Skip to main content

 

 

 

 

หวัดดีอรุณรุ่งยามสาย เช้านี้เมฆค่อนข้างหนา พระอาทิตย์ทอแสงลงมายังไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรแสงสว่างยังดำรงอยู่ในดวงวิญญาณและดวงใจพี่น้องเสมอ

เช้านี้อยากสนทนาธรรมกะพี่น้องผองเพื่อนเรื่อง"การปฏิบัติธรรม -ทำสมาธิ...

- - - คืนนี้ยังมาเป็นผีสิงที่บ้านตึกขาวเช่นเคยเพราะติดในสิ่งที่ต้องทำ เช้านี้ตื่นสายหน่อย หกโมงเช้า ก็ออกมาในที่โล่งแจ้ง เดินออกกำลังกายท่ามกลางบ้านป่าในเมืองที่ยังร่มครื้ม เพราะเป็นเฌิงดอยสุเทพแถบวัดอุโมงค์ซึ่งกินเนื้อที่ไพศาลโอบกอดกับป่าเบญจพรรณเชิงดอยสุเทพได้

... เดินออกกำลังกาย ทำพลังลมปราณคารวะท้องฟ้าดวงตะวันที่เริ่มทอแสง เดินจงกรม แล้วมานั่งหน้าจอในโลกไซเบอร์(ที่ด้านหนึ่งก็มีประโยชน์อยู่มากถ้าเรารู้จักใช้เขา มิใช่ให้เขาใช้เรา) ...ทันใดยลเห็นพี่"นุช" แม่บ้านตึกขาวเยื้องย่างเข้ามา พี่นุชมาทำงานที่นี่นับได้แปดปีแล้ว กลายเป็นญาติพี่น้องกันเลย ทักทาย พูดเล่นหัวสรรพยอกกันฯลฯ พี่นุชดูแลความสะอาดที่นี่ เป็นแม่ครัวหัวไม่ป่าก์ให้ที่นี่ด้วย

- - - พี่นุชเข้ามาทำหน้าที่ที่มีเกียรติ เก็บกวาดทำความสะอาดปัดเป่าทุกสิ่งทุกอย่างภายในสำนักงามแถมบางคราพี่นุชมีเมตตาก็เอาข้าวให้น้องแมาตัวเมียสีเทาและสีดำด้วย น่ารักจริงพี่นุช!

... พี่นุชเข้ามาปัดกวาดที่ห้องสำนักงานที่ฉันนั่งอยู่ ... " ปี้นุช การกวาดบ้านถูบ้านและการล้างจาน ก็เป็นการปฏิบัติธรรม และการทำสมาธิด้วยเน้อ" ฉันสนทนาธรรมกะพี่นุช พี่นุชยิ้ม...มีหลายคราที่มีการประชุมของพี่น้ององค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ ณ ที่นี่ มีจานแก้วน้ำที่ใช้แล้วกองพะเนินอยู่ในครัวในซิ้งค์ล้างจาน น้องๆที่สำนักงานก็มีน้ำใจมาร่วมทำสมาธิล้างจานด้วย... ฉันเองกะเพือนๆน้องๆเมื่อไปร่วมสังสันท์บ้านเพื่อนหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ฯลฯ ก่อนจะกลับหรือนอนที่นั่น รุ่งเช้าเราต้องเป็นร่วมด้วยช่วยกันทำสมาธิล้างแก้วล้างจานกัน บางคราก็ถึงกับแย่งทำสมาธิกัน... มีเรื่องขำตลกจักเล่าให้พี่น้องฟัง พี่เทพฯ อ้ายเทพฯ ครูเทพฯ อาจารยเทพฯ "เทพศิริ สุขโสภา" ศิลปิน นักคิด นักเขียนแห่งสำนักวัดอุโมงค์ เคยเล่าให้พวกเราฟัง(เมื่อเราไปเยือนสำนักบู๊ไม่ลิ้มของท่าน) ว่า... " เฮ๊ยมีอยู่คราหนึ่งว่ะ ไอ้พวกลูกๆหลานๆนักศึกษามาใช้สถานที่ บ้านผมจัดกิจกรรม มานอนที่นี่ รุ่งเช้า แม่มมมก็กลับไป โอ้โฮ จาน ชาม แก้ว สารพัด เต็มไปหมดเลย อาหารค้างจานก็บูด ราขึ้น ผมนี่มองดูแล้วส่ายหน้าเอาไม่อยู่ จึงปล่อยมะแร่งงกองจมไว้อย่างนั้น แต่พอดีโว๊ย มีไอ้พวกนักกิจกรรมอีกพวกหนึ่งมาขอใช้สถานที่ ผมก็ชี้ให้มันดู พร้อมบ่นไปด้วย บอกให้พวกมันจัดการเคลียร์พื้นที่(ไม่ ใช่กระชับพื้นที่ แหะๆ อันนี้ฉันพูดเอาเอ๊ง) พวกนั้นก็จัดการเลย เพราะพวกมันก้อต้องใช้แก้ว ถ้วยชามอีก" อ้ายเทพฯพูดพร้อมหัวเราะเอ๊กอ๊ากชอบ ใจ... นี่แหละเจ้า โดย manners(โดยมารยาทเราต้องมี comment sense...จิตสำนึกธรรมดา นี่แหละ) ... ก้อมีเรื่องตลกอีก(ตลกหรือไม่ตลกถ้าอยากให้ตะเองตลกก้อเอามือจั๊กกะจี้จั๊กกะแร้ตัวเองละกัลลล์เจ้า) เรื่องหนึ่ง...

... คราที่อ้ายแสงดาวอยากสร้างบ้านดินที่บ้านนอกอำเภอสันทรายที่ตำบลหนองจ๊อม(ดินแดนขบถพญาผาบที่รวบรวมชาวบ้านอำเภอสันทราย, สันกำแพงล ดอยสะเก็ด ฯลฯ ลุกขึ้นสู้กะพวกศักดินารัตนโกสินทร์(รวมถึงเจ้าเชียงใหม่ด้วยหรือไม่ฉันก็ไม่แน่ใจต้องขอโทษด้วยท่านผู้ใดรู้กรุณาช่วยเพิ่มเติมให้ ด้วยยินดี ขอบคุณเจ้า ... ก็เหมือนกะขบถผู้มีบุญที่อิสาน และขบถ ฌุดงญอปัตตานีภาคใต้ หรือขบถเมืองแพร่ภาคเหนือฯลฯ ทีทำการลุกขึ้นสู้กะอำนาจรัฐส่วนกลาง)ที่บังอาจเผด็จการออกกฏหมายเก็บภาษีหมากพลูและฯลฯ ... แต่ผลก็ต้องแพ้ "น้ำน้อย ย่อมแพ้ไฟ" แต่ไม่เป็นไรการต่อสู้ของประชาชนที่ต่อสู่กับเผด็จการและพวกอธรรมย่อมไม่มีวันสิ้นสุดตรบลูกอุกาบาตไม่ทะเล่อทะล่าวิ่งมาชนโลกไปซะก่อน และตราบที่พระอาทิตย์ยังไม่ดับไปเสียก่อน เมือมหาประชาชนทั่วโลกรวมพลังกัน!

- - - เป็นที่ตื้นตันในหัวใจที่ประดาเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งพี่น้ององค์กรพัฒนาเอกชน นักคิด นักเขียน กวี ศิลปิน พี่น้องชนเผ่า ฯลฯ มารวมหมู่ร่วม"ลงแขก" สร้างบ้านดินให้ฉันทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นภาพที่หายากในสังคมปรัตยุบันนี้ ...ย่ำดิน ทำอิฐดิน แล่วก่อบ้านดิน มีเรื่องตลกอยากเล่าให้ฟังอีกแย้วเจ้า ตอนเริ่มสร้างญาติโยมมากัน ฉัน(อ้ายแสงดาวฯ) ก้อเอาน้ำมังสะวิรัติ(เหล้า ... ฉันเรียกหยั่งงี้ ก้อเป็นน้ำมังสะวิรัติ จิง จิง นี่ ha ha ) มาตั้งตรงลานโล่ง ญาติโยมบางคนก้อม่วนซื่นโฮแซว ม่วนกั๋น กิน ดื่มกัน ลางคนหลายคนก็ย่ำดิน ปั้นดินกัน...

" อ้ายแสงดาว ผมว่า ต่อไปให้ถึงตอนเย็นย่ำก่อนค่อยเอาของดีมาตั้งวาง มิเช่นนั้นบ้านดินจักไม่เสร็จซักที" อาจารย์"โต๋" หรือ"นาโก๊ะลี" กวีนักเขียน ที่เป็นแม่ทัพใหญ่ในการทำบ้านดินบอกฉัน ฉันก็เห็นด้วยและทำตาม ก็เลยไวเลยในการย่ำดินปั้นดินก่อดิน ฯลฯ กลางวันทำงาน เย็นย่ำกินดื่ม บรรงดนตรี อ่านบทกวี ฯลฯ ม่วนกัน

- - - ตลกอีกเรื่อง... ตอนที่พวกเราญาติโยม สร้างบ้านดินเสร็จแล้วก็ฉลองกัน จานช้อนแก้ว เต็มเพียบ วางเป็นกองพะเนิน ม่วนอกม่วนใจไปตามๆกัน... "อ้ายฮวก-กวีนักเขียนแห่งบ้านร้านสุดสะแนน เธอเล่าพูดว่า..." ณ งานเลี้ยงม่วนแห่งหนึ่ง ที่เจ้าบ้านจัดเพื่อนพ้องแขกเหรื่อมาเพียบ พอเสร็จงานแขกก็อำลาจะกลับ เจ้าบ้านก็ยิ้ม ดีใจที่มีคนมามาก เจ้าบ้านก็เอ่ยมธุรสวาจาขอบคุณบอกแขกว่า... " เมื่อท่านมา เราดีใจ เมื่อท่านไป ใครจะล้างจาน"... ตะแลม ตะแลมๆๆๆ ... แต่ที่บ้านฉันพี่น้องญาติโยมช่วยกันล้างจานเน้อ คงกลัวฉันจะเป็นลมหมดแฮงข้าวต้มเจ้า ...รอดตัวปายยยย ha ha เพราะญาติโยมเขาช่วยกันปฏิบัติธรรมภาวนาและทำสมาธิกัน... พี่น้องญาติโยมก้อช่วยกันปฏิบัติธรรมทำสมาธิกันเน้อเจ้า

... เอ๊าแสงตะวันมาโอบกอดทักทายพี่น้องเราแล้ว ขอความสุขสวัสดี ศานติภาพบังเกิดแด่โลกและพี่น้องทุกๆคน....สาธุ อาเมน อิสลามมาลากุม @

 

บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น

แสงดาว ศรัทธามั่น
  --- เป็นความงดงามมากที่ “แมว (กฤคน ชัยแก้ว ) หรือ อ้ายแมว ( “ MAE)"  คนเพลง นักดนตรี แห่งล้านนาเจียงใหม่ เป็นคีย์แมนที่สำคัญ ดำริจัดงาน ฟรี Concert รายได้ทั้งหมดจัดซื้อเครื่องดนตรี ให้กับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครูแมวและเพื่อนนักดนตรีไปร้อง และสอนดนตรีให้เด็กเหล่านั้น (เราจะไม่เรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เขาเป็นเยาวชน แม้กระทั่งผู้คนหลายวัยที่ถูกจองจำในคุก เราก็ไม่ควรเรียกเขาว่าเป็น “นักโทษ” เพราะคำๆนี้ยิ่งเป็นตราบาป ความน้อยเนื้อต่ำใจให้พวกเขา แต่ก็แน่นอนเมื่อเขาทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามคำพิพากษา เช่น …ไปฆ่าคน ข่มขืน – ฆ่า …
แสงดาว ศรัทธามั่น
  @  ดิบ เถื่อน ป่า เป็นคำที่งดงามมาก  คำว่า ป่าเถื่อน ป่าดิบเถื่อน นั่นคือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ  มีต้นไม้ ใบหญ้า สรรพสัตว์ สรรพสิ่ง นานาพันธุ์ ฯลฯ ยังประโยชน์ให้มนุษย์ แลเริงรมณ์ยามเดินทางเข้าไปคารวะ ดงป่าเถื่อนดิบ ฯลฯ -   -   เอาไปใช้ได้อย่างไร? เอาไปใช้เป็นคำด่าว่า เป็นคนเถื่อน คนหยาบช้าได้อย่างไร? คำๆ นี้ใครเป็นคนคิดหว่า? พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเหรอ? นี่มันเป็นความคิดของข้าราชการศักดินานี่หว่า … คนเถื่อน ก็คือคนอยู่ดงดอยป่าเขา บริสุทธิ์ งดงาม มีอารยธรรม ไม่ได้ฉ้อฉล คดโกงใคร ไม่ได้คอรัปชั่น …
แสงดาว ศรัทธามั่น
    ฉันมีบุญตามาก ได้มาเยือนดอยไตแลง อยากมาเยือนนานแล้ว พอดีพี่น้องชาวปกาเกอญอเชิญชวนไป ตอบตกลงทันที ทั้งๆที่เคยตอบตกลงน้อง “สะอาด นิลคง” ศิลปินที่มาพำนักอยู่ที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอนกับลูกเมีย เธอชวนฉันกับอ้ายไพฑูรย์  พรหมวิจิตร ไปร่วมงานที่ปาย “อ้ายแสงดาว ขอเชิญอ้ายกับอ้ายไพฑูรย์ ไปร่วมงานที่บ้านผม มีงานแสดงศิลปะของผม มีการอ่านกวี น้าเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และพี่จี๊ด…จิระนันท์ พิตรปรีชา ก็มาร่วมด้วย เชิญอ้ายกับอ้ายไพฑูรย์มาร่วมอ่านกวีตวย ครับ”  “คับ ยินดีคับ” ฉันตอบรับคำ แต่แล้วฉันกับอ้ายไพฑูรย์ก็บอกน้องสะอาดว่า … “อาด…
แสงดาว ศรัทธามั่น
  นั่งอ่านหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ฉ.๑๒ - ๑๘ พ.ย.๕๓ ชอบคำพูดของบทความในนั้นว่า …  “ ว่ากันว่า “อาวุธ”   ที่น่ากลัวที่สุด ชนิดหนึ่งในทางการเมืองก็คือทำให้ผู้นำ “เป็นตัวตลก” ทำอะไรตลก เพราะเมื่อเป็น “ตัวตลก” ทำอะไรตลก แล้วความน่าเชื่อถือก็เปลี่ยนไป” - -   สายลมเหนือแห่งมันตฤดูพลิ้วโชยมา อากาศเย็นสบายภายใต้ร่มไม้อันร่มรื่น ณ บ้าน  - ร้าน ป่าในเมือง “สุดสะแนน” คืนงาน Free Concert  ของอ้าย “ถนอม ไชยวงษ์แก้ว” กวี นักเขียน ศิลปิน คนเพลง ฯลฯ แห่งล้านนาที่น้องๆ เพื่อนๆ…
แสงดาว ศรัทธามั่น
    1.Rate R ( สีสวยแห่ง รุ้งสาย ) หากเรา * “มองดูความเป็นจริงสิ” ในเนื้อหา เราจะเห็นเนื้อหาที่แท้จริงของสีสมมุติ ขาว แดง เหลือง เขียว ชอล์ค (สีน้ำตาล) น้ำเงิน ชมพู ดำ
แสงดาว ศรัทธามั่น
  ( โคลงอิสระ ) เดือน   ดาว พราวพร่างฟ้า      ลาวัณย์ เมฆ หมอก ดวงตะวัน            เจิดจ้า มี มืด มี แจ้ง เคล้าคละ กัน     ไป่ข้อง ใจเนอ เพียงดวงจิตคนแกร่งกล้า       ผงาดท้า ริยำสมัย  ฯ  
แสงดาว ศรัทธามั่น
    Rate R : ตุลาประชาชน (People Of October)   (โคลงอิสระ)  
แสงดาว ศรัทธามั่น
    ถ้าจะพูดถึงเหตุการณ์อันเศร้าสลดหดหู่ของสังคมนี้ ทั้งที่ผ่านมาจนถึงปรัตยุบัน เราคงแยกออกไม่ได้จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สังคมไม่ว่าจะเป็นประเทศสมมุติใดๆ สำหรับประเทศไทยสมมุติอันเปลี่ยนผ่านมาตั้งแต่ยุคบุพกาล (ความจริงในยุคบุพกาลนั้นยังไม่มีประเทศดอก (แต่ขอใช้คำนี้
แสงดาว ศรัทธามั่น
ก่อนนี้ เคยได้ฟังอาจารย์ เทพศิริ สุขโสภา  ศิลปิน นักเขียนชื่อดังแห่งสยามและสากล ท่านกล่าวว่า …
แสงดาว ศรัทธามั่น
@  ใน ปีกบางใสของผีเสื้อ มี  ลายสวยงามพริ้งพราย ใน  เจ็ดสีของรุ้งสาย มี  ความรักอันงดงาม
แสงดาว ศรัทธามั่น
@ “ขอแสดงความยินดีกับพวกท่าน      ชาว  เนปาล  หาญกล้าน่านับถือ      โค่นอำนาจกษัตรย์หัวกระบือ      ใคร ใครหรือ จะหาญสู้ ป ระ ชา ช น  @        ( บทกวีเก็บตก กวีข้างวัด  )