Skip to main content

 

ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่

๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
\\/--break--\>
๐ ถ้าลูกเห็นอะไรที่ชอบ ลูกจะยิ้ม โน้มตัวเข้าหา ถ้าชอบมากก็จะมีเสียงตั้งแต่ครางในลำคอด้วยความพอใจ ไปจนถึงเสียงคุยอือๆ อาๆ ในระดับสบายหู แต่ถ้าชอบมากๆๆ จนต้องให้เอบวก ลูกจะร้องกรี๊ดอย่างกับดูคอนเสิร์ตพร้อมขยับแขนขา สีหน้าและแววตาที่ใครเห็นก็ต้องหัวเราะ และสิ่งที่ทำให้ลูกชอบมาก มักเป็นสัตว์ ไม่ว่า หมา แมว ลูกแมว วัว ควาย นก ไก่ เป็ด เมื่อไหร่ที่ลูกเห็น ลูกจะยิ้มร่าและร้องกรี๊ดกร๊าด ถีบขาจะไปหาพวกมัน แต่พวกมันมักพากันเดินหนี ก็ แหม.. ลูกเสียงดังขนาดนั้นเหมือนไล่มันมากกว่าคำว่า สวัสดีนะ พรรคพวก

๐ ถ้าลูกง่วงนอน ลูกจะเอามือสีตา ถูหน้า แต่ว่าบางครั้งลูกก็เอามือถูหน้าแม้ไม่ได้ง่วงนอน นั่นเป็นเพราะข้าวบดที่แม่ป้อนให้เข้ารูจมูกลูก (ลูกคงรู้สึกคัน จักจี้ หรือรำคาญ) จนป่านนี้แล้วแม่ก็ยังป้อนข้าวให้ลูกไม่เก่ง ป้อนทีไร หน้าลูกเลอะเทอะประจำ (ก็ลูกซนน่าดู ยิ่งนานวันยิ่งอยากเรียนรู้ หันโน่นหันนี่ ใครจะตามทัน) เมื่อไหร่ที่ข้าวบดเข้ารูจมูกลูก พ่อจะบ่นว่าแม่(ประจำ) แล้วไปเอาก้านสำลีชุบน้ำเช็ดรูจมูกให้ลูก

๐ ถ้าลูกทำเสียงครางในลำคอเมื่อไหร่ อาจเป็นไปได้ว่า ลูกกำลังจะเบ่งฉี่หรืออึ ให้คนอุ้มรีบรู้ตัว แต่ส่วนใหญ่มักไม่มีใครขยับหนีได้ทัน ลูกมักจะฝากรักให้คนอุ้มไปอย่างยินดีปรีดา (ความปรีดาของลูก แต่คนเปียกฉี่ไม่รู้จะปรีดาด้วยไหม)

๐ ถ้าลูกหิวนม และลูกอยู่ในอ้อมกอดของแม่ ลูกจะไหลตัวลงต่ำให้พอดีกับอกแม่และเอาหัวมุดๆ แม่จะรู้ว่าลูกหิวนมแล้ว ดังนั้น แม่จะปรับท่านั่งและวางลูกให้เหมาะๆ พร้อมกับเปิดเสื้อ ระหว่างนั้นลูกจะอ้าปากหวอ ทำเสียง ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เหมือนหมาหอบแฮ่กๆ ท่าทางลูกหิวโหยเสียเต็มประดา แม่อดไม่ได้ต้องขอค่ากินนมเป็นหอมแก้มหนึ่งฟอด

๐ เวลาที่แม่ทำงาน และลูกอยู่ในการดูแลของคนอื่น เมื่อลูกมองไม่เห็นแม่ สักพักลูกจะเริ่มโยเย พ่อหรือน้าอาที่ช่วยอุ้มจะพาลูกเดินเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่กระนั้น เมื่อลูกไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว ลูกจะเอียงตัวไปหาแม่ ยามแม่เสร็จงานแล้วและเดินมาหา ลูกจะดีใจมาก ท่าดีใจของลูกก็คือ ลูกจะกางสองแขนขึ้นกระพือพั่บๆ เหมือนปีกนก พร้อมยิ้มกว้างจนตาหยี

๐ เวลาที่ลูกมีความสุข สบายอุรา ลูกมักจะจับหัวแม่เท้าขึ้นมาอมเล่น อมไปก็ร้องอือๆ อาๆ ไป บางทีถ้าแม่ให้นมลูก ระหว่างที่กินไป ลูกจะยกขาข้างหนึ่งขึ้น อีกมือก็ไขว่คว้าหาหัวแม่เท้า เมื่อเจอแล้วลูกก็จะจับเล่น ดึงขึ้นดึงลง โยกซ้ายโยกขวา (โดยที่มือไม่ปล่อย) ขณะที่ปากของลูกก็ปฏิบัติการดูดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ละไม่คาย แต่ถ้าเป็นตอนนอน ลูกจะนอนกลิ้งไปมา ร้องเพลงด้วยการส่งเสียงอือๆ อาๆ สูงๆ ต่ำๆ ถ้ามีของเล่นก็เอาเข้าปาก ถ้าไม่มีของเล่น ลูกก็ยกหัวแม่เท้ามาอมอย่างเจริญใจ

๐ อีกอย่าง เวลาที่ลูกมีความสุขและแม่รับรู้ได้ก็คือ ถ้าลูกนั่งห้อยเท้า (เช่นว่า แม่อุ้มลูกนั่งบนตักขณะที่แม่หย่อนตัวนั่งกับชิงช้าหรือเปล แล้วปล่อยให้เท้าของลูกห้อยลง หรือบางที แม่จับลูกนั่งบนจักรยานที่จอดนิ่งๆ โดยประคองตัวลูกไว้) ลูกจะแกว่งเท้าเล่นไปมา อาการแกว่งเท้า ทำให้แม่คิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ยามเพลิดเพลิน แม่ก็ชอบแกว่งเท้า (ไม่หาเสี้ยน) เล่น

๐ เมื่อวานนี้ แม่พาลูกนอนเปลด้วยกัน ลูกนอนแหมะบนอกแม่ แม่โยกเปลเบาๆ แม่ร้องเพลงโบราณอย่าง อยุธยาเมื่อเก่าของเราแต่ก่อน... ลูกก็ร้องวาๆ อาๆ อืออออือออ ตามตลอดเพลง หน้าตาเบิกบาน แม่เดาเอาว่าลูกร้องเพลงตามแม่

๐ เวลาที่ลูกสนุก ลูกจะเอามือตบกับวัตถุใกล้ตัว แปะๆ ถ้าเป็นพื้นก็ตบพื้น ถ้าเป็นของเล่น ก็ตบของเล่น แต่ถ้าอยู่กับแม่ ลูกจะเอามือตีขาแม่แปะๆ มือของลูกนุ้ม นุ่ม แม่อยากให้ลูกตีขาแม่ทั้งชาติเลย

๐ ลูกเริ่มอ้อนเป็นแล้ว หลายวันก่อน ขณะแม่กำลังมองลูกคืบไปข้างหน้าเล่นโน่นนี่ จู่ๆ ลูกหันมามองแม่ ลูกก็หมุนตัวคืบดื๊บๆ มาหาแม่ และยันเข่าลุกนั่ง สองมือไขว่คว้าจะหาแม่ แม่บอกว่า มาหาแม่เอง ตาน้ำ ลูกยันเข่ากับสองมือ (ลูกกำลังหัดคลาน) เข้ามาใกล้แม่ แล้วลูกก็ล้มตัวกับเข่าแม่ เอาหน้าซบขาแม่ นอนเล่นอย่างนั้น ยิ้มหวาน

๐ เวลาที่แม่กินอาหารและลูกเห็น ลูกจะทำปากขมุบขมิบตาม นั่นแปลว่าลูกอยากกินด้วย บางที ถ้าอยากกินมาก ลูกจะแลบลิ้นแผล็บๆ (เห็นทีไรก็ได้หัวเราะทุกที) และถ้าแม่กำลังอุ้มลูกอยู่ ลูกเห็นแม่เคี้ยว ลูกจะอ้าปากและเอียงหน้ามาจุ๊บกับปากแม่ (ช่างเหมือนพวกลูกนกลูกกาเสียจริง) เสียใจด้วย ตาน้ำ ลูกยังเล็กเกิน กินอาหารได้เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ

๐ เขาว่าเด็กมักไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่แม่ว่าลูกน่ะไม่รู้หนาว แต่รู้ร้อน ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่แม่ห่มผ้าให้ลูกมากเกิน ลูกร้อน ลูกจะทำหน้าหงุดหงิด (ทั้งที่ยังหลับ) พร้อมกับปัดผ้าห่มหรือถีบผ้าห่มออก และถ้าแม่ยังไม่เชื่อ ลูกก็จะมีเหงื่อ เอาผดมาโชว์ให้แม่ดูเสียเลย แต่แม่ก็กลัวลูกจะหนาวนี่นา เพราะอากาศหนาวทำให้ไม่สบายได้ แต่อากาศร้อนมักไม่ค่อยเห็นใครเป็นอะไร แม่ถือคติอย่างนี้ แม่ก็เลยห่มผ้าให้เยอะไว้ก่อน

ตาน้ำ
วันนี้ลูกอายุครบ ๗ เดือน ลูกเริ่มรู้ความ เริ่มรู้สุข รู้ไม่สุข ชอบ ไม่ชอบ แม่เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวลูก รู้ว่าลูกมีอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น ลูกสื่อสารมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละ ใช่ว่าแม่จะเข้าใจลูกไปหมดทุกเรื่อง มีอยู่มากมายที่แม่แปลความหมายของลูกไม่ออก อย่างเช่นเวลาลูกกินนม จู่ๆ ลูกจะเงยหน้ามามองแม่ จ้องไม่กระพริบตา แล้วก็หันไปดูดนมต่อ แล้วก็เหมือนนึกได้ ลูกจะหยุดและหันมามาแม่แป๋วแหวว มองอย่างตั้งอกตั้งใจ และกลับไปกินต่อ แล้วก็หันมามองอีก ทำอย่างนี้ซ้ำๆ สี่ห้าครั้ง จนแม่สงสัยว่าลูกคิดอะไรอยู่นะ แต่มีบางทีเหมือนกันที่ลูกจะมองแม่แล้วหัวเราะชอบใจ

ตาน้ำ การสื่อสารของลูกไม่ได้มีแค่แม่ แม่รู้ว่าลูกกำลังสื่อสารกับธรรมชาติและรับสารจากธรรมชาติด้วย บ่อยครั้งที่แม่เห็นลูกเงี่ยหูฟังบางสิ่งบางอย่างอย่างตั้งใจ บางครั้งเป็นช่วงกินนม บางครั้งเป็นช่วงเล่นของเล่น จู่ๆ ลูกจะหยุดและนิ่ง ไม่สนใจกิจกรรมที่ตัวเองทำอยู่ แม่ก็จะนิ่งตาม ไม่นานนัก แม่จะได้ยินเสียงนั้น เสียงลมพัด เสียงรถยนต์แล่นมาแต่ไกล (ในความเงียบ ยามรถยนต์แล่นมาแต่ไกล มันคล้ายเสียงประหลาดจากนอกโลก) เสียงน้ำฝนหล่นบนหลังคา เสียงใบไม้แห้งกลิ้งบนพื้น เสียงเหล่านี้ลูกจะหยุดฟังอยู่นานจนแล้วใจลูกถึงจะดำเนินกิจกรรมของลูกต่อ
แม่ดีใจนะ ที่ลูกได้ซึมซับเอาสิ่งเหล่านี้ไว้ แม่รู้สึกเสมอว่าเสียงลม เสียงฝน เสียงใบไม้ มันเป็นเสียงที่ชุ่มฉ่ำหัวใจ เสียงของความเงียบราวกับโลกยุคดึกดำบรรพ์ที่แม่ใฝ่หา

อยู่กับสิ่งเหล่านี้ก่อนนะลูก เพราะไม่นานนักหรอก โลกของการเรียนรู้ก็จะพัดลูกไปสู่เมืองเอง ถึงวันนั้น แม่ก็หวังลูกจะมองเห็นว่าการที่เราได้ใช้ชีวิตเช่นนี้ช่างเป็นคุณค่าเลิศล้ำของชีวิต

แม่สร้อย
๑๒ มกราคม ๒๕๕๓

ปล. ขอบคุณมากนะคะ สำหรับการโพสท์ทักทาย ถามไถ่ ให้คำแนะนำ อ้ายแสงดาว ภู น้ำฝน ภูสีคราม กา’เกต์ น้องปู และทุกๆ คน ฉันไม่ค่อยได้เข้าเน็ตบ่อยเท่าไหร่ ใช้เน็ตมือถือค่อนข้างช้า (สัญญาณมีขีดเดียว บางทีก็หาย) ยิ่งเลี้ยงลูก เวลาว่างน้อยน่ะจ้ะ แต่อยากบอกขอบคุณมากๆ นะ เสียงของทุกคนทำให้แม่มือใหม่ (แต่แก่) มีกำลังใจมากค่ะ

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นุ่มนิ่มเหลือเกิน ลูกแม่เอ๋ย นานวัน เนื้อตัวเจ้าอวบอิ่ม กอดได้แน่นเต็มกอด หอมแก้มเจ้าได้แรงๆ เสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ ยามแม่เอาหน้าซุกพุงนิ่ม หรือสีข้างซี่โครงน้อย เจ้าร้องลั่น หัวเราะกรี๊ดๆ จั๊กจี้จั๊กกะเดียม แม่รู้ความลับของเจ้าแล้วสิ ว่าเจ้าเองก็บ้าจี้เหมือนแม่ แต่ยิ่งเจ้าเบี่ยงตัวหนีคิกๆ แม่ก็ยิ่งอยากแกล้ง เพราะอยากยินเสียงคักๆ คิกๆ กรี๊ดกร๊าดๆ
สร้อยแก้ว
ถึง ลุงแสงดาว เช้าวันนี้แม่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้าดี แม่ย่องมาเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ต (ยามเช้าๆ เน็ตแม่จะเดินได้เร็ว คงเพราะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน คลื่นอากาศเลยเดินทางได้คล่อง) แม่คงคิดว่าจะแอบทำงานตอนหนูหลับล่ะสิ เรื่องอะไร หนูจะยอมให้แม่สนุกอยู่คนเดียวล่ะ หนูไหวตัวทันหรอกน่า เลยกลิ้งซะสองรอบแล้วยันขายันแขนลุกนั่ง ร้อง อื้อๆ แม่ก็หันขวับทันที
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่ ๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองที่แม่หลบมารดน้ำให้หัวใจ รินลมหายใจแผ่วๆ ช้าๆ ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านี้เอง แต่มันทำให้แม่มีความสุข เพราะแม่สงบ ปลอดโปร่ง
สร้อยแก้ว
ตาน้ำ ยามเมื่อลูกนอนหลับ สิ่งที่แม่อยากทำที่สุดคืออะไรนะ เขียนหนังสือ, นอน, อยู่เฉยๆ ว่างๆ เพราะการเลี้ยงลูกเองมันเหนื่อยใช่เล่นเหมือนที่ใครหลายคนว่า แทบไม่ได้หายใจหายคอ ทั้งที่ยามลูกตื่นเราก็เล่นสนุกด้วยกัน มีความสุขเมื่อลูกอยู่ในอ้อมกอด ขำบ้าง ดุบ้างยามลูกยื้อแย่งจะเอาทุกอย่างในมือแม่
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้างไหมขณะที่ลูกบินอยู่บนฟ้า ตาน้ำ ลูกดูดนมแม่แล้วหลับปุ๋ยขณะแม่กอดลูกไว้แนบอก แม่เหม่อมองท้องฟ้า เห็นเพียงปุยเมฆขาวฟูฟ่อง บนฟ้าช่างเวิ้งว้าง บ่อยครั้งที่แม่ไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีไหม แม่จะเลี้ยงลูกได้คู่ควรหรือไม่ แม่รู้สึกว่าแม่ต่ำต้อยเสมอเมื่อนึกถึงความไว้วางใจจากสวรรค์ให้ดูแลบุตรีน้อยๆ คนนี้
สร้อยแก้ว
    ตาน้ำ แม่เพิ่งรู้ว่า ยามลมพายุพัดระหว่างมีบ้านอยู่กลางหุบเขากับที่ราบโล่ง เสียงสายลมจะหวีดดังไม่เหมือนกัน
สร้อยแก้ว
แต่ก่อนฉันเคยใฝ่ฝันกับการมีบ้านมานาน แต่จนแล้วจนรอดก็มักจะรู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลานั้น มันยังไม่ถึงเวลา ฉันยังอยากเดินทางท่องไปอยู่ ยังอยากพบเจออะไรใหม่ๆ อยู่ ดังนั้น หลายครั้งหลายหนเมื่อพบเจอปลอกหมอน ฟูกนอนพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมืองลายคลาสสิก แก้ว จาน ชาม เซรามิกที่ถูกใจก็มักจะซื้อเก็บไว้ แต่ก็ไม่ค่อยได้นำเอาออกมาใช้
สร้อยแก้ว
  ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของคนขายของชำที่มีต่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ คะเนอายุเธอน่าจะประมาณสามขวบคนขายของถามเด็กหญิงว่า "เอาอะไร"เด็กหญิงตอบอ้อมแอ้ม น้ำเสียงลังเล "เอา...เอา... เอานม!"
สร้อยแก้ว
ช่วงปิดเทอม ดาวใจกับไพจิตรได้เข้ามาที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเกือบทุกวันเพราะพ่อแม่ของเธอมารับจ้างสับมัน (มันสำปะหลัง) กับสหกรณ์ปากมูล (สหกรณ์ปากมูลและศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอยู่ติดกัน) บางครั้งดาวใจก็รับจ้างด้วย เพราะเธอโตแล้ว อายุสิบสี่ปีกว่า เธอทำงานแบบนี้ได้สบายมาก ส่วนไพจิตรยังคงเป็นเด็กหญิงซนๆ วิ่งไปวิ่งมา ทำงานตามแต่คำบัญชาการของพ่อแม่