Skip to main content

ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย

จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย คนเลี้ยงวัวที่พาเสียงกระดึงกังวานผ่านหน้าบ้านยามย่ำค่ำของฤดูหนาวหายเข้าไปในขนัดสวนใกล้ ๆ แกกลับออกมาอีกครั้งพร้อมเห็ดตับเต่าถุงใหญ่ ค่ำคืน แมงเม่า แมงมันพากันบินมาตอมดวงไฟ แมงจอนหรือแมงกระชอนเล็บคมตัวใหญ่ก็กระโดดมากับเขาด้วย เหล่านี้เอง อาหารแผ่นดิน สายฝนปลุกโลกให้ตื่น เรียกมวลธาตุส่งพลังชีวิตให้แก่พืชพรรณ ปลุกอึ่งอ่าง กบ เขียด และสัตว์จำศีลออกมาจากใต้พิภพ ถึงเวลาเริงร่าแล้ว น้ำทิพย์จากฟ้ามีของบำรุง ต่อให้รดน้ำต้นไม้ทุกวันก็สู้ความอุดมสมบูรณ์จากสายฝนไม่ได้

ถึงราคาข้าวจะแพงขึ้น แต่ถ้าปลูกข้าวไร่ไว้กินเองก็คงพอไหว ธรรมศาสตร์กับศิลปากรไม่ได้สอนทำไร่เสียด้วยสิ แต่คงต้องลองดูแล้ว มะงุมมะงาหรา ทั้งพืชผักดอกไม้ กว่าจะเข้าใจธรรมชาติของเขา กลางฤดูร้อนได้พบน้องชายคนหนึ่ง ซึ่งเรียนรู้อยู่กับผืนดินและปราชญ์ชาวบ้าน เขาเล่าเรื่องการฟื้นตัวของผืนป่าให้เราฟัง...ถึงป่าจะถูกล้มโค่น แต่ไม่จำเป็นต้องปลูกต้นไม้ด้วยซ้ำ เพียงแต่วางใจและรอเวลา ป่าไม้ก็จะงอกงามขึ้นมาใหม่ จากโคน จากตอเก่า และเมล็ดที่ฝังตัวอยู่ในดิน นี่เอง ความลับที่เราจะได้เรียนรู้ “จงวางใจในธรรมชาติ เพราะธรรมชาติมีกระบวนการวิเศษของตน โดยมนุษย์ไม่จำเป็นต้องแทรกแซง”


กลับไปรดน้ำดำหัวคนเฒ่าคนแก่เมื่อช่วงสงกรานต์ เล็บมือนางที่บ้านเก่าบานสะพรั่งปีนป่ายปกคลุมตอมะม่วงผุที่น้องชายตั้งใจทำเป็นซุ้ม ก่อนหน้านั้น มันยืนนิ่งอยู่สองสามปี กระปลกกระเปลี้ย ถูกหนอนและแมลงที่หนีมาจากไร่นาอาบยาพิษกัดแทะ เจ้าเล็บมือนางที่เดินทางมาไกลเหลือเกิน พ่อแม่ของมันมาจากร้านต้นไม้ริมคลองในบางกอกครั้งที่เราอาศัยอยู่ที่นั่น นานเกินสิบปี เราย้ายนิวาสถานมาไม่รู้กี่ครั้ง บัดนี้ มันยืนหยัดแข็งแรง ต่อสู้แมลงและโรคร้าย ทำความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น ที่ตูบตีนดอย เรานำมาปลูกเช่นกัน มันยังเฉาซบ สู้ชีวิต พยายามออกดอกสองสามพวง แต่เราเชื่อว่ามันจะฟื้นตัว ออกดอกชมพูขาวสะพรั่ง กรุ่นกลิ่นหอม ละลายรั้วลวดหนามอันน่าชัง


..............


ชวนผู้อ่านของฉันมาสำราญผ่อนคลายบ้างดีกว่า มาลิ้มรสฤดูกาลกัน หน้าร้อนที่เพิ่งผันผ่าน เรามีแกงผักหวานป่าจากยอดดอย เก็บเอาแต่ยอดและก้านอ่อน ๆ ผักหวานป่าแกงกับหมูหรือปลาแห้งก็ได้ จะบอกให้ว่า ชั้นแต่แกงเปล่า ๆ ยังหวานกรอบ อร่อยกว่าก้านแข็ง ๆ ใบแก่เหนียวของผักหวานบ้านในตลาด แต่ที่คนเหนือเขาว่าวิเศษสุดยอดก็คือ แกงกับไข่มดแดง ไม่เชื่อลองอ่านแคนโต้ของคุณฐาปนา พึ่งลออ เจ้าของคอลัมน์ “ทางใบไม้” ดู


แกงผักหวานใส่ไข่มดส้ม

ปีละหน พลาดไม่ได้ !
(
เป็นบทกวีเยินยอความเลิศรสของแกงผักหวานใส่ไข่มดส้ม แม้ลึก ๆ ผู้เขียนอาจจะชอบแกงใส่ปลาทูแบบเผ็ดโลด อมเปรี้ยวอมหวาน ตำรับศรีภริยาชาวเพชรฯมากกว่าก็ตาม)


ปีกลาย หลายคนอดกินเห็ดเผาะ เพราะมีข่าวคนกินแล้วป่วยกันมาก ในป่าในพงหญ้ารกร้างมีใครทิ้งขยะประหลาด เกิดการปนเปื้อนสารเคมีในน้ำและในดิน กระทั่งเทาน้ำ สาหร่ายสีเขียวคล้ายเส้นผมที่ลอยฟ่องงอกงามในท้องนา เดี๋ยวนี้ต้องทำบ่อเลี้ยงต่างหาก กุ้งหอย ปูปลา สัตว์เล็กสัตว์น้อยและพืชผักในทุ่งที่เคยนำมาปรุงรวมกันเป็นแกงพื้นบ้านชนิดต่าง ๆ ได้ชิมลิ้มรสตามฤดูกาล เชื่อมโยงจิตใจกับฟ้าดินเริ่มหดหาย ที่พอมีให้เห็นก็น่ากลัว ไม่เป็นที่ไว้ใจ

เฮ้อ! ว่าจะไม่บ่นแล้วสิน่า กลับมาพูดเรื่องสำรับสวรรค์กันต่อดีกว่า เมื่อฟ้าเบื้องบนประทานสายฝนมา หน่อไม้หน่อไร่ก็แทงยอดอ่อนๆ โผล่พ้นจากดิน จากนั้น ใครบางคนก็คว้ากระบุงตรงเข้าไปในป่า เก็บเห็ดเผาะอ่อน ๆ ลูกกลม ๆ เล็ก ๆ เนื้อข้างในเป็นสีขาวครีมออกมา แม่ครัวทั้งหลายก็พร้อมจะปรุงแกงถ้วยแรกรับฤดูกาล แกงเห็ดถอบใส่หน่อไม้ ใช้เครื่องปรุงธรรมดานี่เอง พริกแห้ง หอม กะปิ กระเทียม โขลกลงไปให้ละเอียด จุดไฟ ตั้งน้ำ ต้มกระดูกและเนื้อหมูรอไว้เหมือนเราทำน้ำซุป (หรือจะไม่ใส่หมูก็ได้) ส่วนหน่อไม้ จะเป็นหน่อไม้หวานก็ได้ หน่อไม้บงไม้ซางก็ดี ล้างให้สะอาดแล้วซอยยาวแต่อย่าให้บางมาก จะได้เคี้ยวกรอบ ๆ ใส่หน่อไม้ลงไปต้มกับหมู อาจจะนานหน่อยเพราะหน่อไม้ต้องใช้เวลา พอได้น้ำซุปหวาน ๆ แล้วก็เทน้ำพริกลงไป เมื่อเดือดได้ที่ กะว่าทุกอย่างสุกดีไม่เหม็นเครื่องแกง ก็เอาของวิเศษจากป่าที่ฟ้าประทาน -เห็ดเผาะใส่ลงไป สักครู่เดียวก็ได้สำรับชาวฟ้า “แกงเห็ดถอบใส่หน่อไม้” กินแล้วรู้สึกได้ถึงดินและฟ้า


2_07_01


แถมให้อีกหนึ่งสำรับ
“แกงเห็ดห้าใส่ใบส้มป่อย” อันนี้ก็ฟ้าประทานมาเหมือนกัน จะได้กินก็ต่อเมื่อยามฝนเท่านั้น นำเห็ดตับเต่าหรือเห็ดห้ามาล้างดินออกให้เกลี้ยง เพราะมันมักขึ้นตามหัวไร่ปลายนา ตามโคนต้นกล้วยหรือไม้ใหญ่ชื้น ๆ ร่ม ๆ (แต่ก่อนมักขึ้นใต้ต้น “ไม้ห้า” เข้าใจว่าเรียกชื่อตามนั้น) ก้านแข็ง ๆ ไม่เอานะ เอาเฉพาะดอกกับก้านอ่อน ซอยเป็นชิ้น ๆ พอคำ วางเตรียมไว้ ตำน้ำพริกคล้ายแกงเห็ดถอบแต่เพิ่มถั่วเน่าแผ่นผิงไฟหอม ๆ บิลงครกสักเสี้ยว กับปลาร้าแค่ปลายช้อน ตำให้แหลก ตั้งน้ำให้เดือด ตักน้ำพริกลงใส่ ตามด้วยเห็ดห้า รอสักพัก ชิมดู ถ้ายังไม่เข้มข้นสะใจ ให้ตักน้ำมาหน่อยหนึ่ง กวัดแกว่งสากล้างครก เทน้ำพริกที่ละลายจากครกนั้นเองลงไป พอใกล้จะสุก ให้รีบวิ่งออกไปในสวน เด็ดยอดส้มป่อย ระวังหนามด้วย ถ้าไม่มีส้มป่อยให้ละลายมะขามเปียกนิดหน่อย หรือรูดใบมะขามอ่อนที่เพิ่งแตกยอดริมรั้ว ล้างผ่านน้ำเร็ว ๆ ไม่ต้องกลัวพิษเพราะเราไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ขยุ้มใส่อย่างมั่นใจลงในหม้อ ส้มจะเพิ่มความเข้มข้นแก่น้ำแกง และให้รสชาติอมเปรี้ยวอร่อยล้ำ


เฮ้อ
!...ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคอลัมน์นี้จะมีรายการอาหารด้วย คงเพราะแอบเคร่งเครียดอยู่ลึก ๆ ข้างในจนต้องให้อาหารมาเรียกรอยยิ้ม มาให้กำลังใจกันในยามข้าวยากหมากแพง คนธรรมดาอย่างเรา เก็บผักเก็บหญ้า หาผักริมรั้วกินกันดีกว่า แต่ถ้าคุณอยู่ในเมือง ก็คงยากเหมือนกัน หรือจะทำสวนกระถาง ปลูกผักสวนครัวดี ฉันเคยมีสวนผักบุ้งบนระเบียงคอนโดฯด้วย


*
ฉันส่งงานชิ้นนี้ล่าช้าไปโข เพราะมัวแต่รอภาพเห็ดเผาะ น่าเศร้าใจที่ปีนี้เห็ดถอบออกน้อยผิดปกติ จึงขอเรียนเชิญทุกท่านจินตนาการโดยเสรี...

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *
รวิวาร
  มาพร้อมกับดีเปรสชั่น ซึ่งอ่อนแรงผันแปลงจากไต้ฝุ่น..น้ำฟ้า ซึ่งทำคุณบ้า เที่ยวสำรวจตรวจตราต้นไม้ ขุดหลุมลงต้นกล้ารุ่นสุดท้าย ความลุ่มหลงผูกพันต่อสิ่งที่ลงมือ ปลูก สอดส่องดูแล รดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย อาณาจักรหัวใจคุณขยายไปตามมุมสวน ลักษณาการของกิเลสแบบpassion แนบเนื่องและยึดติด คุณเฝ้ามองชีวิตแต่ละช่วง แต่ละขณะ เคลื่อนไปสู่จุดต่าง ๆ ตัวตนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนพื้นดินหลักแห่งอุปนิสัย แต่ละช่วงเวลา มันได้ใส่สิ่งใดลงไป คุณนั่นเองใส่รายละเอียดลงไป แม้บางครั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัว คุณกลายเป็น กลายเป็น และกลายเป็น...สิ่งใหม่เรื่อย ๆ
รวิวาร
สมมติว่าแม่พูดอยู่กับลูก สมมติว่าลูกเข้าใจทุกอย่างที่แม่พูด...   เช้าวันนี้ แม่รู้สึกเศร้าๆอยู่บ้าง แม่พลิกดูปฏิทินเมื่อสองสามวันก่อน บิลค่าไฟฟ้าใกล้จะมาแล้ว แม่เปิดกระเป๋าสตางค์ทุกใบในบ้าน เดินไปค้นกระป๋องคุ้กกี้ในห้องพี่เชน นับธนบัตรไม่กี่ใบที่มีอยู่ในกระเป๋าราวกับมันจะงอกเพิ่มขึ้นมา แม่ออกมามือเปล่า แหงนดูฟ้า ฝนยังทำท่าว่าจะตก
รวิวาร
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยผ่าน  สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ถูกแล้ว  เราต้องลับดวงตาให้แหลมคมสว่าง  ระมัดระวังอย่าสับสนกับถ้อยคำทั่วไป “ง่าย ๆ สบายๆ ไม่ซีเรียส”  ความโง่เขลามักง่ายมีโฉมหน้าคล้ายกันนี้
รวิวาร
ชีวิตเป็นเรื่องลึกซึ้ง อีกเพียง 2 ฤดูฝนฉันก็จะอายุสี่สิบแล้ว เมื่อวาน หัวใจยินดีที่ตระหนักขึ้นว่า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่มีความหมาย เมื่อคืนยังตั้งคำถาม ค้นลึกไปในพฤติกรรมของตน...
รวิวาร
ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก…
รวิวาร
 เช้าจรดเย็นของเดือนสิงหา มีเสียงโป๊กเป๊กของลูกลำไยหล่นกระทบก้นถังไม่ขาด สวนนี้สวนนั้นทยอยกันเก็บ ที่กว้างมากก็จ้างคน  บ้างฮึดเหนื่อยเอง บางเจ้าคร้านจะลงทุนในเมื่อราคาทรุดฮวบ ถูกกว่าปีที่แล้วเท่าตัว ตัดสินใจขายเหมามันทั้งสวน
รวิวาร
  ความรักของแม่หวานจับใจดั่งน้ำอ้อยน้ำตาล วันเดือนปีล่วงผ่าน ลูกปรารถนาดื่มกินเสมอ...
รวิวาร
มันแน่อยู่แล้ว ที่คุณรู้สึกอึกอัก เก้อกระดากหากจะกล่าวถึงความจน บางครั้งคุณคิด การเขียนถึงชีวิตตัวเองนั้นช่างเปล่าเปลือย เชื้อเชิญผู้อื่นเปิดหม้อข้าว เข้ามาดูถึงในมุ้งเชียวหรือ มันเหมือนบอกเล่ากับคนอื่น ขณะเดียวกัน พูดคุยกับตัวเอง เมื่อคุณถ่ายเทความคิดผ่านอักษรปีแล้วเดือนเล่า คุณก็คุ้นเคยที่จะทำส่วนตัวให้กลายเป็นสาธารณะ
รวิวาร
 ฤดูนี้เป็นฤดูตามหาดอกไม้ ฉันยอมรับกับตัวเองเมื่อสำรวจผืนดินแล้วพบว่า ที่หัวใจใฝ่หาคือมวลมาลีสวยสด มากยิ่งกว่าพืชผัก ผุดขึ้นก่อนปากท้องคืออาหารตาอาหารใจ เถอะน่า ติดตามหัวใจไป ใช่จะละทิ้งร่างกายเสียเมื่อไหร่ ผักบุ้งปลูกแล้ว รวมทั้งผักชี กุยช่าย แคต้น กะเพราขาว กระเพราแดง ผักชีฝรั่ง มะกรูด มะนาว แมงลัก ถั่วพูที่เพาะไว้ในกระถางแอบเลื้อยไว ๆ เมล็ดน้ำเต้าที่น้องสาวเก็บมาฝากจากสวนพันพรรณของพี่โจน จันใด แตกใบ แต่ตกเป็นอาหารหอยทาก
รวิวาร
 หนูมาเยือนในวสันตฤดู เช้านั้นโลกนุ่มนวล หมอกฝนแผ่ละอองไอชื้น ขาวๆนุ่มๆทั่วภูเขา วันคล้ายวันเกิดป้าผ่านไปเพียง 4 วัน แม่ของหนูก็ส่งข่าวมาบอก ได้ลูกสาวแล้ว ป้าพูดกับลุงว่า วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง มีเด็กหญิงเล็กๆคนหนึ่งมาเยือนโลก คิดดูสิ เด็กทารกน้อยตัวแดงๆ นอนบริสุทธิ์อยู่บนเบาะ ป้าหลับตา เห็นหนูตัวเปล่งประกาย วิญญาณพรายพร่าง รอบเบาะนอน มีนางฟ้าแย้มยิ้ม เห่กล่อมเพลง เทวดาต้องยินดีแน่ๆที่มีดวงวิญญาณจุติในโลก เพราะว่าสถานที่นี้แสนงดงามและมีความหมายพิเศษ พระพุทธองค์บอกว่า โอกาสในการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เหมือนเต่าตัวหนึ่งซึ่งนานนับกับกัลป์กว่าจะลอยคอขึ้นมาในมหาสมุทรสักครั้ง…
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง…