Skip to main content

(เนื้อหานี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความนี้)

แม้ว่าสงความเย็นระหว่างสองขั้วความคิด สังคมนิยมและเสรีนิยมจะสิ้นสุด คำสั่งคณะรัฐมนตรีที่ 66/2553 เป็นจุดสิ้นสุดของสงครามระหว่างพรรคคอมมิสต์แห่งประเทศไทยกับรัฐทางการ ทำให้ภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์เสื่อมไปตามความปรารถนาของรัฐบาลไทย แต่ไม่น่าเชื่อว่าผีคอมมิวนิสต์ยังตามหลอกหลอนประเทศแห่งนี้จนมาถึงคนที่เกิดไม่ทันยุคทันสมัยอย่างคนรุ่นผม

ผมเกิดและเติบโตในย่านบ้านพักข้าราชการครูของวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ลักษณะจะเป็นบ้านแบบทาวน์เฮาส์เรียงติดๆกันไปหลายหลัง โดยใจกลางย่านชุมชนแห่งนี้มีตึกไม้สูงสองชั้นสองตึกตั้งอยู่ ตึกหนึ่งถูกทาด้วยสีแดง อีกตึกหนึ่งถูกมาด้วยสีดำ คนในจังหวัดนี้เรียกว่า “วังดำ”และ “วังแดง” ไม่รู้ทำใมมันถึงถูกเรียกว่า “วัง” เพราะตั้งแต่ผมเกิดมาก็ได้ยินแบบนั้นแล้ว วังแดงถูกใช้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ข้าวของต่างๆของทางวิทยาลัย ส่วนวังดำถูกใช้เป็นที่พักให้กับอาจารย์ที่ยังไม่มีบ้านพัก ซึ่งส่วนมากจะเป็นอาจารย์ใหม่ที่เพิ่งบรรจุเข้ามา บ้านพักยังไม่ว่าง จึงต้องพักที่นี้ก่อนเพื่อรออาจารย์รุ่นใหญ่ย้ายออกไป รอให้บ้านพักว่าง และตึกวังดำแห่งนี้ละครับเป็นที่มาของตำนานผีมาร์ซิสต์

ในช่วงสมัยสงครามปราบเหล่าคอมมิวนิสต์ตึกวังดำ เคยใช้เป็นศูนย์ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)เพื่อสู้กับเหล่าสหาย พคท. ที่มีฐานที่ตั้งอยู่ตามป่าแถบเทือกเขาภูพาน ว่ากันว่าคอมมิวนิสต์ที่ถูกจับได้ระหว่างปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐจะถูกนำมาทำการสอบสวน ณ ตึกแห่งนี้

 ข้อมูลนี้ยืนยันมาหลายเสียงครับ ถ้าไปบอกสามล้อรับจ้างแก่ๆแถวสถานีขนส่ง ว่าให้ไปส่งที่ กอ.รมน เขาจะรู้จักและไปส่งได้ถูกที่

สมัยเด็กๆเวลาวิ่งเล่นแถวบ้านยามดึกดื่น ส่งเสียงดังรบกวนผู้คน มักจะมีผู้ใหญ่แถบนั้นออกมาไล่ให้กลับเข้าบ้าน แถมขู่ว่า “ระวังผีทหารกับผีคอมมิวนิสต์มาหลอกนะ”

เรื่องมีอยู่ว่า... วันดีคืนดียามตกดึกเมื่อทุกคนเข้านอน อาจารย์ที่พักอยู่วังดำมักจะได้ยินเสียงคนเดินไปมาระหว่างทางเดิน เอี๊ยด เอี๊ยด!!!! ตามมาด้วยเสียงกระทบกันของโซ่ตรวน แต่พอมีคนเปิดออกมาดู ทางเดินกลับว่างเปล่าไม่มีใคร เป็นอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง บ้างครั้งก็เป็นเสียงคนเท้าหนักๆเหมือนเสียงท๊อปบู๊ตกระทบพื้นไม้ ตุ๊บ ตุ๊บ

ได้ยินเรื่องพวกนี้จากการจับกลุ่มคุยกันยามเช้าของผู้ประสบเหตุ เราเป็นเด็กก็ได้โอกาสแทรกตัวเข้าไปยืนฟังด้วย โดยพวกผู้ใหญ่พากันสรุปกันว่าน่าจะเป็นวิญญาณของคอมมิวนิสต์และทหารที่ตายที่นี้ เคสที่หนักที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของอาจารย์เบิร์ดที่พักอยู่ห้องริมสุดของตึก แกเล่าให้ฟังว่าช่วงกำลังเคลิ้มหลับได้ยินเสียงโซตรวนตามมาด้วยเสียงท๊อปบู๊ตรอบนี้มาพร้อมกันเลย รู้ตัวอีกทีร่างกายแกก็ขยับอะไรไม่ได้เหมือนโดนผีอำ แถมได้ยินเสียงเท้ามาหยุดอยู่ที่หน้าห้องแก และเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก๊อกๆ แกได้แต่สวดมนต์ในใจแล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้ นั้นคือความรับรู้ครั้งแรกของผมเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ ตอนนั้นเข้าใจว่าคอมมิวนิสต์เป็นพวกก่อการร้ายจะมายึดประเทศไทย ประมาณพวกไอเอสทุกวันนี้

พอโตขึ้นเริ่มได้รู้ประวัติศาสตร์มากขึ้น ก็เริ่มเข้าใจผีคอมมิวนิสต์แถวบ้านมากขึ้นว่าจริงๆเขาก็ไม่ใช่คนเลวอะไร เสียใจด้วยซ้ำที่เขาต้องมาเป็นวิญญาณอยู่ไกลบ้าน เวลาไปทำบุญตักบาตรก็มักอุทิศส่วนกุศลให้ผีพวกนี้ทั้งฝั่งรัฐและสหาย แล้วในช่วงผมเรียนมหาวิทยาลัยตึกวังดำก็ถูกรื้อไปสร้างเป็นอาคารเรียน ปิดตำนานผีมารกซิสต์ จริงๆก่อนหน้านั้นก็ไม่ค่อยมีเรื่องเล่าทำนองนี้แล้ว อาจจะเป็นเพราะบุญกุศลที่ผมทำ ส่งให้พวกเขาได้ไปผุดไปเกิดหมดแล้ว เหลือเพียงแต่อดีตคอมมิวนิสต์ตัวเป็นๆที่ทุกวันนี้ยังมีบทบาทในสังคมอยู่

ถึงแม้ผีคอมมิวนิสต์จะไปผุดไปเกิดหมดแล้ว หรือไม่ก็หายไปพร้อมกับตึกวังดำ ผมก็เริ่มเข้าใจว่าผีในลักษณะนี้ยังคงมีเสมอในสังคมนี้ เพราะรัฐบาลต้องการผีเสมอมา เพื่อจะได้ทำตัวเป็นหมอผีสะกดดวงวิญญาณโชว์อิทธิฤทธิ์ อย่างที่เห็นไม่นานมานี้รัฐบาลทหารก็พยายามจะปราบผีรุ่นเดอะอย่างแก๊งผีคณะราษ ที่ตายมานานกว่าแปดสิบปีมาแล้ว

โดยไม่รู้ตัวคนรอบข้างผมเริ่มถูกรัฐบาลสร้างให้เป็นผีไปหลายตน........ #ปล่อยไผ่  ก่อนที่จะได้โทรเล่าเรื่องผีในรายการเดอะช๊อค ของพี่ป๋องกพล ทองพลับ 

เดี่ยวหาว่าโกหก ภาพตึกวังแดงที่ยังทำหน้าที่อุปกรณ์ต่างๆของวิทยาลัยเช่นเดิม ส่วนวังดำอย่างที่บอกว่าถูกรื้อเป็นอาคารเรียนไปแล้ว

บล็อกของ สมานฉันท์ พุทธจักร

สมานฉันท์ พุทธจักร
(เนื้อหานี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความนี้)
สมานฉันท์ พุทธจักร
ผมเคยไปบนบานศาลกล่าวครั้งแรกน่าจะเป็นตอนที่ผมจะสอบเข้า ม.1  ตอนนั้นแม่พาผมไปบนกับเจ้าพ่อศาลหลักเมืองจังหวัด  แต่มีเพื่อนของผมอีกคนนึง พ่อมันพาไปบนกับเจ้าพ่อที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ  มันบอกผมว่าเจ้าพ่อองค์นี้ศักสิทธิ์จริง ให้โชคลาภผู้มาเส้นสรวงมาเยอะแล้ว  
สมานฉันท์ พุทธจักร
ได้โอกาสเป็นสมาชิกบล๊อกของประชาไทตื่นเต้นมากครับจากที่เคยเป็นผู้อ่านมาเนิ่นนาน  จึงอยากเปิดบล๊อกด้วยการเล่าเรื่องตัวผมกับประชาไท  เอาแบบชื่นชมอย่างเดียวไม่วิพากษ์วิจารณ์หรอกครับเจียมเนื้อเจียมตัวไว้ก่อน