Skip to main content


เพลงลำไม่เคยร้างหายจากหมู่บ้าน

พิณแคนยังดังแล่นแตร แล่นแตร

ร้อนแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินใด

หยาดเหงื่ออาบไหลทุกวัน

แต่ชีวิตยังดิ้นได้

แววตายังกระจ่างใสเปี่ยมพลัง

ออกไล่ล่าหากะปอมยามดวงตะวันส่องหัว

ออกหาปลาในหนองน้ำแห้งขอด, ดินระแหง

ยามฝนแรกกระเซ็นสาด

ติดดวงไฟบนหน้าผากส่องหาเขียด แมลง

ฝนแรกมาถึงแล้ว

แมงจินูน แมงกุดจี่ มาโบยบินเล่นที่บ้าน

เก็บใส่กาละมังขังน้ำ

อโหสิเถิด, ข้าขอชีวิตเจ้าเพื่อเป็นอาหารข้าและลูกน้อย

เราสัญญาจะกินทุกชีวิตด้วยสำนึกในบุญคุณ

ขอบคุณที่มอบอาหารอันเปี่ยมคุณค่าไร้สารพิษ

ขอบคุณผืนแผ่นดินแห้งผากที่มอบเมล็ดข้าวยาไส้

ร้อนแล้งยาวนาน

เฝ้ามองท้องฟ้าและก้อนเมฆ

ใบไม้หน้าแล้งผลิใบ

เก็บยอดมาแกงมากินมาจิ้มน้ำพริก

ฝันถึงฤดูฝน

น้ำมาปลาจะขึ้น

ปลาอุดมสมบูรณ์

ปลาร้าจะคืนไห

รอยยิ้มจะอิ่มถึงวันข้างหน้า

ฝันถึงที่นาแห้งผากจะชุ่มน้ำ

เมล็ดข้าวจะงอกใบออกรวงให้เก็บเกี่ยว

ขอฝนเทวาจงชุ่มฉ่ำให้ข้าวนาดี

โอ้ ชีวิตแสนยิ่งใหญ่

นี่คือมหกรรมชีวิตแสนยิ่งใหญ่

ไม่มีเงินเราก็อยู่ได้

ขอเพียงบ้านไร่นาเราสมบูรณ์

โปรดอย่าผลักเราเข้าโรงงานโดยต้องแลกแม่น้ำ, ธรรมชาติ

รอฝนอีกไม่นาน

กบเขียดจะร้องระงม

หน่อไม้ เห็ด ผัก จะงอกเงย

เมล็ดข้าวจะถูกหว่านโปรยบนท้องนา

ค่ำคืน, ดวงไฟบนหัวจะส่องสว่างกลางท้องทุ่ง

ดวงไฟในลำเรือจะล่องลอยวิบวับเหนือสายน้ำ

ฤดูกาลใหม่กำลังจะมาเยือนชีวิตแล้ว

(ได้โปรดเถอะ, อย่าผลักเราเข้าโรงงานโดยต้องแลกแม่น้ำ, ธรรมชาติ)

รอฝนอีกสักหน่อย

ฤดูกาลใหม่กำลังจะมาเยือนแล้ว

โอ้ ชีวิตแสนยิ่งใหญ่

นี่คือมหกรรมชีวิตแสนยิ่งใหญ่

 

 

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
อืมม์... ดูเหมือนยุคนี้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะกลายเป็นอาชญากร ไม่น่าคบไปเลยจริงๆ เมื่อฉันจัดการทุบหัวปลาโป๊กๆ สีหน้าน้องผู้หญิงบางคนเหยเก เบะปาก “กินไหมเล่า!” ฉันเอ็ดเอา “กินอ่ะ” “เออ ถ้าจะกินอย่าทำหน้าอย่างนั้น คนฆ่าเสียเซลฟ์เหมือนกัน” อืมม์... แต่จะว่าไปก็ฆ่าตัวเป็นๆ ซะหลายตัว จะไม่ให้น้องมันทำหน้าเบ้ได้ไง กับคนรู้จักมักคุ้นฉันมักออกตัวเสมอว่า ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยใจดีนะ ฉันเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้โดยไม่รู้สึกผิดเลย ตกปลาฆ่าปลาได้ ยิงหนังกะติ๊กเอานกมาย่างไฟได้ ฆ่าตั๊กแตน ฆ่าแมลงต่างๆ ได้ จับปูเป็นๆ เผาบนเตาถ่านได้ หรือจับปูเป็นๆ โขลกในครกได้ (การทำน้ำปู๋ของคนเหนือ)…
สร้อยแก้ว
ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ? โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้…
สร้อยแก้ว
แมงกุดจี่ทั้งเคยได้ยิน ทั้งเคยฟังเพลง และเคยกินมาก่อน แต่ยามได้เดินถือกระแป๋งตามเด็กสองคนไปขุดหาแมงกุดจี่ในยามเช้า ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมันผลุบๆ โผล่ๆ ในรู ดาวใจเป็นพี่สาวของไพจิตร เธอขุดแมงกุดจี่พลาดโดนตัวมันหลายครั้ง ทำให้ฉันขัดใจน่าดู “มา มา ขอพี่ทำหน่อยซิ” ฉันว่าฉันมือเบาน่าจะขุดได้ดี แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฉันสับเอาแมงกุดจี่หัวขาด ตัวขาด รุ่งริ่ง เสียจนน่าเวทนา เด็กหญิงไพจิตรร้องเสียงหลงทุกทีที่ฉันยั้งมือไม่ทัน คมเสียมสับลงกลางตัวแมงสีดำๆ นั้นเสียแล้ว
สร้อยแก้ว
เดือนเมษายน เมื่อฉันกลับไปยังศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอีกครั้ง ภาพของผืนดินแล้ง หญ้าแห้ง และต้นไม้ใบร่วงยืนโดดเดี่ยวเดียวดายที่เห็นชินตาก็แปรเปลี่ยนไปสายฝนที่สาดเทลงมาเพียงไม่กี่ครั้งได้ลบล้างโลกสีน้ำตาลให้หายไป สองข้างทางระหว่างที่รถสามล้อเครื่องนำพาไปมีทิวหญ้าสีเขียวระบัดใบตลอดทาง ต้นไม้ใบแห้งผลิใบเขียวชะอุ่ม และผืนดินแล้งก็มีพุ่มไม้ใบขึ้นเป็นกอเล็กกอน้อยนับว่าชวนตื่นตาตื่นใจไม่น้อยสำหรับเวลาที่หายไปเพียงยี่สิบวัน ผืนดินก็เปลี่ยนแปลงได้เพียงนี้