Skip to main content

ผมเคยไปบนบานศาลกล่าวครั้งแรกน่าจะเป็นตอนที่ผมจะสอบเข้า ม.1  ตอนนั้นแม่พาผมไปบนกับเจ้าพ่อศาลหลักเมืองจังหวัด  แต่มีเพื่อนของผมอีกคนนึง พ่อมันพาไปบนกับเจ้าพ่อที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ  มันบอกผมว่าเจ้าพ่อองค์นี้ศักสิทธิ์จริง ให้โชคลาภผู้มาเส้นสรวงมาเยอะแล้ว  

โอ้...เจ้าพ่อในกรุงเทพของเพื่อนผม มันคงจะโหดกว่าเจ้าพ่อภูธร บ้านนอกคอกนาของผมเป็นแน่  เปรียบดูก็คงจะเหมือนกันรัฐมนตรีกับผู้ว่าจังหวัด  
คิดเล่นๆว่าถ้าเกิดเหลือที่ว่างให้เข้าเรียนในชั้น ม.1 ได้เพียงแค่ที่เดียว ผมคงไม่ได้เข้าเรียน เพราะเจ้าพ่อของผมคงแพ้เจ้าพ่อของไอ้เพื่อนผมอย่างไม่เห็นฝุ่นเป็นแน่  ผมคิดในตอนนั้น

หลังจากเรียนจบมหา'ลัย เพื่อนๆของผมก็พากันออกไปหาสอบเข้าทำงาน  หลายๆครั้งเพื่อนของผมจะผิดหวังกลับมาพร้อมกับคำว่า "เขามีเด็กของเขาอยู่แล้วว่ะ" แล้วพวกมันก็จะบ่นประมาณว่า ถ้ามีเส้นสายเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ก็คงจะมีงานทำไปแล้วอย่างนั้นอย่างนี้  

สำหรับความคิดของผมเรื่องทั้งในช่วงสมัยสอบเข้า ม.1 กับสมัยตอนเรียนจบดูจะเป็นเป็นเรื่องของระบบอุปถัมภ์หรือเรื่องเส้นสายคล้ายคลึงกัน

การบนบานศาลกล่าว เป็นการใช้ระบบอุปถัมถ์ในการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ เช่น การเข้าเรียน เข้าทำงาน การขอเลื่อนตำแหน่ง  

แค่เพียงเปลี่ยนจากการไปขอหรือให้สิ่งของตอบแทน กับผู้หลักผู้ใหญ่ นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล  มาเป็นการมาบนบานขอเอากับผีแทน โดยเชื่อว่าผีจะจัดการให้เราได้  มันก็คือการใช้ระบบอุปถัมภ์เขาแสวงประโยชน์เหมือนกัน  

ก็อาจจะจริงที่ว่า มันไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่าบนไปแล้วจะได้ตามนั้นจริง  บางคนบนหัวหมูหนึ่่งหัวอาจจะสมหวัง  แต่บางคนบนหัวหมูสิบหัว แต่อาจไม่สมหวังก็ได้  แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้เห็นว่าการมีหลายแนวทาง "ใต้โต๊ะ" เพื่อที่จะพยายามให้ได้ในสิ่งที่หมาย

ครั้งสุดท้าย ตอนที่ผมเกือบจะโดนรีไทร์ออกจาก มหา'ลัย ผมเคยแอบไปบนศาลเจ้าพ่อที่มหา'ลัยไว้อีกครั้ง

สาเหตุที่ต้องแอบก็เพราะตอนนั้นผมทำกิจกรรมอยู่ในแวดวง "ปัญญาชน" พวกเขาไม่เชื่อเรื่องบนบานศาลกล่าวพวกนี้กัน  แต่จะทำไงได้ ตอนนั้นผมกลัวที่จะโดนรีไทร์ หมดหนทางไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยติดสินบนผีมันเสียเลย  ความเป็นหัวก้าวหน้าไม่งมงาย เชื่อในวิทยาศาสตร์ขอเก็บเอาไว้ก่อน  

จะทำยังไงได้ ก็ในเมื่อผมไม่ใช่ลูกอธิการบดีจะได้มีเส้นสายของจริง  มันก็ต้องเพิ่งพาเส้นสายของผีนี้แหละ ฝากวานให้ล๊อบบี้ไม่ให้โดนไทร์  

คิดดูมันก็คงจะเหมือนกับลูกตาสีตาสาคนอื่นที่ไม่มีเส้นสายในชีวิตจริง  ก็ต้องฝากความหวังไว้กับเส้นสายสิ่งศักสิทธิ์เป็นสิ่งสุดท้าย

ก็จะให้ทำยังไงได้ ไม่ได้เกิดมาเป็นลูก  คุณประยุทธ์  ไม่อย่างนั้นถ้าอยากจะได้อะไรก็บอกให้คุณพ่อใช้มาตรา 44 เสกบันดาลให้

 

 

บล็อกของ สมานฉันท์ พุทธจักร

สมานฉันท์ พุทธจักร
(เนื้อหานี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความนี้)
สมานฉันท์ พุทธจักร
ผมเคยไปบนบานศาลกล่าวครั้งแรกน่าจะเป็นตอนที่ผมจะสอบเข้า ม.1  ตอนนั้นแม่พาผมไปบนกับเจ้าพ่อศาลหลักเมืองจังหวัด  แต่มีเพื่อนของผมอีกคนนึง พ่อมันพาไปบนกับเจ้าพ่อที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ  มันบอกผมว่าเจ้าพ่อองค์นี้ศักสิทธิ์จริง ให้โชคลาภผู้มาเส้นสรวงมาเยอะแล้ว  
สมานฉันท์ พุทธจักร
ได้โอกาสเป็นสมาชิกบล๊อกของประชาไทตื่นเต้นมากครับจากที่เคยเป็นผู้อ่านมาเนิ่นนาน  จึงอยากเปิดบล๊อกด้วยการเล่าเรื่องตัวผมกับประชาไท  เอาแบบชื่นชมอย่างเดียวไม่วิพากษ์วิจารณ์หรอกครับเจียมเนื้อเจียมตัวไว้ก่อน