Skip to main content
ความเรียงเวอร์ชั่นนักเลง-จิ๊กโก๋ (แต่ไม่ตีหัวเข้าบ้าน)

 

(1)


"ณ ที่ ซึ่ ง ด ว ง ตะวั น ฉา ย แ ส ง "

(รจนา ณ ต.ป่ากุ่ม, บ้านป่ากุ่ม, อ.สวรรคโลก, จ.สุโขทัย)

 

@ ยา ม อ รุ ณ แสงตะวันยามเช้าทอแสงสัมผัสใจ - กาย แลพริ้มพลิ้วแห่งสายลม.... เขาว่ากันว่า คนวัยกลางคนต้องได้รับแสงตะวันอ่อนๆ ทั้งยามเช้า และยามเย็น ได้รับวิตามินดีที่ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน (คนหนุ่มก้อเหอะ อย่าประมาท)... ข้าฯ จึงต้องเดิน - นั่ง เล่นพลังลมปราณ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ทอดวง

 

นมัสการดวงตะวัน - - - ข้าฯ นั่ง ณ ลานม้าหินอ่อน บ้านของ "แม่ลี", "พ่อริน" และ "น้องสายชล" ภริยาของ "พัฒน์ "นักดนตรีทุกเวอร์ชั่นแห่งร้านผับ "สุดสะแนน" ในขณะที่หนู "ภู ตะวัน" (ชื่อนี้ "นาโก๊ะลี" กวีนักเขียน นักดนตรี เพื่อนของ "พัฒน์" เป็นผู้ตั้งชื่อให้) ลูกสาวของเธอวิ่งเล่นกับเด็กๆ ญาติพี่น้อง ณ ลานบ้านอันกว้างใหญ่ไพศาล ณ ที่นี้คือบรรยากาศลูกทุ่งแท้จริง ซึ่งเราหาโอกาสสัมผัสได้ยากนัก !


... เด็กๆ ในโลกนี้คือ ดวงตะวันยามเช้า คือ เดือน ดาว ยามค่ำคืน... เด็กๆ งามงดบริสุทธิ์ใสเสมอ - - - เด็กๆ คือ สีสันของแผ่นดิน!


"ณ ที่ ซึ่ง ด ว ง ตะ วั น ฉา ย แ ส ง" ประชาชนมนุษยชาติ จักต้องต่อสู้กันต่อไป ตราบบรรลุชัยแห่งความงดงาม !!!

 

(2)


"กา ร เ มื อ ง ใ ห ม่" - กา ร เ มื อ ง ภา ค ป ระ ชา ช น

(ลี ลา เ พ ล ง ก ระ บี่ ไ ร้ ก ระ บ ว น ท่า น อ ก รั ฐ ส ภา)


มิใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดเลย ที่มีการเสนอเรื่อง "กา ร เ มื อ ง ใ ห ม่" - - - นับจากปี พ.ศ. 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบศักดินาสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตก จนถึงปรัตยุบันนี้ 77 ปี เข้ามาแล้ว บ้านเราก็ยังไม่ไปไหนซักกะที


- - - ตอนการเปลี่ยนแปลงโค่นล้มโดย " คณะราษฏร์" (พลเรือน ทหาร ตำรวจ ฯลฯ) เองก็ไม่เอาจริง (ทำไมไม่เอาจริง? ให้ค้นคว้าหาสาเหตุเอาเองเถิดพะยะคับ) ดังนั้น เราจึงมีระบบประชาธิปไตยแฝงเร้นจอมปลอม ผสมผสานปนเปเป็น แกงโฮ๊ะ (แกงรวม) กันไปหมด ความจริงแกงโฮ๊ะนี้อร่อยนะ แต่แกงโฮ๊ะแบบจอมปลอมนี้มันพะอืดพะอมอยากฮาก (อวก) หว่ะ เราจึงมีระบบประชาธิปไตยเจ้าเล่ห์แฝงเร้น ผสมผสานไปด้วยระบบศักดินา - อมาตยาธิปไตย, ระบบเผด็จการพลเรือนรัฐสภา (ที่ ฯพณฯ ทั่นอ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ซื้อเสียงมาเผด็จการกอบโกย โกงกินยัดห่าผลประโยชน์อันมหาศาล (มิแตกต่างเผด็จการทหาร) ด้วยโครงการ แม๊กกะโปรเจ็คต่างๆ นานา ตลอดจนการแทรกแซงองค์กรอิสระ และสื่อที่จะตรวจสอบ ไม่นับการเผด็จการสั่งฆ่าตัดตอนโดยไม่ผ่านขบวนการทางศาล ฯลฯ (เรามิได้ดูถูกหมิ่นหยามพี่น้องประชาชนชาวบ้าน หรือชนชั้นกลางในเมืองบางแห่งว่า โง่ ขายเสียง (ดังที่นักประชาธิปไตยตะวันตกจ๋าวิพากษ์ดอก พี่น้องประชาชนชาวบ้าน ชาวรากหญ้าที่ถูกกดขี่จากโครงครอบระบบสังคมเผด็จการสามานย์ทุกสายพันธุ์ เขาไม่รู้จะไปพึ่งพิงใคร ในระบบอภิมหาบริโภคทุนนิยมสามานย์สุดโต่งนี้ "มรึงเอาเงินมาให้กู กูก้ออาวววซีวะ"


- - - เเถมนักธุรกิจกินเมือง โกงเมือง นักเลือกตั้งเผด็จการยังมาท้าทายประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อรากเหง้าวิถีชีวิต (และของพวกเอ็ง พวกลูกหลาน เหลน โหลน หลีด ลี้ ฯลฯ ของเอ็งตวย) ว่า "พวกมึงแน่จริงมาลงแข่งขันเลือกตั้งกะพวกกูซีโว๊ย อย่าเดินขบวบ อย่าเป็นแก๊งการเมืองบนท้องถนน (เรื่องนี้น้าหมัก สมัคร สุนทรเวช ก็เคยดูถูกประชาชนมาแล้วด้วยความไร้เดียงสาของน้าหมัก และด้วยความคิดเผด็จการของน้าหมักเอง มันน่าขำแกมสมเพศ ฯลฯ) ท้าทายประชาชน นักวิชาการ นักวิพากษ์สังคม และผู้รักชาติประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ฯลฯ

 

อั้นแน่ อันแน่ สวยละซี ฯพณฯ ทั่น พูดแบบไร้กิ๋นเช่นนี้ เขาก็จะตอบตีแสกหน้าดัวยลีลานักเลง จิ๊กโก๋ปากซอยตวาดไปว่า " ปั๊ดโธ่เว๊ย ไอ้หอกหัก (ภาษาน้าหมัก) ถ้ามึงแน่จริงมึงอย่าหน้าด้านซื้อเสียงซีวะ ก็พวกมึงเล่นทั้งระดับท้องถิ่น จังหวัด ระดับประเทศ มันทูเรชั่ยหว่ะ ใครจะไปสู้กะมึงได้ ไอ้พวกขี้โกง ขี้ขลาดตาขาว เกือบทุกพรรคที่ผ่านมา และกำลังจะเกิดขึ้น เล่นเล่ห์เพทุบาย วอกนัก(โกหก)กันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นพรรคมนังคศิลา, ประชาธิปัตย์, กิจสังคม, ชาติไทย, ไทยรักไทย,พลังประชาชน ฯลฯ

 

พวกนักธุรกิจกินเมืองโกงเมือง มักจะโง่เขลาดักดาน (หรือแกล้งโง่เพื่อผลประโยชน์) และดูถูกหมิ่นหยามการต่อสู้ การเคลื่อนไหวของพี่น้องการเมืองภาคประชาชน ที่ต้องตรวจสอบพวกบ้าอำนาจไร้เกียรติ ไร้ชีวิต ไร้ศักดิ์ศรี เหล่านี้ ฯลฯ มิใช่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งแล้วไม่ให้ประชาชนตรวจสอบกลโกง หรือชุมนุมเดินฃบวน


พุดโธ่ ช่างไร้กิ๋น ไร้วุฒิภาวะเสียจิงจิง มันของปลอมหว่ะ

 

- - - และ ขณะ นั่งเขียนนี้ ณ เพลา นี้ ข้าฯ เดินทางไกลมาถึงอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จ. ตาก กับ "นาโก๊ะลี", "พัฒน์", น้องปอน น้องต้า ... นักศึกษาคณะศิลปกรรม และ คณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยราชมงคลเชียงใหม่ พร้อมทั้ง "หมี" นักดนตรี และทำงานขายคอมพิวเตอร์แห่งตาก ฯลฯ

 

...ที่นี่อากาศดีชะมัดญาติ อยู่ท่ามกลางขุนเขา แมกไม้ สายธาร และมวลหมู่มิตรสหาย แล พี่น้องร่วมแผ่นดิน ฯลฯ สายลมโชยพริ้มพลิ้ว แสงแดดอุ่นอ่อนกำลังระบายสีสันใบไม้แผ่นดินให้งดงาม

 

- - - มีผู้คนมากมายนับพันๆชีวิต รถราจอดแน่นไปหมด พวกเขาพากันมา "เค้าต์ดาวน์" ปีใหม่ และมาพักผ่อนกันทั้งลูกเล็ก เด็ก แดง คนหนุ่มสาว คนเฒ่าคนแก่ และชาวต่างประเทศ ฯลฯ


... แน่ละ มนุษย์ทุกคนบนดาวโลกดวงนี้ ย่อมโหยหาความสงบสุข ธรรมชาติ อันเป็นรากเหง้าวิถีชีวิตแห่งเขา จากการที่ได้ดำรงชีวิตอยู่ในเมือง อันสับสนวุ่นวาย

เมื่อนักธุรกิจกินเมือง โกงเมือง , เผด็จการพลเรือน , หรือเผด็จการทุกสายพันธุ์ ผูกขาดการเมืองอันทำให้สามานย์ ดังนั้น "การเมืองใหม่" ของภาคประชาชนที่มีคนเสนอ ข้าฯ จึงเห็นตวย (ใครจะไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร) แต่ต้องเป็นการเมืองใหม่ของภาคประชาชนจริงๆ แต๊ๆ เน้อ

 

OK... ( ไม่ซิกกาแร๊ต) ใครจะเสนอให้รัฐสภาประกอบด้วย ส.ส. 70 % กับประชาชน 30 % ก็ตามที แต่ข้าพระพุทธเจ้าขอเสนอ 50 ต่อ 50 และขอบอก ขอบอก การเมืองใหม่ในภาคประชาชน ต้องเป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ มีทุกสาขาอาชีพอันดำรงอยู่ในสังคมสามานย์ห่าเหวนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากทุกชนชั้นทุกชั้นชน อาทิ... คนขอทาน วณิพก ผู้หญิงบริการ คนพิการ คนขายพวงมาลัย คนติดเชื้อเอชไอวี คนที่ถูกเรียกว่าเป็นคนจรจัดไม่มีหัวนอนปลายตีน คนรักร่วมเพศ กะเทย ตุ๊ด ทอม ดี้ ชายรักชาย หญิงรักหญิง พี่น้องชนเผ่าที่ถูกเรียกว่าเป็นชาวเขาและพี่น้องคนผลัดถิ่นที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากระบบเผด็จการประเทศของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น มอญ เขมร พม่า มอร์แกน มอร์เกลน ไต คนไทกอ (ขี้ทูต) คนบาร์ คนผับ พี่น้องมุสลิม นักวิชาการ แม้กระทั่งนักคิด นักเขียน นักเคลื่อนไหว นักวิจารณ์สังคม ไม่ว่าจะเป็นในเว็บ หนังสือพิมพ์ พี่น้องจากสลัม พ่อค้าแม่ขาย หรือแม้กระทั่งคนที่ถูกเรียกว่าเป็นคนบ้า(ผีบ้า)ในสายตาคนชั้นกลาง พวกข้าราชการและอภิสิทธิชน ฯลฯ

 

เออหว่ะ มันส์หว่ะ ที่ว่ามันส์นั้น มิใช่ตอบสนองความใคร่ทางปัญญาของข้าพระพุทธเจ้าเอง แต่มันเป็นการตอบสนองรากเหง้าวิถีชีวิต สวัสดิภาพ สวัสดิการของพี่น้องประชาชนทุกชนชั้น ทุกชั้นชน ฯลฯ ที่จะต้องมีสิทธิเข้าไปนั่งในรัฐสภา (ที่อ้างว่าเป็นสภาผู้ทรงเกียรตินักหนา) ประชาชนได้ มิใช่ผูกขาดแน่นักธุรกิจการเมือง กินเมืองโกงเมืองส่วนข้างมาก (จริงอยู่นักการเมืองที่ดีๆงามๆก็มีอยู่แต่มีน้อยนัก เมื่อเทียบกะพวกปอบ เปรต ปีศาจร้ายรากงอกออกจากก้นทั้งหลาย ฯลฯ หรือมิใช่ให้เผด็จการทุกสายพันธุ์มาผูกขาด ต้องให้ตัวแทนประชาชนสามารถร่างกฏหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้


- - - ประชาชนเราก็อยากให้ "พ่อหลวงจอนิ โอโดเซา" ปราชญ์ชนเผ่าปกากะญอ (กะเหรี่ยง) แห่งบ้านหนองเต่า อ.แม่วิน เชียงใหม่, "ลุงเสาว์" ปราชญ์คนหาปลาแห่งลำน้ำของ (โขง) เชียงราย, แม่ "คำผาย" และ พ่อ "ทองเจริญ สีหาธรรม" นักต่อสู้เพื่อวิถีชีวิตแห่งลำน้ำมูน ภาคอิสาน, อ้าย "สมหวัง ชอบสอน" ชาวประมงแห่งบ้านเป็ด อ.บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ ที่สู้เพื่อประมงพิ้นบ้าน, เราก็อยากให้ พี่จินตนา แก้วขาว" และ "พี่กรณ์อุมา พงษ์น้อย (กระรอก ภริยาของอ้ายเจริญ วัดอักษร นักต่อสู้แห่งบ่อนอกหินกรูด) ตลอดจนตัวแทนประชาชนจากทั่วทุกภาคมาเป็นตัวแทนในรัฐสภาที่อ้างว่าเป็นของประชาชนด้วย.... กล้าไหมเล่า กล้าไหมเล่า? ผู้แทนผู้ทรงเกียรติ และผองผู้มีผลประโยชน์ปล้นชาติ ปล้นประชาชน ปล้นธรรมชาติวิถีชีวิตทั้งหลาย กล้าไหมเล่า? กล้าไหม ?


เอ้า ถ้าไม่กล้า ประชาชนก็จะมีวิธีการสรรหาเอง ส่วนวิธีการสรรหานั้นก็ให้พี่น้องชุมชนทั้งในเมือง ขนบท ป่าเขา ชายเล ชายเลน ได้เลือกกันเอง แต่มีข้อแม้ อย่าให้ระบบราชการ ขอโทษ เสือกมายุ่งเกี่ยวด้วย และจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นธรรม และเป็นไทจริงๆ มิใช่กำหนดจาก ส.ส. นักเลือกตั้ง หรือ สสร.ที่งี่เง่าเขียนว่าคนที่จะสมัคร ส.ส. ได้ต้องจบปริญญาตรี ปัดธ่อว้อย คนที่จบปริญญาตรี โท เอก ที่งี่เง่า (และแสร้งทำเป็นงี่เง่าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง) โคตรโกงก็มีเยอะแยะ ปะเล๊อะปะเต๋อไป แล้วเสือกมาดูถูกพี่น้องชาวบ้านที่ดูแลทรัพยากรธรรมชาติคุ้มกระบาลเอ็ง


- - -ดังนั้น การต่อสู้ทางการเมืองของภาคประชาชน จักต้องดำเนินต่อไปอย่างยิ่งยวด และจริงจังจริงใจ เราจักฝากความหวังให้กับรัฐสภา (จอมปลอม) ในขณะนี้ฝ่ายเดียวไม่ได้ (ถึงแม้จะแบ่งเป็น 30 ต่อ 50 หรือ 50 ต่อ 50 มิได้) การต่อสู้กับระบบเผด็จการทั้งหลายในระบบโครงสร้างเผด็จการทุกสายพันธุ์และในระบบโครงสร้างอภิมหาบริโภคทุนนิยมโลกาวินาศสุดโต่งสามานย์นี้ ประชาชนจะต้องดูแลตรวจสอบมิให้คลาดสายตา และต้องต่อสู้ (ความจริงไม่อยากใช้คำนี้) กับระบบเผด็จการทุกสายพันธุ์ตลอดไปจนถึงที่สุดอย่าให้คำว่า "การเลือกตั้ง - รัฐสภา" มาเป็นคาถาอันคมขลังเพียงประการเดียว!!!


ถามว่า ประชาชนจะสู้กันอย่างไร ? สำหรับตัวข้าฯ คิดว่าต้องต่อสู้ทั้ง "บ น ดิ น" แล "ใต้ดิน" ส่วนการต่อสู้นั้นจะมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธิ ลีลากระบวนท่าแบบใด? ก็ขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจสภาพสังคมอันเป็นจริงที่ดำรงอยู่ ณ ปัจจุบัน (จะเรียกว่าการวิเคราะห์สังคมก็เป็นได้) เพียงแต่ว่าประชาชน นักเคลื่อนไหว นักวิพากษ์สังคม พึงอย่าใช้ความคิดอัตตาตนเองเป็นเจ้าเรือน แล้วต่อสู้ คิด แบบกลไก บักเดียว ใช้ลัทธิคัมภีร์จ๋า ฯลฯ (ข้าฯพูดเช่นนี้ก้อคงถูกวิจารณ์อีก แต่ข้าฯขอบอกว่าข้าไม่โกรธ ไม่กลัวการวิจารณ์ดอก ยิ่งวิจารณ์แลกเปลี่ยนมามากๆ ข้าก็ยิ่งขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลุง ป้า น้า อา ญาติโยมทั้งหลาย ฯลฯ) ที่เราคิดเอง เออเองกำหนดเองอย่างเดียว (แต่ข้าฯ ก็รู้ว่าพวกท่านทั้งหลาย น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ฯลฯ ทั้งหลายมีจุดยืน จุดนอน จุดนั่ง มีอุดมการณ์ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างสังคมที่สามานย์นี้จริงๆ เพียงแต่มีระบบคิด วิธีการไม่เหมือนกันเท่านั้น) หากเราคิด บักเดียว ข้าฯว่า ว่าของข้าฯคนเดียวนะ ... เรา ประชาชนเราก็มิอาจเอาชัยได้ รบร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ ล้าน อสงไขย ครั้ง ก้อพ่ายแพ้ตะละครั้งอย่างแน่นอน

 

การต่อสู้ในสถานการณ์เช่นนี้ ดังที่แลกเปลี่ยนมา มันต้องสู้ทั้งบนดินและใต้ดิน...


*บนดิน ก็สู้ในระบบรัฐสภา และต่อสู้ทุกรูปแบบ แสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่าง มีการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ ทั้งการสำแดงพลังชุมนุมประท้วงในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เดินขบวน ฯลฯ สามัคคีทั้งชนชั้นกลาง ชนชั้นกฎุมพี แม้แต่ราชนิกูล ฯลฯ เพื่อให้การศึกษาที่เป็นจริงของสังคม ของสภาพธรรมชาติชีวิตสิ่งแวดล้อมที่ก่อหายนะจากน้ำมือมนุษย์ในระบบโครงสร้างสังคมที่สามานย์ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


*ใต้ดิน ต้องมีการจัดตั้งขยายแนวร่วมให้กว้างขวาง ให้การศึกษาแด่ประชาชนทุกชนชั้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน มีเหตุมีผล ชัดเจนในระบบโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นกลาง กรรมกร ชาวนา เกษตรกร นิสิต นักศึกษา ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ ศิลปิน นักเขียน แม้กระทั่งเพศแม่ คือหญิงบริการ (อย่าลืมว่าก่อนที่เวียดนามใต้จะปลดปล่อยจากจักรวรรดินิยมอเมริกา ผู้หญิงบริการเพศแม่ที่ถูกกดขี่ของเรานี่แหละก็เป็นแนวร่วมสำคัญในการร่วมปลดปล่อยอิสระภาพด้วย โดยการจัดตั้งของฝ่ายจัดตั้งในเมืองฃองนักรบแห่งลุงโฮจิมินท์) สำหรับ ณ ปรัตยุบันนี้ จะจัดตั้งกันยังงัย? ก็ต้องช่วยกันคิดกันเอง ช่วยคิดค้นกันเองก้อแล้วกัน ในเมื่อถ้าหากคิดว่าเรามีอุดมการณ์ มีจุดยืนที่ต้องการโค่นล้มระบบโครงสร้างสังคมสามานย์ เช่นนี้


แต่ถ้าหาก (ย้ำอีก ตามความคิดเห็นของข้าพระพุทธเจ้าคนเดียว) คิดเพียง กลไก ตายด้าน ลัทธิคัมภีร์ ตายด้านอยู่กับสิ่งนี้อย่างเดียว ใช้อัตตาตัวตนไปพิพากษา หมิ่นหยามคนอื่นโดยที่เราไม่รู้จิตวิญญาณของเขา ไม่รู้ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี ลีลาไร้กระบวนท่าของเขา แล้วละก็ เราจะเป็นมนุษย์ไร้เดียงสา ตีความ ตีนัยยะไม่แตก (สำหรับข้าฯ เองคิดว่า ข้าตีความนัยยะของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เข้าใจอยู่แล้ว ดังที่บอก ข้าฯเชื่อในจุดยืน อุดมการณ์ที่งดงามของท่าน) เป็นนักเคลื่อนไหวไร้เดียงสา (กรุณาโปรดอย่าเคืองโกรธเจ้า) เป็นนักปฏิวัติไร้เดียงสายิ่งกว่าเด็กๆ สี่ห้าขวบที่เขาบริสุทธิ์มากๆ

 

จิตวิญญาณพวกท่านบริสุทธิ์อยู้แล้ว มิมีกังขา ทว่าความไร้เดียงสาของผู้ใหญ่ไม่เหมือนเด็กเน้อ ไร้เดียงสาในที่นี้ ตัวข้าฯ เองหมายถึงไร้เดียงสาทางการเคลื่อนไหวทางการเมือง ข้าฯเองก็อาจไร้เดียงสาในความคิดเห็นของท่านก็ได้ ไม่เป็นไรกาลเวลาจักเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ก้อ "ตถาตา"


แ น่ น อ น การต่อสู้ทางฃนชั้นมันยังดำรงอยู่... "ชนชั้นผู้กดขี่" กับ "ชนชั้นผู้ถูกกดขี่" มันก็ต้องสู้กันต่อปายยยยย ตราบต้องการให้สังคมเป็นธรรม เพียงแต่อย่าคิดว่า "กูคือความถูกต้อง" และเห็นว่ายุทธศาสตร์-ยุทธวิธีของเราถูกต้องฝ่ายเดียว


ใครจะอยู่กับ ฝ่ายพันธมิตรเสื้อเหลือง ชั่วคราวหรือไม่ชั่วคราว - - -และใครจะอยู่ฝ่าย นปช. เสื้อแดง ชั่วคราวหรือไม่ชั่วคราว ... หรือใครที่คิดว่าตัวเองเป็นอิสระชั่วคราว หรือนิรันดร์ไป หรือไม่ขึ้นกับกลุ่มใด ก็เป็นเรื่องของใครคนนั้นๆ แต่อย่าเพิ่งหมิ่นหยามทำตัวเป็นผู้พิพากษาซะเอง ก็อย่างที่ว่า... สภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ของ สังคม ณ ปัจจุบัน และ อนาคตจะเป็นผู้พิพากษาที่ดีที่สุดให้แก่มนุษย์เอง


"ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

ใครถอย และใครทน พิสูจน์ได้ เมื่อภัยมา ! "

 

มันถึงเวลาแล้ว ... สิทธิ เสรีภาพ ภราดรภาพ และศานติภาพ จักเกิดขึ้นเป็นจริงได้ ทั้งในระดับประเทศสมมุติและระดับสากลสมมุติ


ข้อสำคัญว่า มนุษย์เราจักมี จิ ต วิ ญ ญ าณ ข บ ถ เอาจริงและเข้าใจสังคม โลก ธรรมชาติ ชีวิตอะเป่า?

"กา ร เ มื อ ง ใ ห ม่" ในทรรศนะอันน้อยนิดของข้าพระพุทธเจ้า ก้อมีเพียงแค่นี้ จิง จิง

 

เอวังก็มีด้วย .... ประ - กา - ระ - ฉัน - นี้

- - - สา ธุ

- - - ต ถา ตา

- - - อา เ ม น

- - - ซา ลา ม มา ลา กุ ม


ฤดูหนาว, สวรรคโลก - สุโขทัยและตาก

สังคมมี แสวงจุดร่วม - สงวนจุดต่าง ด้วยความเป็นเพื่อน เป็นมิตรไมตรี

 

 

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
*@ "บงเนื้อก็เนื้อเต้นพิศสะเส้นสรีรัวทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไหว ฯลฯ" มองตาก็เห็นตาผองประชาผู้ยากไร้หมดสิ้นความเป็นไทด้วยมารร้ายกดขี่คน นานเนิ่นนักนานแล้วพี่น้องแก้วทุกแห่งหนก่อเกิดแสนทุกข์ทนการกดขี่คงนิรันดร์
แสงดาว ศรัทธามั่น
. .ป ระ ชา ช น คน ใ ห ม่ ได้รู้แล้วเสียงที่แว่วกังวานหว่านไปทั่ว ชนชั้นนำ นักปกครอง ผยองตัว คือคนชั่ว รับใช้ ใต้ตีนทุน ( วัฒนา ธรรมกูร ) ป ระ ชา ช น จะชิงชัย ไม่สุดสิ้น เพื่อ พลิกฟื้นแผ่นดินให้หอมกรุ่น เพื่อรากหญ้า ได้ ผลิหญ้า อ่อนละมุน เพื่อ ทอดรุ่น รับวัย ให้งอก เงย ( อรอาย อุษาสาง )
แสงดาว ศรัทธามั่น
ภาพจาก http://www.cablephet.com/board/images/news/t__1110880701.jpg        O    " ปู่เย็น "             ที่ " รู้เห็น เห็น และ เป็น อยู่ "             เป็น " ปู่ เ ย็ น แ ก้ว ม ณี " งามตราตรู             เป็น ผู้สมะถะ งาม คงทน- - -เป็นแบบอย่างแห่งชีวิตสถิต คุณค่า ทุกแห่งหนเป็นผู้ เ ฒ่า ท ระ น ง ของ ตั ว ต นอัน ล่วงพ้นโลภ โกรธ หลงแห่งชีวา . . .เป็นวิ ถี ชี วิ ต อิ ส ระไร้ พันธะ ใด…
แสงดาว ศรัทธามั่น
เขาคือคนธรรมดา... ทว่าคุณค่าดวงใจกล้าโตเติบใหญ่ มีชีวิตจิตวิญญาณแห่งความเป็นไท และมีหัวใจอิสระเสรี เสรีสู้เพื่อคนจนผู้ท้นทุกข์ ปลอบปลุก”ลุกขึ้นสู้” ในทุกที่ “ณ ที่ใดมีการกดขี่” “ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร” มิรอรีร่วมลงแรง
แสงดาว ศรัทธามั่น
@ ฉั น รั ก ด ว ง ตา ห ญิ ง สา ว ราวรุ้งร้างไหลหลากดังถากฝัน ยาม สายฝน พรูพร่าง พริ้ม อำพัน ก็ กู เป็นดั่งวันที่ พรั่งพรู หลั่ง พรูพรั่ง - งามพรั่งพรู งามฤดู - เดือน - ดาว - ตะวัน ... โลกรับรู้ จันทร์แดง เฉิดฉันท์ สกาวใจกอบกู้ ธีรยุทธจึงรู้ ทางไทพันธมิตรนำ ... ใจเย็น เย็น พี่น้อง ใจ เย็น เย็น ชี พ รู้ เ ห็ น ชี วี พ ร้ อ ม ย่า งย่ำ คอยรอ ชัยชนะ - พวกมารระยำ ก็ กู เป็น อย่าง กู ทำ ไม่จำนน ... ท่าม สายฝน พร่างพราว พลิ้วไสว ธา ร ด ว ง ใ จ ชุ่มชื่น ทุกแห่งหน…
แสงดาว ศรัทธามั่น
" พ.ต.ท.เมธี, ศิลปินตี๋, น้องโบว์... อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ " ดวงใจท่านผ่องผุด สะอาด สดใส เพื่อนพันธมิตร ไม่มีใคร ครอบงำใคร พวกเรามาด้วยจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ ง ด งา ม แ ล้ ว ! แด่ พี่น้อง พั น ธ มิ ต ร ผู้บาดเจ็บทุกๆ คน ป ระ ชา ช น ก้มค้อมคารวะ - จิต ก ล้า แ ก ล้ ว สละชีพ สละร่าง งา ม วา ว แ ว ว ข บ ว น แ ถ ว ป ระ ชา ช น เ พื่ อ ชิ ง ชั ย ! 7 ตุ ลา ฯ ... วั น ม หา วิ ป โ ย ค ยิ่งกว่าไหน ห่ากระสุน แก๊สน้ำตา อันจัญไร เข่น ฆ่า ประชาชนไซร้ - ชีพยอมพลี อ นา ถ นัก … โ อ ... ประจักษ์ มั น บิ ด เ บื อ น และ ป้า ย สี หน้าไม่อาย หน้าด้าน แล อัปรีย์ ฆา ต ก ร โ ห ด ชี วี…
แสงดาว ศรัทธามั่น
          ฉัน รัก ดวงตาหญิงสาวเจ็บปวดร้าวจิตวิญญาณ เหลือที               โ ล ก แล้งร้อนร้างไร้ทุกที         วันนี้ ด ว งตา เ ธ อ ยังสดใส          ... ฉัน รัก หัวใจของชายหนุ่ม      ร้อนรุ่ม วิ ญญาณ์ กว่าไหน          โ ล ก รู้ว่า เ ธ อ นั้นจริงใจ          ด ว ง ตาบอกไว้ ฉั น รู้  …
แสงดาว ศรัทธามั่น
                       &&& ศิ ล ปิ น" BALLAD " นาม " จ รั ล ม โ น เ พ็ ช ร "คือเก็จแก้วดำรงคุณค่าความหมายคืนสู่ดิน จิตวิญญาณไม่เคยตายแสงตะวัน - เดือน - ดาวฮักอ้ายจรัลฯ &&& - - - ฝันเถิด ฝันชีพฝัน เราฝันใฝ่ฝันดวงใจศานติภา พโลกสุขสันต์กล่อมชีวี ด้วยบทเพลง งามนิรันดร์พริ้มบทเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" อันงดงาม &&&...ละบทเพลง - - -พริ้งบทเพลงพลิ้วลอยล่องเป็น ทำนอง โอบกอดโลก งามล้นหลามเพลงRHYTHMสดใส ทุกโมงยามเป็นความฝันแห่งชีวิตโลกตราบนิ รั…
แสงดาว ศรัทธามั่น
( 1 ) เ ย็ น ฝ น ฉ่ำ + ด อ ก ไ ม้ เ บิ ก บา นแ ร กกำเนิดโลกไม่ว่าจะเป็นทฤษฏี " BIG BANG " (การระเบิดใหญ่) ของจักรวาล อะไรก็ตาม ฯลฯ แล้วจึงก่อเกิดเป็นดาวโลกและดาวอื่นๆ ขึ้นมา ... สรรพสิ่ง สรรพชีวิต จึงเริงระบำรำร่ายฟ้อน บังเกิดเป็น มนุษย์ คน พืช สัตว์ ดำงอยู่บนโลกสีเงินดวงนี้อย่างศานติสุข ไร้พรมแดน ไร้ชนชาติ ไร้สีผิวเผ่าพันธุ์ ฯลฯ ตราบจนมนุษย์ อ วิ ช ชา แบ่งแยกเป็นประเทศ สีผิว เผ่าพันธุ์ ฯลฯ กดขี่ข่มเหง รังแก รุกราน เพือนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น "คนขาว" ที่ล่องเรือมารุกรานพี่น้อง "อินเดื่ยน" อเมริกาเหนือ, อเมริกากลาง, อะเมซอน, อาฟริกา ฯลฯ จักรวรรดินิยมอังกฤษ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
ฉันนั่งนิ่ง ณ สถานที่แห่งหนึ่งในตัวเมือง ยามพรรษาฤดู แห่งดินแดนล้านนาอิสรา สายฝนโปรยปราย - โปรยปรอย ยามเช้า...เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไม้โครงเหล็กเก่าคร่ำคร่า ... น้องแมวสีเหลืองกระโดดขึ้นมามาบนโต๊ะมาทักทาย ฉั น - - - เหมียว... เหมียว... เหมียว.... นัยน์ตาสีเหลืองอ้อนมองดวงตาฉัน ฉันให้ปลาทูแด่เธอ ฉันเพิ่งเดินอออกไปซื้อที่ปากซอยข้างนอก และแล้วก็มีน้องแมวดำ และน้องหมาขาวเดินเข้ามาทักทายฉัน ฉันก็ให้ปลาทูแด่เธอทั้งสอง - - -ณ บ้าน - ร้านนี้ เจ้าของร้านและเพื่อนๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยกัน เจ็ด, แปดคน ... พวกเขาเป็นคนใจบุญ - รักสัตว์... หมา แมว นก หนู กา ไก่ ฯลฯ เ ค ย มีคนเอาแมวมาปล่อย…
แสงดาว ศรัทธามั่น
 “นากาแลนด์ --- NAGA LAND”เพื่อดินแดน แห่ง เสรีเริงระบำ บท เพลง ณ วันนี้เพื่อนพ้องน้องพี่อวยพรชัยให้ “NAGA LAND”“ลุกขึ้นสู้” เพื่อสิทธิ + เสรีภาพอิ่ม เอิบ อาบจิตวิญญาณนี้เหลือแสนโอ ... ผองเพื่อนมนุษย์ชาติทั่วด้าวแดนเปล่งขานบทเพลงแนบแน่นกล่อมพลังใจ“NAGA LAND == นากาแลนด์”ดวงใจนี้เหลือแสนสะอาด สด ใสสู้ เพื่อ สิทธิเสรีภาพ อ่า อำไพเพื่อโลกงามเพริศพิไลปลดปล่อยพลัน!=== เถิด ผองเพื่อนมนุษยชาติทั่วทั้งโลกเพลงสายลมโชยโบกพริ้มรังสรรค์โลก เอกภพ จักรวาล รับรู้พร้องใจกันหลอมชีวิตจิตวิญญาณตราบนิรันดร์เพื่อ ...”NAGA LAND” ด้วยรัก + พลังใจอ้าย”แสงดาว ศรัทธามั่น” ฤดูฝน , 27 กรกฎาคม…
แสงดาว ศรัทธามั่น
" ค ดี แ ร ก ครอบครัวชินวัตร ศาลพิพากษาจำคุก "อ้อ", พี่ชาย คนละ 3 ปี เลขาฯ เจอ 2 ปี ฐานผิดร้ายแรงเลี่ยงภาษี หุ้นชินฯ ระบุฐานะทางเศรษฐกิจ และ สังคมสูง กลับฝ่าฝืนกฏหมายจงใจหลีกเลี่ยงภาษีอากรโอนหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) คนละ 3 ปี ที่ศาลอาญา เมื่อ 31 ก.ค. 51 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา รัชดาภิเษก กทม. องค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญา ออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำพิพากษา "คดี เลี่ยงภาษี หุนบริษัท ชินคอร์ปปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง "นายบรรณพต ดามาพงศ์" อายุ 58 ปี พี่ชายบุญธรรมคุณหญิง "พจมาน ชินวัตร" อายุ 58 ปี ภริยา พ.ต.ท."…