Skip to main content

ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ?

โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง

ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่


4_08_01


แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว


แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด


แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้ ความหมายแห่งที่สุดของแมงหัวหงอกคืออาหารชั้นยอด


ดังนั้น ในเช้าต้นฤดูฝนวันหนึ่งเมื่อยามน้ำค้างยังชุ่มเท้า ฉันเดินไปเจอแมงสีขาวเกาะบนต้นไม้แน่นขนัดจนลำต้น ก้าน กิ่ง มีสีขาว ฉันเดินมาบอกพ่อสนซึ่งเป็นพ่อของดาวใจและไพจิตรว่ามีแมงสีขาวเกาะบนกิ่งไม้เต็มไปหมด มันคือแมงอะไร พ่อสนบอกว่า แมงหัวหงอก พ่อตอบเท่านั้นและเดินเข้าไปในกระท่อมเอาตาข่ายออกมา


เหมือนทุกคนรู้ดีว่าพ่อสนจะทำอะไรจึงพากันไปใต้ต้นไม้ ขณะที่ฉันยังงงๆ ทั้งเด็กหญิงและแม่ รวมทั้งน้องที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านที่ตามมาเที่ยวนาพ่อสนด้วยต่างพากันจับชายตาข่าย ขึงพืดเป็นผืนกว้าง พ่อสนปีนขึ้นต้นไม้และใช้เท้าถีบกิ่งก้านให้แมงหัวหงอกร่วงพรูลงบนตาข่าย พวกแมงหัวหงอกกระโดดกันใหญ่ แต่โดดได้ไม่ไกลหรอก มันเต้นๆ อยู่ในตาข่ายนั่นแหละ ส่วนพวกเรา ใครที่ไม่เอาผ้าคลุมหัว งานนี้เจอขนของมันร่วงใส่ก็พากันหัวหงอกจริงๆ


4_08_02


เราเก็บแมงหัวหงอกได้เยอะมาก มากจนฉันยังกังวลว่าจะกินมันหมดไหมนี่ แต่ไพจิตรก็ดูจะชอบกินยิ่งกว่าแมงกุดจี่ ตอนที่คำแพง
-น้องชายแห่งศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเอ่ยปากขอห่อกลับไปกิน
ไพจิตรตอบแบบจำใจว่า “ได้ แต่อย่าเอาไปเยอะนะ”


แมงหัวหงอกจอมกระโดดตัวนี้ เป็นแมลงที่เพิ่งฟักตัวมา ถ้ามันโตเต็มที่มันจะลอกคราบเป็นอะไรรู้ไหม?

เป็นผีเสื้อกลางคืนตัวเล็กๆ ไงล่ะ


ส่วนเวลามันเป็นอยู่ในกระทะและเจอความร้อน มันกลายเป็นสีเหลืองค่ะ ความสวยงามสะอาดสะอ้านหายหมดแล้ว กินได้อย่างสบายใจ แต่ถ้ากินเยอะๆ ก็เวียนหัวเหมือนกัน


4_08_03


แม้ว่าจะเขย่าลงจากต้นตายไปประมาณล้านเจ็ดสิบเอ็ดตัว แต่ว่ามันก็ยังหลงเหลือชีวิตอีกนับร้อยล้านตัว หายห่วงได้ว่าคนอีสานจะกินมันจนหมดอย่างที่คนบางคนหวั่นเกรงว่า ชาวบ้านอีสานจะจับปลาหมดแม่น้ำ ทั้งที่จับปลาได้เยอะไม่ได้แปลว่าปลาจะหมด และแม่น้ำที่ไม่มีใครหาปลาเลยก็ไม่ได้แปลว่าใต้ท้องน้ำฝูงปลาจะแหวกว่ายชุกชุม


บางครั้ง คนเรามักนับสิ่งที่เสียไปมากกว่านับสิ่งที่ได้มาและสิ่งที่หลงเหลือ

เราจ่อมจม เคียดแค้น กล่าวโทษ และพยายามอย่างยิ่งที่จะปกป้องความสูญเสีย แต่กลับลืมมิติอื่นๆ เสียสิ้น


บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก “กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา “กินอ่ะ” “เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน” อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ)…
สร้อยแก้ว
ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ? โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้…
สร้อยแก้ว
แมงกุดจี่ทั้งเคยได้ยิน ทั้งเคยฟังเพลง และเคยกินมาก่อน แต่ยามได้เดินถือกระแป๋งตามเด็กสองคนไปขุดหาแมงกุดจี่ในยามเช้า ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมันผลุบๆ โผล่ๆ ในรู ดาวใจเป็นพี่สาวของไพจิตร เธอขุดแมงกุดจี่พลาดโดนตัวมันหลายครั้ง ทำให้ฉันขัดใจน่าดู “มา มา ขอพี่ทำหน่อยซิ” ฉันว่าฉันมือเบาน่าจะขุดได้ดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฉันสับเอาแมงกุดจี่หัวขาด ตัวขาด รุ่งริ่ง เสียจนน่าเวทนา เด็กหญิงไพจิตรร้องเสียงหลงทุกทีที่ฉันยั้งมือไม่ทัน คมเสียมสับลงกลางตัวแมงสีดำๆ นั้นเสียแล้ว
สร้อยแก้ว
เดือนเมษายน เมื่อฉันกลับไปยังศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอีกครั้ง ภาพของผืนดินแล้ง หญ้าแห้ง และต้นไม้ใบร่วงยืนโดดเดี่ยวเดียวดายที่เห็นชินตาก็แปรเปลี่ยนไปสายฝนที่สาดเทลงมาเพียงไม่กี่ครั้งได้ลบล้างโลกสีน้ำตาลให้หายไป สองข้างทางระหว่างที่รถสามล้อเครื่องนำพาไปมีทิวหญ้าสีเขียวระบัดใบตลอดทาง ต้นไม้ใบแห้งผลิใบเขียวชะอุ่ม และผืนดินแล้งก็มีพุ่มไม้ใบขึ้นเป็นกอเล็กกอน้อยนับว่าชวนตื่นตาตื่นใจไม่น้อยสำหรับเวลาที่หายไปเพียงยี่สิบวัน ผืนดินก็เปลี่ยนแปลงได้เพียงนี้