุทรชีวิตใต้พื้นพิภพ

............

20080418 road

เสียงนกถักทอความสุขสงบเหนือท้องทุ่ง  แดดอ่อน ๆ และสายฝนโปรย  ลมที่โชย  ตะวันเยื้องย่างตามฤดูกาล  ทั้งหมดนั้น ธรรมชาติประทานความมั่นใจ ความอบอุ่นใจในการหล่อเลี้ยงจากแม่ชีวิตทำให้จิตใจเราสงบอย่างบอกไม่ถูก จนแม้กระทั่งเสียงอีกายามพลบก็ผ่อนคลาย  เต็มไปด้วยนิมิตหมายอันดี
    
ชีวิตไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์หรือไร มีแนวทางที่เราก้าวย่ำมา บอกร่องรอยเส้นทางข้างหน้าแม้ว่าจะไม่กำหนดชัดเจน  และก็เป็นการดีแล้ว ด้วยว่าทุกขณะ เราสามารถสร้างหนทางใหม่ๆ และหันเหไปยังทางอื่นที่ดูเหมาะควรกว่า และตรงต่อใจ   ชีวิตไม่รื่นรมย์หรอกหรือ ยามเราหยุดพัก ทิ้งตัวลง วางสัมภาระ  ออกจากความคิดชั่วขณะ ได้หันมองไปรอบๆ ได้เห็น ได้ยิน และสูดกลิ่นอาย        

สรรพสำเนียงชีวิตและทุกสิ่งรอบตัวช่างงดงาม กลมกลืนสอดคล้อง ชีวิตนั้นดีอยู่แล้ว งดงามและรื่นรมย์  เมื่อลุกขึ้นอีกครั้ง เรารู้ว่าเราจะไปไหน กำลังทำอะไร  เราก้าวเดินด้วยจิตใจไม่เร่งรีบ มีความสุขที่มีวันนี้ มีร่างกายที่ยังปกติสุขดี มีแสงแดดสีส้มอมทองสาดส่องลงมาคลายหนาว มีสายลมพัดแผ่วผิวกาย  เราประกอบการงานของเรา การงานที่พาเรากระโจนเข้าไปในความฝัน วาดสรรค์เสกแต้ม  ความสุขคือได้นิรมิต เสกสรรค์ปั้นแต่งให้เป็นอย่างใจ ด้วยเจตนารมณ์อันดีงาม ด้วยความหวัง ความเชื่อ ความรู้สึกที่ดี  ท่ามกลางผิวหน้ามหาสมุทรชีวิตที่อาจดูยุ่งยาก ...เราสร้างทางของเรา ด้วยการงานของเรา

ผู้คนมากมายไม่ล่วงรู้ความลับว่า อนาคตอยู่ที่ก้าวย่างของเขา  หมอดูผู้พยากรณ์จึงต้องทำงานหนัก  หากเรารู้จักตัวเอง ชัดเจนในสิ่งที่คิดฝัน ปรารถนา และไม่รอช้า ก้าวตามมันไป อนาคตย่อมแสดงตัวตามต้องการ เพียงแค่จินตนาการ และหลับตา หนทางก็ปรากฏแล้วบนฟากฟ้า
    
ความสงสัยมาจากความไม่มั่นใจอันไร้เหตุผล ความวิตกกังวลเกิดขึ้นบนอัตตา มันรู้จักเพียงโลกวัตถุ มองไม่เห็นโยงใยอันยิ่งใหญ่ ตาข่ายสีเงินแห่งจักรวาล โยงใยล่องหนของแมงมุมวิเศษที่กระพริบระยิบระยับเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ ส่งข่าวสารกลับมา สะท้อนตอบความปรารถนากลับไป  เราคือจุดแสงเล็ก ๆ พร่างพราวกลางข่ายใย พร้อมที่จะสรรค์สร้าง พร้อมที่จะแปรเปลี่ยน  เราไม่รู้ว่าเรามีมนตร์วิเศษอยู่ในมือ เห็นเพียงตัวเองเดินดุ่ม ๆ  เจ็บปวดรวดร้าว โดดเดี่ยวอยู่ในจักรวาล

ถูกแล้ว เป็นเพียงชีวิตหนึ่งในผืนผ้ากว้างใหญ่แห่งชีวิต เป็นดาราดวงน้อยในมหาสมุทรดวงดาวแห่งท้องนภา ทว่าทั้งหมดนั้นคือหนึ่งเดียว ยอมรับความเล็กน้อยเพื่อเข้าถึงความยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งคือทั้งหมด เป็นคนๆ เดียว คนเดียวแต่สามารถเชื่อมต่อทุกข์สุขกับทุกดวงใจ

.................................................................................

หนทางชีวิตเป็นอย่างนั้น ไม่ได้ปูลาดด้วยทองคำหรือกลีบกุหลาบ ชีวิตคือความเปลี่ยนแปลงไร้หลักประกัน  ทว่า ความหมายที่ซ่อนเร้นของมันคือโอกาส และความเป็นไปได้นับพัน  เราสามารถหยุดพัก หันเห เพิกถอนหรือกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า  เราไม่จำเป็นต้องทำเพื่อใคร หรือจุดหมายใด  เมื่อเราเดินไปใกล้จะถึงจุดหมาย  หาได้มีฝูงชนรอคอยที่จะปรบมือให้  เรามีเพียงความเอิบอิ่มและสุขใจที่ได้ใช้ชีวิต ได้ดำเนินมา อย่างที่เราเลือกเดิน  อาจหกล้มซวนเซบ้าง  หรือก้าวย่างอย่างงามสง่า  ทั้งหมดนั้นคือชีวิต  คือลีลาย่างก้าว  

ทวิภาวะพาเราดำเนิน  มายาการไม่ใช่กับดัก แต่เป็นแรงผลักสู่สัจภาวะ  เราจะรู้เมื่อเรามุ่งหมายที่จะรู้  เราเรียนรู้วันละนิดละหน่อย  “วันนี้  ฉันได้ประจักษ์ความจริงหนึ่งข้อ”  ตอลสตอยว่า  หนทางที่รางเลือนจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น  ขอเพียงติดตามเสียงเรียกของหัวใจ  ก้าวตามความฝันใฝ่

ใครก็ตามที่เฝ้าฟังเสียงหัวใจ   แม้เสียงนั้นจะดูวิปลาสเพียงไหน (ฉันขอย้ำคำกล่าวของธอโร) ย่อมเข้าถึงสติปัญญาอันยิ่งใหญ่  จากเสียงกระซิบแผ่วเบาคราแรก  สู่เสียงเพรียกพลิ้วกังวานใส   จากนั้นแปรเป็นบทเพลง  เป็นเสียงดนตรีไพเราะ  เป็นท่วงทำนองหวานแว่วเสนาะ  แทรกซึมซ่านลึกถึงภายใน  เสียงซึ่งก้องกังวาน แจ่มชัด บอกเล่ากล่าวขาน  นำทางสู่ชีวิตใหม่  ชีวิตที่สอดคล้องกับหัวใจ  ความปรารถนาและฝันใฝ่  ตัวตนที่แท้จริงในเรา  

......................................................................................

*สามีฉันบอกเหมือนเทศนา ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ  หากมันจะเป็นการสอน  ก็คงจะเป็นการทบทวนสอนสั่งตัวฉันเท่านั้น

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
“ตื่นมาทุกเช้า อย่าลืมทำดีให้ตัวเอง”  ประโยคนี้นึกขึ้นเมื่อสาย  ยังดีเป็นสายที่มีแดดส่อง  ไม่ใช่สายเกินไป  สายเกินการณ์......“เขียนหนังสือ”  เขียนทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย  ไม่ยากเนื่องจากเรารู้ และคิดหัวข้อเรื่องไว้มากมาย  แต่ที่ไม่ง่ายคือ  แรงบันดาลใจสดใหม่ขณะเขียนสำหรับฉันแล้ว “แรงบันดาลใจ”  คือความรู้สึกล้นปรี่ที่ขับความปรารถนา  ความสุข และความกระหายภายในพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษร  ความรู้สึกเช่นนั้นเป็นความรู้สึกของความสุขหรรษา และการสร้างสรรค์อันเบิกบาน  วันใดที่เริ่มต้นยามเช้าด้วยความขุ่นข้องหมองจิต …
รวิวาร
มีตาน้ำในตัวฉันไหม ผุดพุ่งเป็นตัวอักษร  สายน้ำน้อยๆที่ใสสะอาด ดื่มกินได้  ชะล้างร่างกายและจิตวิญญาณ  ลำธารที่ไม่มีวันหมดสิ้น  ซับน้ำริน ๆ ที่มองไม่เห็น  ซึ่งผุดขึ้นมาจากมหาสมุทรชีวิตใต้พื้นพิภพ ............
รวิวาร
เธอบอกให้ฉันเขียนถึงความรื่นรมย์  ฉันกล่าวตอบเธอในใจ“ความรื่นรมย์ที่ขมขื่นจะเอาไหม?”   ความจริง ฉันมีความรื่นรมย์ที่เผาไหม้ สนุกสนานสำราญใจที่ถูกแผดเผา  .........................................................................
รวิวาร
...ไม่กี่วันมานี้พบว่า การอาศัยอยู่ที่นี่เหมาะแก่การอ่าน วอลเดน* อย่างยิ่ง มีสิ่งร่วมในความคิดและประสบการณ์หลายอย่างบรรจุอยู่ในหนังสือเล่มที่เคยอ่านมาเนิ่นนาน ข้ามผ่านกาลเวลานับร้อย ๆ ปี ไม่น่าเชื่อเลยว่า บันทึกการใช้ชีวิตอย่างสมถะริมบึงชายป่าของธอโรจะหวนกลับมาสัมผัสใจ ทั้งที่ต่างยุคห่างสมัย......................................................... ฟ้าเย็นวานกว้างใหญ่ไพศาล แถบแสงจากดวงตะวันหลังเขาระบายเมฆเป็นขีดสีชมพูยาว ลูกสาวคนโตเมียงมองจากอ่างล้างจาน ร้องเรียกแม่ให้รีบมาดูก่อนเลือนหาย โลกเบื้องบนเปลี่ยนสีไปทีละน้อย ความมืดเติมส่วนผสมลงไป แปรเปลี่ยนสีสันของฟากฟ้า ค่อย ๆ เจือจาง…
รวิวาร
เรามาอยู่ที่นี่ใช่โดยน้ำพักน้ำแรงเราลำพัง  กว่าจะปลูกสร้างกระต๊อบได้ทั้งหลัง  อาศัยน้ำจิตน้ำใจและการหยิบยื่นไมตรีจากหลายชีวิตขอขอบคุณคุณแม่ของเราทั้งสองที่เลี้ยงดูเรามา ให้ได้รับการศึกษาอย่างดี  จากสถาบันที่มีเนื้อหา มีทรัพยากรและประวัติศาสตร์ซึ่งเอื้อโอกาสให้เราได้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้  ขอบคุณที่แม่ไม่เคยปล่อยให้เราอดอยาก   แม้จะมีช่วงเวลายากลำบาก  แต่ก็ได้เรียนรู้  ฝ่าฟัน  เข้าอกเข้าใจ (ลูกขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างที่สุดที่แม่เพียรพยายามแม้จะยากลำบากเพื่อที่จะเข้าใจวิถีของลูก  และปล่อยให้ลูกได้เลือกเส้นทางชีวิตของตนอย่างอิสระ)
รวิวาร
 บางครั้งหมอกก็ไหลมาตั้งแต่ดื่นดึก ห้อมล้อมบ้านของเราไว้เหมือนกองทัพสีขาวหนาวเย็น แล้วเมื่อแสงแรกจากเรือนจุดสว่างขึ้นยามสาง ลำแสงสีส้มก็ผ่าละอองหมอกออกเป็นทาง ธรรมชาติของหมอกนั้นอย่างไร บางคราว เราตื่นขึ้น แลเห็นรอบตัวได้ชัดเจนเป็นรูปเป็นร่าง เห็นชายฟ้าด้านตะวันออกหลังแนวไผ่คู่หน้าประตูเป็นสีชมพูอ่อนๆ แต่แล้วไม่นาน สายธารแห่งหมอกกลับไหลรินสู่หุบเขา ทั้งจากด้านดงดอย ยอดเขาสูง แม่น้ำ ที่ลุ่ม และถนนจากเมือง ดาหน้ามาจากทุกทิศทาง ปิดกั้นบ้านน้อยของเราไว้ บางทีความคิดของเราก็ทำทีอย่างหมอก มียามที่มองอะไรไม่เห็น นอกจากฝ้าละอองเปียกชื้นเยียบหนาว ยามเดินออกจากตัวบ้าน…
รวิวาร
 ที่มาภาพ : http://www.geocities.com/thaishow2004/image/khonhead01.jpg หากเราจะรู้จักกัน  ฉันขอรู้จักเธอในฐานะมนุษย์ได้ไหม?  ไม่ใช่อะไรที่แวดล้อมเธอ  ภาพลักษณ์ บทบาท  ตำแหน่ง สถานะ  ไม่ว่าเธอจะเป็นดารา นักร้อง นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม ครู ผู้มีอำนาจ  ผู้ทรงความรู้  ที่ฉันอยากรู้จักจริง  ๆ คือมนุษย์คนหนึ่ง  ก็เมื่อเราปอกเปลือกหุ้มออกจนหมดสิ้นแล้ว เธอ ฉัน เราทุกคนจะเหลือสิ่งใดเล่า  นอกจากความเป็นมนุษย์ เปล่าเปลือยล่อนจ้อน  เธอย่อมรู้สึกหิวเหมือนที่ฉันหิว ทุกข์สุขโศกเศร้าเหมือนที่ฉันรู้สึก  เธอมีความรักเหมือนเช่นที่ฉันรัก …
รวิวาร
เริ่มแรกที่เขียนทำให้ได้พบว่า ฉันไม่เคยสื่อสารในลักษณะนี้มาก่อน ฉันพูดกับตัวเองมาตลอด เขียนบันทึก ห้วงรำพึง  โดยไม่ได้คำนึงว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ไม่เคยหวั่นว่าเนื้อหาจะลอย ข้ามไปข้ามมา อ่านไม่รู้เรื่อง เรื่องสั้นหรือบทกวีที่เคยเขียนล้วนแต่เป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง  เหมือนเล่าออกไปในน่านฟ้าอากาศ  เป็นรูปแบบที่เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วมีผู้คนมากมายได้อ่าน แต่ก็เสมือนผู้อ่านนามธรรม จนกว่าเราจะรู้จักกันจริง ๆ ฉัน ซึ่งคิดว่าการเขียนเป็นเรื่องง่ายดายเมื่อรู้แน่ว่าจะกล่าวสิ่งใด จึงรู้สึกติดขัด ไม่ลื่นไหล     คิดถึง “ต้นไม้”  แต่ก็ไม่รู้แน่ว่าอย่างไร…
รวิวาร
...หัวใจของฉันพยายามบอกหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน ขณะที่ความคิดเวียนวนสอดแทรก เจ้าความคิดนั้นเหมือนเครื่องกำเนิดอะไรสักอย่าง มันมีหน้าที่ขับส่งบางสิ่งออกมาไม่มีขาดตอน บางสิ่งที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดระเบียบ ไร้จุดจบ เว้นเสียแต่ว่าเราจะพยายามบีบเค้น หรือกำหนดทิศทางแก่มัน เช่น การใคร่ครวญเรื่องบางเรื่อง การคิดพล็อตเรื่อง หรือขบคิดปัญหาที่แก้ไม่ตก  ฉันกำลังรู้สึกว่า หัวใจถวิลหากระดาษสีนวลตา และปากกาหมึกซึมดี ๆ โต๊ะริมหน้าต่าง แสงแดดอ่อน ๆ ไม่ใช่ห้องหนาวเหน็บ ไฟโคมสีส้ม และแป้นคีย์บอร์ดอย่างนี้ แต่ก็เอาเถอะหัวใจเอ๋ย ค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวเอง จนกว่าฉันจะพบคำเฉลยที่ดีสำหรับเจ้า…