ตาน้ำ แม่กอดลูกแน่นด้วยอยากขอพลังจากลูก ในวันที่แม่อุ้มลูกขึ้นแนบอกและตระหนักว่าแม่มีหน้าที่ต้องปกป้องเด็กหญิงคนนี้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ใจหนึ่งแม้จะปลื้มปีติที่ได้รับภารกิจนี้ แต่อีกใจหนึ่งแม่ก็รู้สึกได้ถึงความหนักหน่วงกับบทบาทความเป็นแม่ เพราะลูกสำคัญเหลือเกิน แม่ไม่ค่อยมั่นใจ และเมื่อไหร่ที่ไม่มั่นใจ แม่จะกอดลูก ช่วยถ่ายเทพลังมาให้แม่บ้าง
ตาน้ำ แม่เติบโตขึ้นบ้างไหมเมื่อมีลูก ?
เพื่อนคนหนึ่งของแม่ถามเช่นนี้ ‘เธอคงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก’ แม่หัวเราะ จริงๆ คำถามนี้น่าจะเหมาะกับคนที่อายุไม่ถึงสามสิบที่กำลังจะข้ามผ่านไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนอายุขนาดแม่ที่ป่านนี้ใครต่อใครเขามีลูกเต้าโตเป็นหนุ่มสาว มีบ้านมีรถ มีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงทั้งกายภาพและชีวภาพ แต่ว่าแม่ช่างเปล่าเสียกระไร แต่...
ก็คงเพราะชีวิตแม่มันเบาโหวงมากกระมัง พอมีลูก คำถามนี้จึงถูกเปรยขึ้นมาเบาๆ ด้วยความรักและห่วงใย แม่ตอบเพื่อนไปว่า ฉันไม่ค่อยโตเท่าไหร่ ฉันยังเหมือนเดิม ขี้โมโหในบางครั้ง ยังคงไม่รอบคอบ และทำอะไรผิดพลาดบ่อยๆ เหมือนเดิม การเลี้ยงลูกของฉันก็เหมือนฉันเขียนหนังสือ-ดูแลต้นฉบับ คือ พยายามทำดีให้ได้มากที่สุด เต็มที่ที่สุด ประณีตที่สุด ไม่ละเลยกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แม่ไม่ค่อยฉลาด ไม่เก่ง ต้องอาศัยความขยัน ไม่ย่อท้อเข้าว่าเท่านั้น และบ่อยครั้งก็กลายเป็นว่าแม่จดจ้อง คร่ำเคร่ง ระมัดระวังมากเกินไปด้วย
ตอบไม่ค่อยตรงคำถามเลย
ส่วนการนั่งเครื่องบินโดยสารครั้งแรกนั้น แม่ยิ่งกลัวหนักขึ้นไปอีก เพราะมันพุ่งตัวขึ้นสูงกว่าเฮลิคอปเตอร์หลายเท่า การนั่งครั้งแรกแม่นั่งระยะใกล้ๆ จากกรุงเทพฯ ไปโคราชแค่นี้เอง แต่มันทำให้แม่หัวใจแทบวาย เหงื่อเปียกมือแม่หนักยิ่งกว่าตอนนั่งเฮลิคอปเตอร์ โชคดีที่แม่มีเพื่อนนั่งข้างๆ มันทำให้แม่พออุ่นใจบ้าง แม้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก
ตาน้ำ แม่คงไม่ใช่คนเดียวที่กลัวเครื่องบิน ในโลกนี้มีคนที่กลัวการนั่งเครื่องบินหลายคน
แม่กลัว
แต่ก็ยังต้องอาศัยเจ้านกเหล็กพาแม่ไปสู่จุดหมายในยามที่เห็นว่าต้องพึ่งพามัน อย่างครั้งนี้ การเดินทางจากอุบลฯ มาเชียงใหม่ ไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ ถ้าต้องพาลูกนั่งรถไม่ว่ารถทัวร์หรือรถไฟลูกจะเหนื่อยเกินไป แม่ขอดเงินเท่าที่มีซื้อตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดสำหรับเราสองแม่ลูก (เราต้องบินสองต่อ คือ จากอุบลฯ-สุวรรณภูมิ และจาก สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่) ตา ยาย ป้าและน้า ของลูกรออยู่ ทุกคนอยากพบลูกและอยากเจอแม่หลังจากแม่จากเชียงใหม่ไปนานร่วมปี
ตาน้ำ แม่มองหมู่เมฆและในใจก็ครุ่นคิดอะไรมากมาย แม่หวนคะนึงถึงหนทางหลายสายที่แม่เคยสัญจรร่อนเร่ ราชบุรี สุรินทร์ กรุงเทพฯ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และอุบลฯ
วันอันเก่าก่อนยังเปี่ยมพลังของคนสาว
เธอคงเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
ตาน้ำ นุ่มนวลของแม่เอ๋ย ยามแม่มองนอกหน้าต่างขณะเครื่องบินพาเราสองแม่ลูกเดินทางสู่มาตุภูมิ เมฆขาวข้างหน้าต่างฟูฟ่อง ฟ้าเบื้องหน้าเวิ้งว้าง แม่รู้สึกอีกแล้วว่าชีวิตช่างไร้ความมั่นคงใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่มี มีเพียงความเวิ้งว้างกว้างไกลเป็นเอนกอนันต์เท่านั้น แม่ถามตัวเองอย่างเลื่อนลอยว่า นี่เรากำลังอยู่ในสถานที่แห่งใด มนุษย์มาจากหนไหน ไฉนเราจึงมาดำรงอยู่ภายในแรงดึงดูดของดาวเคราะห์เล็กๆ สีฟ้าใบนี้
ถามไปอย่างที่ไม่รู้คำตอบ -- ยิ่งมอง สายตายิ่งพร่า ไกลออกไปจากนี้แม่ก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้วนอกจากดวงใจแม่
แม่มองหน้าเล็กๆ แสนบริสุทธิ์ของลูกแล้วก็กระชับลูกแนบชิดอกยิ่งขึ้น
๒๘ กันยายน ๒๕๕๒