Skip to main content

ตาน้ำ


ยามเมื่อลูกนอนหลับ สิ่งที่แม่อยากทำที่สุดคืออะไรนะ


เขียนหนังสือ, นอน, อยู่เฉยๆ ว่างๆ เพราะการเลี้ยงลูกเองมันเหนื่อยใช่เล่นเหมือนที่ใครหลายคนว่า แทบไม่ได้หายใจหายคอ ทั้งที่ยามลูกตื่นเราก็เล่นสนุกด้วยกัน มีความสุขเมื่อลูกอยู่ในอ้อมกอด ขำบ้าง ดุบ้างยามลูกยื้อแย่งจะเอาทุกอย่างในมือแม่

\\/--break--\>
ลูกกำลังเรียนรู้ คว้าอะไรได้ก็เอาเข้าปาก บางครั้งแม่ก็ปล่อยให้ลูกเล่น ยอมให้เลอะเนื้อตัว แต่บางครั้งก็ให้ไม่ได้ ลูกจะร้องโยเย แม่ต้องหาสิ่งล่อใจอันใหม่ให้ ลูกถึงจะยอมละความอยากได้ของลูกและเพลิดเพลินกับการงับของเล่นอันใหม่


ตาน้ำ ลูกอวบอ้วนแข็งแรง ตัวยาว หน้าหมวย ลูกโตขึ้น หมวก Enfant สีฟ้าอมม่วงของลูกมันเคยหลวมมาก แม่จึงเก็บไว้ก่อน แต่บัดนี้ มันพอดีหัวลูกเป๊ะ แม่ต้องรีบใช้ก่อนที่หัวกลมๆ ของลูกจะปฏิเสธมัน


คนจนนะ ตาน้ำ เสื้อผ้าข้าวของดีๆ เรามีอยู่ไม่กี่ชิ้น เราจึงมักเก็บไว้ก่อน รอโอกาสพิเศษหรือยามที่ต้องพบปะผู้คนมากๆ อย่างการเดินทางไกล หรือ กลับบ้าน เราถึงจะนำมันออกมาใช้


ตาน้ำ อีกครั้งนะ ที่แม่มองเห็นความเป็นแม่ (ยายของลูก) ทาบทับลงมาบนตัวแม่


เมื่อครั้งที่แม่จับลูกใส่ชุด Enfant สีขาวชมพูอ่อน เสื้อผ้าชุดนี้แม่ไม่ได้ซื้อเองหรอก อาของลูกซื้อให้ ทั้งหมวก เสื้อ กางเกง ถุงเท้า รวมแล้วหลายตังค์ แม่ซักและเก็บไว้อย่างดี จนลูกต้องไปเยี่ยมตายาย แม่จึงค่อยดึงออกจากกล่อง กลิ่นผ้าใหม่ยังหอมกรุ่น ลูกใส่แล้วดูดี ผิวผ่อง (เพื่อนแม่คนหนึ่งชอบพูดว่า ดูดีมีสกุลรุนชาติ) ยามแม่อุ้มลูก หน้าลูกโผล่พ้นบ่าแม่ สาวๆ แถวสนามบินร้องกรี๊ดกร๊าด “น่ารักจัง”


มีหรือ แม่จะไม่ปลื้ม


แม่เองก็หวังว่า เมื่อตายายเห็นลูก ตายายก็คงจะยิ้มร่าเช่นนี้และโผเข้าหาลูก แย่งกันอุ้มลูก เห็นว่าหลานคนนี้ช่างน่าชังนัก


บอกแล้ว ของดีมีสกุลทำให้ดูดี

 



ตาน้ำรู้ไหม ภาพของความรู้สึกที่คล้ายกันเช่นนี้เองเคยเกิดขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน ตอนนั้นยายของลูกกำลังจะกลับบ้านไปเยี่ยมทวด (แม่ของแม่ของแม่) ครอบครัวเราอยู่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนทวดอยู่เชียงใหม่ ระหว่างที่ยายขึ้นไปนั่งบนรถสองแถวรอรถออก แม่ก็ไปยืนเกาะเหล็กท้ายรถ ร้อง “แม่ะ แม่ะ”


แม่ไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำหน้าตาเช่นไร รู้แต่ว่ายายไล่แม่หลายครั้ง แต่แม่ไม่ยอมไป แม่ยังคงเกาะเหล็กตรงที่เท้าเหยียบขึ้นรถร้อง แม่ แม่ จะไปด้วย แล้วยายก็ลงจากรถหากิ่งไม้ข้างทางเงื้อไล่ให้แม่กลับ แม่วิ่งหนียายไปหลบหลังรั้วโรงเรียนใกล้คิวจอดรถ แต่พอคล้อยหลังยาย แม่ก็เดินไปหายายที่รถ ไปยืนมองหน้ายายแล้วร้อง “แม่ะ แม่ะ” จะไปด้วย


สุดท้ายยายหมดหนทางจะไล่แม่กลับได้ จำใจอุ้มแม่ขึ้นรถด้วยและเมื่อถึงอำเภอฮอด ซึ่งเป็นจุดที่รถจอดพักระหว่างทาง ยายก็พาแม่ไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่แทนชุดดำกระมอมกระแมมของแม่ พร้อมทั้งล้างหน้าล้างตาให้สะอาดหมดจด


แม่จำได้, มันเป็นชุดกระโปรงสีแดงตัวใหญ่เกินตัว ชายกระโปรงยาวย้วยถึงน่อง แทนที่ควรจะอยู่แค่หัวเข่า แต่กระนั้น มันก็ทำให้แม่ดูดี และพาแม่ไปสู่เชียงใหม่ได้อย่างมีหน้ามีตาสำหรับคนเป็นยาย


มันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ นะ ตาน้ำ กับแค่เสื้อผ้าข้าวของ คนเป็นผู้ชายเขาคงไม่คิดอะไรมาก แต่เราอยากให้ลูกของเราสะอาดสะอ้านดูดีนี่นะ (รุ่นน้องคนหนึ่งเล่าเรื่องของเพื่อนแม่ให้ฟังว่า ยามใดที่เพื่อนแม่อยู่บ้าน ลูกชายเธอมักจะแต่งตัวน่ารักเข้าชุดกัน แต่ยามใดที่เธอไม่อยู่และปล่อยให้สามีดูแลลูก ลูกชายมักจะใส่เสื้อผ้าที่ไม่เคยเข้ากันเลย ประมาณว่าจับเสื้อผ้าตัวไหนได้ก็คงใส่ๆ ไป ขอให้มันมีใส่ก็พอ รุ่นน้องเล่าไปหัวเราะไป นี่คงเป็นรายละเอียดแบบผู้หญิงจริงๆ นะ)


ทุกวันนี้ ชุดกระโปรงชุดนั้นของแม่ยังคงมีอยู่ ยายของลูกรักษาไว้ให้แม่ดู มันเป็นชุดสีแดงตัวเล็กนิดเดียวเท่านั้นเอง นึกถึงตอนนั้นมันยาวคลุมน่องเกือบถึงตาตุ่ม แสดงว่าแม่ยังเด็กมากจริงๆ


แม่เองก็จะเก็บเสื้อผ้าบางตัวไว้ให้ลูกเหมือนกันนะ ตาน้ำ อย่างเสื้อผ้าชุดแรกที่ลูกใส่เมื่อแรกเกิด หรืออีกหลายๆ ตัวที่มันจะกลายเป็นความทรงจำสำคัญระหว่างเรา หรือสำหรับตัวลูกเอง


แม่ไม่ได้ติดใจเรื่องยี่ห้อเสื้อผ้าอะไรหรอก ลูก พูดว่าดูดีมีสกุลก็แค่ขำๆ เพียงแต่ว่า-- เช่นเดียวกับข้าวของสำคัญในแต่วาระของลูก แม่จะเก็บหมวกใบนี้ไว้ เพราะมันเป็นหมวกที่อาของลูกซื้อให้และเป็นเครื่องหมายรำลึกถึงการเดินทางไกลครั้งแรกของลูก


เราสองคน บินขึ้นฟ้า ด้วยกัน

ตาน้ำ ในบางช่วงเวลา ข้าวของบางอย่างมันคือความทรงจำแสนงาม

 

แม่สร้อย

12 ธันวาคม 2552

 

 

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นุ่มนิ่มเหลือเกิน ลูกแม่เอ๋ย นานวัน เนื้อตัวเจ้าอวบอิ่ม กอดได้แน่นเต็มกอด หอมแก้มเจ้าได้แรงๆ เสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ ยามแม่เอาหน้าซุกพุงนิ่ม หรือสีข้างซี่โครงน้อย เจ้าร้องลั่น หัวเราะกรี๊ดๆ จั๊กจี้จั๊กกะเดียม แม่รู้ความลับของเจ้าแล้วสิ ว่าเจ้าเองก็บ้าจี้เหมือนแม่ แต่ยิ่งเจ้าเบี่ยงตัวหนีคิกๆ แม่ก็ยิ่งอยากแกล้ง เพราะอยากยินเสียงคักๆ คิกๆ กรี๊ดกร๊าดๆ
สร้อยแก้ว
ถึง ลุงแสงดาว เช้าวันนี้แม่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้าดี แม่ย่องมาเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ต (ยามเช้าๆ เน็ตแม่จะเดินได้เร็ว คงเพราะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน คลื่นอากาศเลยเดินทางได้คล่อง) แม่คงคิดว่าจะแอบทำงานตอนหนูหลับล่ะสิ เรื่องอะไร หนูจะยอมให้แม่สนุกอยู่คนเดียวล่ะ หนูไหวตัวทันหรอกน่า เลยกลิ้งซะสองรอบแล้วยันขายันแขนลุกนั่ง ร้อง อื้อๆ แม่ก็หันขวับทันที
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่ ๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองที่แม่หลบมารดน้ำให้หัวใจ รินลมหายใจแผ่วๆ ช้าๆ ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านี้เอง แต่มันทำให้แม่มีความสุข เพราะแม่สงบ ปลอดโปร่ง
สร้อยแก้ว
ตาน้ำ ยามเมื่อลูกนอนหลับ สิ่งที่แม่อยากทำที่สุดคืออะไรนะ เขียนหนังสือ, นอน, อยู่เฉยๆ ว่างๆ เพราะการเลี้ยงลูกเองมันเหนื่อยใช่เล่นเหมือนที่ใครหลายคนว่า แทบไม่ได้หายใจหายคอ ทั้งที่ยามลูกตื่นเราก็เล่นสนุกด้วยกัน มีความสุขเมื่อลูกอยู่ในอ้อมกอด ขำบ้าง ดุบ้างยามลูกยื้อแย่งจะเอาทุกอย่างในมือแม่
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้างไหมขณะที่ลูกบินอยู่บนฟ้า ตาน้ำ ลูกดูดนมแม่แล้วหลับปุ๋ยขณะแม่กอดลูกไว้แนบอก แม่เหม่อมองท้องฟ้า เห็นเพียงปุยเมฆขาวฟูฟ่อง บนฟ้าช่างเวิ้งว้าง บ่อยครั้งที่แม่ไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีไหม แม่จะเลี้ยงลูกได้คู่ควรหรือไม่ แม่รู้สึกว่าแม่ต่ำต้อยเสมอเมื่อนึกถึงความไว้วางใจจากสวรรค์ให้ดูแลบุตรีน้อยๆ คนนี้
สร้อยแก้ว
    ตาน้ำ แม่เพิ่งรู้ว่า ยามลมพายุพัดระหว่างมีบ้านอยู่กลางหุบเขากับที่ราบโล่ง เสียงสายลมจะหวีดดังไม่เหมือนกัน
สร้อยแก้ว
แต่ก่อนฉันเคยใฝ่ฝันกับการมีบ้านมานาน แต่จนแล้วจนรอดก็มักจะรู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลานั้น มันยังไม่ถึงเวลา ฉันยังอยากเดินทางท่องไปอยู่ ยังอยากพบเจออะไรใหม่ๆ อยู่ ดังนั้น หลายครั้งหลายหนเมื่อพบเจอปลอกหมอน ฟูกนอนพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมืองลายคลาสสิก แก้ว จาน ชาม เซรามิกที่ถูกใจก็มักจะซื้อเก็บไว้ แต่ก็ไม่ค่อยได้นำเอาออกมาใช้
สร้อยแก้ว
  ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของคนขายของชำที่มีต่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ คะเนอายุเธอน่าจะประมาณสามขวบคนขายของถามเด็กหญิงว่า "เอาอะไร"เด็กหญิงตอบอ้อมแอ้ม น้ำเสียงลังเล "เอา...เอา... เอานม!"
สร้อยแก้ว
ช่วงปิดเทอม ดาวใจกับไพจิตรได้เข้ามาที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเกือบทุกวันเพราะพ่อแม่ของเธอมารับจ้างสับมัน (มันสำปะหลัง) กับสหกรณ์ปากมูล (สหกรณ์ปากมูลและศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอยู่ติดกัน) บางครั้งดาวใจก็รับจ้างด้วย เพราะเธอโตแล้ว อายุสิบสี่ปีกว่า เธอทำงานแบบนี้ได้สบายมาก ส่วนไพจิตรยังคงเป็นเด็กหญิงซนๆ วิ่งไปวิ่งมา ทำงานตามแต่คำบัญชาการของพ่อแม่