Skip to main content

อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ


เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก

กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา

กินอ่ะ”

เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน”

อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง


กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ) ชีวิตดั้งเดิมสอนฉันมาว่านี่คือการดำรงชีวิต ไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของความผิด


ดังนั้น เมื่อเห็นคนบางคนฆ่าไก่ ฆ่าหมู ฆ่าวัว ฉันไม่เคยมองว่าพวกนี้มันใจร้าย


ชอบนะ เวลาเห็นคนรักสัตว์ ฉันก็รักเหมือนกัน เวลาเห็นแมลงตกน้ำก็ช่วยทุกครั้ง ยุงกัดยังพยายามข่มใจปัดมือไล่ (ถ้าโมหะไม่มาครอบงำเสียก่อน ซึ่งมักต้องแข่งกับสติตัวเองเสมอ) ฉันถือว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องฆ่ายุง เราฆ่ายุงเพราะความโกรธต่างหาก และความโกรธเป็นสิ่งไม่ดี โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า แต่ว่าฉันฆ่าปลาได้ เพราะการฆ่าสัตว์เพื่อยังชีพมันสมเหตุสมผลอยู่นะ

12_8_01


ตอนเล็กๆ ฉันเคยช่วยแม่ขายปลาในตอนเย็น มีบางครั้งที่ข้าราชการครูบางคนถามแม่อย่างใคร่รู้ว่าวันหนึ่งแม่ฆ่าปลากี่ตัว (ฤดูปลาออกนาแม่จะได้ปลาช่อนเป็นๆมาขาย ซึ่งคนซื้อจะขอให้ฆ่าและผ่าไส้ ตัดเป็นท่อนก่อน) แม่อาจตอบคำถามไปหัวเราะไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่คืนวันหนึ่ง แม่ก็เปรยว่า ถ้าแม่ตายไปแม่คงจะตกนรกนานมาก เพราะแม่ทำบาปไว้เยอะ ฉันฟังแม่พูดแล้วไม่รู้ทำไมน้ำตาซึมออกมา


อยากบอกว่าไม่บาปหรอกแม่ ก็พูดไม่ได้ เราถูกสอนมาว่าการฆ่าสัตว์ผิดศีลข้อแรกเลยด้วยซ้ำ


12_8_02


แม่พยายามเว้นช่องว่างของบาปกรรมให้ตัวเองด้วยการไม่ฆ่าปลาวันพระ ถ้าวันนั้นมีปลาเป็นๆ ถูกส่งมาให้ขายและคนซื้ออยากกิน แม่ก็จะบอกว่าเอาไปทำเอง เพราะแม่จะไม่ฆ่าปลาวันพระ ซึ่งดูจะเป็นวันที่แม่สบายอกสบายใจที่สุดเพราะได้ยกภาระบาปกรรมให้กับคนกินไป


อ่ะ ก็แบ่งกันทำบาปมั่งสิ โยนบาปมาให้แม่ค้าปลาคนเดียวได้ไงเล่า


คนบ้านนอกคอกนา หลายครั้งถูกมองเป็นคนป่าเถื่อน ใจคอโหดร้าย ใจร้ายกับหมา (แต่ตัวฉันเล่า ข้าวจะกินยังไม่มี) เพราะคนอีสานกินหมา


แต่เราอาจจะยังไม่เข้าใจอีกหลายอย่างตราบใดที่ยังไม่ได้สัมผัสวิถีชีวิตของที่นั่น ไม่ได้เห็นสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของที่นั่น อีสานแล้งบางช่วง สมบูรณ์บางช่วง ยามแล้งย่อมหาของกินยาก ยิ่งสมัยก่อนการคมนาคมไม่ได้สะดวกอย่างทุกวันนี้ ไม่มีถุงยังชีพ ไม่มีปลากระป๋อง อาหารแห้ง ธรรมชาติที่มีเท่านั้นคือคำตอบ


คนอีสานกินสัตว์หลายชนิดที่คนในเมืองอาจมองว่าแปลก ไม่ว่ากระปอม (กิ้งก่า) หนูนา ตุ๊กแก แย้ แลน (ตัวตะกวด) แมลงสารพัด ฯลฯ


ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ยามมืดค่ำ ริมถนนสายพิบูลมังสาหาร-โขงเจียม จะมีชาวบ้านพากันเดินไปหากระปอม บนหัวติดดวงไฟไว้ส่องหาตัวกระปอมในท้องนา อาหารสุดเริ่ดของที่นั่นในฤดูกาลนั้นคือ ก้อยกระปอม ฉันลองชิมดูแล้ว อร่อยดีทีเดียว ฉันชิมได้คำเดียว ส่วนคำอื่นๆ ที่เหลือคือกินอย่างจริงจัง


พอพ้นหน้าแล้ง เมื่อฝนแรกเยือน ค่ำคืนหลังพายุฝนโครมครืนเซาลง แม้สายฝนพรำพร่าง ไฟบนฟ้ายังแลบแปลบปลาบเห็นท้องนาวาววาบจากการกลายสภาพเป็นแอ่งน้ำกว้าง ดวงไฟหลายดวงเคลื่อนขยับจากเรือนบ้านมุ่งสู่ท้องทุ่งอย่างมีชีวิตชีวา อึ่งมันร้องเชิญชวน มาจับฉันสิ มาจับฉันสิ

ลูกหลานนั่งรอที่บ้านพากันยิ้มแก้มอิ่ม เพราะอึ่งรสชาติวิเศษเหลือหลาย


ปล. ภาพปลาบนใบตอง พวงละ 10 บาท ในตลาดโขงเจียม สด น่ากินมาก แต่ภาพคนสองคนกำลังผ่าขี้ปลา ปลายิ่งสดมากๆ เพราะคนหาปลาเพิ่งขึ้นมาจากแม่น้ำแล้วก็เร่ขายในหมู่บ้าน (หมู่บ้านหัวเห่ว ใกล้สันเขื่อนปากมูน) ราคารึ ยิ่งถูก โลละ 10 บาท แต่โทษที ของดีๆ อย่างนี้ลงไหปลาแดกหมด สดมากขนาดนี้คิดดูเถอะว่าปลาแดกจะแซ่บ ขนาดไหน

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นุ่มนิ่มเหลือเกิน ลูกแม่เอ๋ย นานวัน เนื้อตัวเจ้าอวบอิ่ม กอดได้แน่นเต็มกอด หอมแก้มเจ้าได้แรงๆ เสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ ยามแม่เอาหน้าซุกพุงนิ่ม หรือสีข้างซี่โครงน้อย เจ้าร้องลั่น หัวเราะกรี๊ดๆ จั๊กจี้จั๊กกะเดียม แม่รู้ความลับของเจ้าแล้วสิ ว่าเจ้าเองก็บ้าจี้เหมือนแม่ แต่ยิ่งเจ้าเบี่ยงตัวหนีคิกๆ แม่ก็ยิ่งอยากแกล้ง เพราะอยากยินเสียงคักๆ คิกๆ กรี๊ดกร๊าดๆ
สร้อยแก้ว
ถึง ลุงแสงดาว เช้าวันนี้แม่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้าดี แม่ย่องมาเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ต (ยามเช้าๆ เน็ตแม่จะเดินได้เร็ว คงเพราะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน คลื่นอากาศเลยเดินทางได้คล่อง) แม่คงคิดว่าจะแอบทำงานตอนหนูหลับล่ะสิ เรื่องอะไร หนูจะยอมให้แม่สนุกอยู่คนเดียวล่ะ หนูไหวตัวทันหรอกน่า เลยกลิ้งซะสองรอบแล้วยันขายันแขนลุกนั่ง ร้อง อื้อๆ แม่ก็หันขวับทันที
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่ ๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองที่แม่หลบมารดน้ำให้หัวใจ รินลมหายใจแผ่วๆ ช้าๆ ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านี้เอง แต่มันทำให้แม่มีความสุข เพราะแม่สงบ ปลอดโปร่ง
สร้อยแก้ว
ตาน้ำ ยามเมื่อลูกนอนหลับ สิ่งที่แม่อยากทำที่สุดคืออะไรนะ เขียนหนังสือ, นอน, อยู่เฉยๆ ว่างๆ เพราะการเลี้ยงลูกเองมันเหนื่อยใช่เล่นเหมือนที่ใครหลายคนว่า แทบไม่ได้หายใจหายคอ ทั้งที่ยามลูกตื่นเราก็เล่นสนุกด้วยกัน มีความสุขเมื่อลูกอยู่ในอ้อมกอด ขำบ้าง ดุบ้างยามลูกยื้อแย่งจะเอาทุกอย่างในมือแม่
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้างไหมขณะที่ลูกบินอยู่บนฟ้า ตาน้ำ ลูกดูดนมแม่แล้วหลับปุ๋ยขณะแม่กอดลูกไว้แนบอก แม่เหม่อมองท้องฟ้า เห็นเพียงปุยเมฆขาวฟูฟ่อง บนฟ้าช่างเวิ้งว้าง บ่อยครั้งที่แม่ไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีไหม แม่จะเลี้ยงลูกได้คู่ควรหรือไม่ แม่รู้สึกว่าแม่ต่ำต้อยเสมอเมื่อนึกถึงความไว้วางใจจากสวรรค์ให้ดูแลบุตรีน้อยๆ คนนี้
สร้อยแก้ว
    ตาน้ำ แม่เพิ่งรู้ว่า ยามลมพายุพัดระหว่างมีบ้านอยู่กลางหุบเขากับที่ราบโล่ง เสียงสายลมจะหวีดดังไม่เหมือนกัน
สร้อยแก้ว
แต่ก่อนฉันเคยใฝ่ฝันกับการมีบ้านมานาน แต่จนแล้วจนรอดก็มักจะรู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลานั้น มันยังไม่ถึงเวลา ฉันยังอยากเดินทางท่องไปอยู่ ยังอยากพบเจออะไรใหม่ๆ อยู่ ดังนั้น หลายครั้งหลายหนเมื่อพบเจอปลอกหมอน ฟูกนอนพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมืองลายคลาสสิก แก้ว จาน ชาม เซรามิกที่ถูกใจก็มักจะซื้อเก็บไว้ แต่ก็ไม่ค่อยได้นำเอาออกมาใช้
สร้อยแก้ว
  ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของคนขายของชำที่มีต่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ คะเนอายุเธอน่าจะประมาณสามขวบคนขายของถามเด็กหญิงว่า "เอาอะไร"เด็กหญิงตอบอ้อมแอ้ม น้ำเสียงลังเล "เอา...เอา... เอานม!"
สร้อยแก้ว
ช่วงปิดเทอม ดาวใจกับไพจิตรได้เข้ามาที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเกือบทุกวันเพราะพ่อแม่ของเธอมารับจ้างสับมัน (มันสำปะหลัง) กับสหกรณ์ปากมูล (สหกรณ์ปากมูลและศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอยู่ติดกัน) บางครั้งดาวใจก็รับจ้างด้วย เพราะเธอโตแล้ว อายุสิบสี่ปีกว่า เธอทำงานแบบนี้ได้สบายมาก ส่วนไพจิตรยังคงเป็นเด็กหญิงซนๆ วิ่งไปวิ่งมา ทำงานตามแต่คำบัญชาการของพ่อแม่