สมยศ พฤกษาเกษมสุข: เสียงของคนงานบังคลาเทศที่เงียบหายไป

 โดย  ..  จิม  ยาร์ด  เล (Jim  Yard  Ley)
ถอดความโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข

 

 

นักกิจกรรมแรงงานถูกสังหาร  ปลุกเร้าความโหดร้ายของการเข่นฆ่าทางการเมืองที่มีมายาวนานของบังคลาเทศ

สำนักงานขนาดเล็กกระจิดริดของเขาแทบหาไม่เจอ ท่ามกลางโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าใหญ่โต ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้ากางเกง และเสื้อผ้ายี่ห้อดังเช่น แก็ป (GAP) หรือ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ (Tommy  Hilfiger) แต่สำหรับคนงานแล้วไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่จะไปพบกับ “อมินูล อิสลาม” (Aminul Islam) พวกเขาเข้ามาพร้อมกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกเบี้ยวค่าจ้าง นายจ้างที่กดขี่ นี่คือ “นายอิสลาม” นักจัดตั้งแรงงาน และนักต่อสู้เพื่อสิทธิคนงาน

พวกหน่วยงานความมั่นคงก็รู้จักนายอิสลามเช่นกัน โทรศัพท์ของเขาถูกดักฟัง ตำรวจมักจะคุกคามเขาอยู่เสมอ และพวกสายลับท้องถิ่นเคยลักพาตัวเขาไปซ้อมทุบตี เพื่อนของเขาคนหนึ่งเล่าให้ฟัง

หลายครังด้วยกันที่เขาถูกบอกว่าการที่เขาต่อสู้เพื่อสิทธิคนงานเป็นการทำร้ายบังคลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศส่งออกเสื้อผ้า เป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากนี้ไม่นานไม่มีใครพบเห็นนายอิสลามอีกต่อไป  เขาหายตัวไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2555 ต่อมาทางครอบครัวจึงพบว่าเขาถูกทรมานและถูกฆ่าตายเสียแล้ว

การฆาตกรรมแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความป่าเถื่อนที่มีแรงจูงใจทางการเมืองอันเป็นมรดกตกทอดกันมาช้านานแล้ว

เป็นคำถามที่หนักใจเป็นอย่างยิ่งว่า การตายของเขามาจากความพยายามจะรวมกลุ่มคนงานใช่หรือไม่ ?

หลังการตายของนายอิสลามผ่านไปแล้ว 5 เดือน ยังอยู่ในชั้นของการสอบสวน ยังไม่มีการจับกุมคนร้าย หรือผู้ต้องสงสัย และตำรวจยังบอกอีกว่า คดีนี้ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน

ในวันที่นายอิสลามหายตัวไป เขาพยายามที่จะแก้ปัญหาของคนงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ายี่ห้อ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ (Tommy  Hilfiger) อเมริกัน อีเกิ้ล (American Eagle) และยี่ห้อดังระดับดลกอื่น ๆ ครั้นแล้วคนที่รู้จักกันคนหนึ่งมาพร้อมกับผู้หญิงในชุดคลุมใบหน้ามุสลิม ผู้ชายคนนี้สงสัยว่า จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งเข้ามาเชิญให้นายอิสลามร่วมงานแต่งงาน นายอิสลามนั่งรถขี่สามล้อไปช่วยงาน แล้วไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้าอีกเลย

ยังไม่ชัดเจนว่า นายอิสลามถูกฆ่าตายด้วยสาเหตุมาจากการทำงานของเขา หรือมาจากสาเหตุอื่น แต่ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือ และปกป้องสิทธิคนงานของเขาย่อมไปขัดแย้งกับผู้ทรงอิทธิพลในบังคลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกเป็นอันดับที่สองรองจากประเทศจีน ด้วยแรงงานราคาถูกเป็นปัจจัยสำคัญของการส่งออก คนงานบังคลาเทศได้รับค่าจ้างเพียงเดือนละ 3,000 ทากา (ta ka) หรือ 37 เหรียญสหรัฐ ต่อหนึ่งเดือน (ราว 2,400 บาทต่อเดือน) อีกทั้งยังไม่มีสหภาพแรงงานในระดับโรงงานอีกด้วย

โดยปกติการฆาตกรรมในบังคลาเทศไม่ได้ทำให้คนส่วนอื่นภายนอกประเทศให้ความสนใจเท่าไรนัก แต่ทว่ากรณีการตายของนายอิสลาม เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการรณรงค์ขึ้นระดับโลก ด้วยการประท้วงโดยกลุ่มแรงงานสากล และโดยประชาคมยุโรป ทูตสหรัฐ รวมทั้งเลขานุการของฮิลลารี่ รอดแฮม คลินตัน (Hillary Rodham Clintan) แรงกดดันจากภายนอกขยายตัวเพราะเหตุว่า เสื้อผ้ายี่ห้อดังของโลกจ้างโรงงานผลิตในบังคลาเทศ อีกทั้งนายอิสลามยังทำงานให้กับสภาแรงงานสหรัฐอเมริกา (A.F.L.-C.I.O.) ซึ่งเป็นองค์กรแรงงานใหญ่ที่สุดในอเมริกา ความเชื่อมโยงเช่นนี้ทำให้การตายของเขากลายเป็นประเด็นทางการเมืองสอดแทรกขึ้นมา

หลายปีมานี้ข้อกังขาทั้งสองฝ่ายได้กำหนดให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหพันธ์แรงงานสหรัฐอเมริกา และการก่อตั้งสหภาพแรงงานในบังคลาเทศ ได้อ้างถึงการกดขี่แรงงาน ซึ่งสภาแรงงานอเมริกาได้ส่งข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลสหรัฐให้ยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าของบังคลาเทศ ทำให้ผู้นำของบังคลาเศเกิดความโกรธเคือง (Infuriating) และโทษพวกองค์กรแรงงานที่ได้รับการเลี้ยงดูจากสหพันธ์แรงงานระหว่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งกลุ่มที่นายอิสลามทำงานอยู่ด้วย

พวกเขาเคยแสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ทำไมพวกคุณพยายามที่จะทำลายเศรษฐกิจของพวกเราด้วย” เป็นคำบอกกล่าวของ อลอนโซ ซูซัน (Alongo Suson) ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานของศูนย์กลางสมานฉันท์ (Solidarity  Center) ของ AEL-CIO โดยมีศูนย์ฝึกอบรมอยู่ในเมืองหลวงดากา (Dhaka) ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก AFL-CIO องค์กรนี้ถูกมองว่าไม่จงรักภักดีต่อบ้านเมือง

ในปี  2010  คนงานในบังคลาเทศลุกฮือประท้วงเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำเป็นการสั่นสะเทือนภายในประเทศ  เจ้าหน้าที่รัฐได้ตั้งข้อกล่าวหานายอิสลาม และพวกอีก 2 คนว่า เป็นผู้ทำการต่อต้านรัฐบาล  ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง  คุกคามนายอิสลามและเจ้านายของเขามากยิ่งขึ้นเมื่อมีข่าวว่าเจ้านายของนายอิสลามมีการพบปะกันอย่างปิดลับกับผู้อำนวยการสายสืบภายในประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือ NSI (National Security Intellegent Agenoy)

เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ได้ให้สัมภาษณ์ในกรณีนี้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการตายของนายอิสลาม แต่ทว่าเพื่อนร่วมงานของนายอิสลามมีความกังวลว่า ความไม่คืบหน้าของการสอบสวนในคดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงภาวการณ์ไม่ดูแลเอาใจใส่ต่อสิทธิคนงาน “ใครเล่ามีอำนาจมากมายในประเทศนี้”  คาล  โพนา  แอกเตอร์ (Kalpona  Akter)  เพื่อนของเขาตั้งคำถาม “พวกเขาฆ่าอมินูล และไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขาได้”

 

เสียงเพื่อคนงาน (A  voice  for  workers)

นายอิสลามมีส่วนสูง 1.63 เมตร หรือ 5 ฟุต 4 นิ้ว เป็นคนจริงจัง และเคร่งศาสนามุสลิม ในเดือนกุมภาพันธ์ เขาใช้เวลา 40 วันในการออกชักชวนชาวบ้าน และส่งเสริมให้เป็นมุสลิมที่ดีในบังคลาเทศ แรงศรัทธา และวิถีชีวิตในศาสนธรรมของเขาทำให้เขาเป็นที่น่าเคารพนับถือ และมีความศรัทธาในตัวเขาในฐานะที่เป็นนักจัดตั้งแรงงาน (Labour  Organinger)

เขาเริ่มต้นจากการเป็นคนงานอยู่ที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า Shasha Danim ในย่านอุตสาหกรรมหนาแน่น เขตรอบนอกวงแหวนของเมืองทากา รถบรรทุกวิ่งอยู่บนถนนสกปรก หรือไม่ก็บนถนนไฮเวย์ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ด้วยการจราจรติดขัดอยู่หลายชั่วโมง ในช่วงการเปลี่ยนกะทำงาน คนงานหลายพันคนหลั่งไหลเข้า – ออก อาคารโรงงานคอนกรีต ซึ่งผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปยี่ห้อดังตามห้างสรรพสินค้าทั่วโลก

ที่โรงงานชาชาดานิม (Shasha  Danim) เพื่อนคนงานของนายอิสลามได้เลือกให้เขาเป็นคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ (Grievances) ของคนงานในโรงงาน เมื่อปี 2005 ถัดมาอีกหนึ่งปีบริษัทไล่เขาออกจากงาน แล้วก็แน่นอนเขาฟ้องร้องต่อศาล และชนะคดี เขาเพียงแต่พบเจ้าของโรงงานให้ปฏิบัติตามกฎหมายในการจ่ายเงินเดือนให้เขาเดือนละ 30 เหรียญสหรัฐตราบเท่าที่เขายังไม่ได้กลับเข้าทำงาน

ในการเรียนรู้สิทธิคนงาน นายอิสลามเข้ารับการอบรมกับศูนย์กลางสมานฉันท์ ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงาน 23 คนใน 4 เขตงานของบังคลาเทศ ในบังคลาเทศมีการจัดตั้งสหพันธ์แรงงาน ส่วนมากจะเป็นแนวร่วมกับพรรคการเมือง และหาสมาชิกจากหลายอุตสาหกรรมในภาครัฐ แต่ศูนย์กลางแรงงานจะรักษาระยะห่างจากสหภาพแรงงานเหล่านี้ เพราะระมัดระวังในความสัมพันธ์กับพรรคการเมือง และยังตั้งข้อสงสัยในอิทธิพลของพรรคการเมืองในอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้า

ศูนย์กลางสมานฉันท์แรงงานได้เน้นไปที่กลุ่มสหพันธ์แรงงานที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ และกลุ่มองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร ซึ่งนำโดยผู้นำแรงงานรุ่นใหม่ ในปี 2006 สองกลุ่มนี้ได้ว่าจ้างเป็นนักจัดตั้งในอาธุเลีย (Ashulia) ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งนอกรุงธากา

เขาเป็นคนที่พูดจาหนักแน่นจริงจัง และไม่มีความกลัว นางแอกเตอร์ หัวหน้าศูนย์กลางเพื่อการสมานฉันท์แรงงาน เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน เมื่อไรก็ตามที่คนงานมาหาเขา เขาจุถือเป็นภารกิจที่จะต่อสู้เหมือนเป็นปัญหาของเขาเองราวกับว่านี่เป็นความเจ็บปวดของตัวเขาเอง

ปี 2010 นักวิเคราะห์เศรษฐกิจได้ยกย่องให้บังคลาเทศเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้ายี่ห้อดังระดับโลกให้สามารถแสวงหาความได้เปรียบจากประเทศที่มีแรงงานราคาถูก คนงานบังคลาเทศทุกข์ยาก เดือดร้อนเพราะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำในอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าแค่ 166.50 ทากา ไม่รวมการทำงานล่วงเวลา (Over time) และเงินค่าตอบแทนพิเศษ (Bonuses) ภาวะเงินเฟ้อทะยานขึ้นสูง และการประท้วงเริ่มล้นทะลัก (Spillout) ออกจากโรงงานในเขตอุตสาหกรรมรอบนอกกรุงธากา

นายอิสลามพยายามที่จะไกล่เกลี่ยคู่กรณี (นายจ้าง – ลูกจ้าง) คนงานคนหนึ่งกล่าวว่า เขาร้องขอคนงานไม่ให้ทำลายทรัพย์สินระหว่างที่มีการประท้วง เจ้าหน้าที่สืบราชการลับคนหนึ่งกล่าวถึงแนวโน้มที่ว่า นายอิสลามจะประสบผลสำเร็จในการขยายงานรวมกลุ่มคนงานเข้าเป็นสมาชิกในสังกัดของ AFL-CIO

เดือนเมษายน, บาบูล อาคเตอร์ (Babul  Akhter) หัวหน้ากลุ่มแรงงานกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า หน่วยสืบราชการลับคนหนึ่งได้เตือนเขาว่าให้หยุดพูดคุยเรื่องสิทธิแรงงานกับคนงาน มิเช่นนั้นอาจโดนเล่นงานอย่างแรง

นายแอคเตอร์หวนนึกถึงสิ่งที่เคยได้ยืนเป็นคำถามที่ว่า “ทำไมพวกคุณ และนายอนิมูลต้องไปพูดคุยกับคนงานด้วย” เขาเคยถูกตั้งคำถามอีกว่า พวกคุณมีสิทธิที่จะทำงานแบบนี้ด้วยหรือ

เมื่อการประท้วงยังดำเนินต่อไปในปี 2010 เจ้าหน้าที่รัฐได้เพิกถอนการจดทะเบียนของศูนย์กลางเพื่อการสมานฉันท์ของคนงาน (Center for Workers Solidarity) เป็นองค์กรที่ว่าจ้างนายอิสลาม มีนางแอคเตอร์ และนายบาบูล อาคเตอร์ เป็นนายจ้าง

นางแอคเตอร์ และนายบาบูล  อาคเตอร์ ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้ยุยงคนงานก่อการจลาจล เขาปฏิเสธข้อกล่าวหา และตีความว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายล้างขบวนการคนงานของพวกเขา นายอิสลามเจอข้อหาแบบเดียวกัน

“แต่ที่เป็นการข่มขู่ที่ไร้ยางอายที่สุดก็คือ ในเดือนมิถุนายน เมื่อนายอิสลามถูกลักพาตัวไป และถูกซ้อมทุบตี โดยกลุ่มอันธพาล นำโดยหน่วยงานความมั่นคง N.S.I” ครอบครัวและเพื่อนของนายอิสลามกล่าว

เขาบอกกับเพื่อนที่ใกล้ชิดคนหนึ่งว่าเขาถูกลักพาตัวไปทางตอนเหนือของกรุงธากา และถูกทุบตี เขาบอกว่าเขาถูกบังคับให้เซ็นต์ในเอกสารปรักปรำเพื่อนร่วมงาน กระทั่งข่มขู่จะฆ่าเขา และครอบครัวของเขา ก่อนที่นายอิสลามจะจัดการหลบหนีออกมาได้

 

การพักรบอย่างปิดลับ

คนงานได้รับชัยชนะส่วนหนึ่งหลังจากก่อการจลาจลในปี 2010 เมื่อนายกรัฐมนตรีธาสินา วาเซ็ด เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในระดับเดือนละ 3,000 บาท นักกิจกรรมแรงงานจำนวนมากเชื่อว่าขั้นตอนต่อไปของรัฐบาลคือการกำจัดการรวมตัวของคนงาน การควบคุมการประท้วงบนท้องถนนให้น้อยลง พวกเขาโต้แย้งต่อรัฐบาลว่า หากคนงานได้รับความเป็นธรรม กระบวนการยุติธรรมไม่เอียงข้างจะแก้ไขข้อพิพาทแรงงานได้ดี

แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่รัฐฯกลับเข้มงวด กวดขัน มีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษของรัฐบาลใช้ชื่อว่า กลุ่มผู้นำการจัดการวิกฤติการณ์ เพื่อคอยดูแลอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้า มีการจัดตั้งตำรวจอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ถูกสร้างขึ้นมาขยายขอบเขตอำนาจสายสืบและเข้าจัดการความไม่สงบของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม

หลังจากความยากลำบากแสนสาหัน (Ordeal) นายอิสลามเริ่มลดบทบาทของเจา กัลป์ปานา อาคเตอร์ จากศูนย์กลางเพื่อการสมานฉันท์แรงงานบังคลาเทศกล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคง NSI เคยเรียกเธอไปพบอยู่เสมอเพื่อให้เธอโยกย้ายนายอิสลามออกไปทำงานในพื้นที่อุตสาหกรรมที่เงียบสงบกว่านี้ เพราะต้องการให้ตัวเขาห่างออกไปจากการประท้วงในแอสซุนเลีย (Ashulia) ครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขาว่า อยากจะลาออกจากงานไหม ?

เขาตอบว่า “ไม่, ผมต้องการทำงาน เพราะมันคืออารมณ์ ความรู้สึกหยั่งลึกของตัวผม” เธอกล่าวหวนรำลึกถึงตัวเขา

ในที่สุดช่วงปลายปี 2010 คนกลางคนหนึ่งจัดประชุมลับ ซึ่งมีนายอิสลาม และผู้อำนวยการ NSI การประชุมนี้ยืนยันโดยคนงาน 3 คนซึ่งรับรู้เรื่องนี้ เป็นความพยายามที่จะจัดการให้นายอิสลามสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย ผู้อำนวยการให้เบอร์มือถือของเขาไว้กับนายอิสลามเพื่อไว้ติดต่อหามีปัญหาเกิดขึ้น

แต่ว่าในเดือนมีนาคม มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 12 คน นำตัวนายอิสลามไป ครอบครัวและเพื่อนคนงานของเขากล่าวว่า เขาไปอยู่หลายชั่วโมง โดยตำรวจอุตสาหกรรมได้สอบถามเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่า เขากำลังรวบรวมคนงานถึง 10,000 คน เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมของพรรคฝ่ายค้านในวันที่ 12 มีนาคม นายอิสลามปฏิเสธข่าวดังกล่าว เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เขาจากไป แต่ขอร้องให้เขามาที่สถานีตำรวจในวันที่มีการชุมนุม

โดยคร่าว ๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน การประท้วงที่แอสซุนเลีย ได้ทำให้โรงงานซานครา เดนิม (Shanta Danim) กลายเป็นอัมพาต หยุดผลิตเสื้อผ้ายี่ห้อไนกี้ (Nike) ทอมมีซีฟิเกอร์ (Tommy  Hilfiger) อเมริกันอีเกิ้ล (American Eagle) และอีกหลายยี่ห้อดังระดับโลก การเผชิญหน้าระเบิดขึ้น เมื่อนายจ้างปฏิเสธที่จะอนุญาตให้คนงานได้หยุดพักกลางวันเพื่อชมการแข่งขันชิงแชมป์ของทีมชาติ กีฬาคลิกเก็ตระดับเอเชีย ซึ่งเป็นปัญหาที่งอกเงยขึ้นมาต่างหากจากเรื่องค่าจ้าง การลวนลามทางเพศ และปัญหาอื่น ๆ

คนงานพบว่านายอิสลามเริ่มแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับสูงเพื่อจะเป็นตัวกลางจัดการกับปัญหา ในช่วงก่อนค่ำของวันที่ 4 เมษายน นายอิสลามได้เจรจาเป็นที่ยุติได้ เช้าวันต่อมาคนงานก็กลับเข้าทำงานในโรงงาน หลังจากนี้นายอิสลามหายตัวไป

 

หลักฐานจากหลุมฝังศพ (Evidence from a grave)

สองวันต่อมา รูปถ่ายปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เอม่าเดส (Amar Desh) ซึ่งเผยแพร่ในหมู่บ้านของนายอิสลาม มันเป็นภาพคนตายที่ไม่ระบุว่าเป็นใคร ตำรวจในแทงเกิ้ล (Tangail) พบศพของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองธากา 80 กิโลเมตร หรือราว 50 ไมล์ ชาวบ้านคนหนึ่งนำหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไปให้ครอบครัวในหมู่บ้านของเขาดู

เมื่อครอบครัวของเขามาถึงที่แทงเกิ้ล ตำรวจได้ฝังศพเขาในหลุมฝังศพอนาถา ศพถูกขุดขึ้นมา และแสดงให้เห็นหลักฐานการถูกทุบตี ภาพของตำรวจปรากฏสภาพหัวเขาถูกทุบตี  ข้อเท้าแตกหัก บางคนได้ตัด หรือเจาะรูใต้เข่าขวา นายแพทย์ได้รายงานว่าเขาเสียเลือดมากจนเสียชีวิต

นางอาคเตอร์กล่าวว่า การทรมานแบบนี้แน่นอนว่าเป็นการกระทำของทีมสังหารมืออาชีพ

การทรมาน และการวิสามัญฆาตรกรรม มีรายงานของกลุ่มวิกฤติการณ์สากล (International Crisis Group) ว่า ตำรวจบังคลาเทศมีเชื่อเสียงกระฉ่อนในเรื่องความป่าเถื่อน โหดร้าย (Brutality) การทุจริตคอรัปชั่น และไร้ความสามารถ (Incompetence) บ่อยครั้งที่รายงานระบุว่ากองกำลังความมั่นคงเป็นผู้รับคำสั่งจากพวกกลุ่มผลประโยชน์ทรงอิทธิพล

นักธุรกิจผู้มั่งคั่งมีประวัติความเป็นมาในการซื้อตำรวจเอาไว้ใช้งาน เพื่อเพิ่มผลกำไร รายงานยังอ้างถึงทนายความสิทธิมนุษยชนคนหนึ่งที่เคยร้องเรียน ในบางกรณีที่นายจ้างโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับคนงานที่กำลังประท้วง เพราะนายจ้างจ่ายค่าจ้างล่าช้าให้กลับเข้าทำงาน

ในปี 2007 และ ปี 2008 เมื่อทหารสนับสนุนรัฐบาลรักษาการปกครองบังคลาเทศ ประชาชนอย่างน้อย 297 คนตายโดยการวิสามัญฆาตรกรรม  รายงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชน ออดิการ์ (Odhikar) ในปี 2009 นางฮาสินา (Mr.Hasina) สัญญาว่าจะปฏิรูปประชาธิปไตย และยุติการเข่นฆ่า

แต่ว่าเกือบสี่ปีต่อมา ความก้าวหน้าที่ต้องหยุดชะงักลงในเดือนมกราคม องค์กรเฝ้าดูสิทธิมนุษยชน (Human  Rights  Watch)  ตั้งข้อสังเกตว่ากองกำลังความมั่นคงในบังคลาเทศยังคงอยู่เหนือกฎหมาย และยังระบุอีกว่า ได้เกิดปัญหาใหม่ที่ว่า “การบังคับให้หายสาบสูญ (Enforced disappearances) ซึ่งมีจำนวนผู้สูญหายมากขึ้น หลังจากถูกลักพาตัวไป (Abduct)

เพื่อนคนงานของนายอิสลามเชื่อว่า กรณีของเขาเป็นไปตามรูปแบบที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิเสธว่าหน่วยงานความมั่นคงไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องนี้ ในเดือนกรกฎาคม นางฮาสินา ดูเหมือนว่าจะกังวลใจกับการเคลื่อนไหวภายนอกประเทศเธอกล่าวว่าไม่พบข้อสงสัยเชื่อมดยงกับหน่วยงานความมั่นคง และภาพพจน์ของนายอิสลามไม่ใช่ผู้นำแรงงาน เพราะเขาทำงานให้กับองค์กรพัฒนาเอกชน “ทำไมคุณไม่แจ้งให้สถานทูตในประเทศตะวันตกรู้ว่า อมินูลไม่ใช่ผู้นำแรงงาน”  เธอกล่าวไว้โดยการรายงานข่าวของ The Inde pendent

ชายลึกลับคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้คือนายมุสตาฟิส ราห์มาน (Mustafiz Rahman) ผู้ชายซึ่งตามหานายอิสลามให้ช่วยเขาจัดงานแต่งงานในตอนกลางคืนที่นายอิสลามหายตัวไป เพื่อนคนงานนายอิสลามกล่าวว่า นายราห์มานนั้นมีความสัมพันธ์อยู่กับ กองกำลังหน่วยงานความมั่นคงในขณที่หนังสือพิมพ์นิวเอจ (New Age) วิเคราะห์ว่านายราห์มานได้ช่วยตำรวจในการจับกุมนักจัดตั้งแรงงาน และเขาเคยปรากฏตัวในหน่วยสายสืบ อีกทั้งหลังจากนายอิสลามหายตัวไปยังไม่มีใครได้พบเห็นตัวเขาอีกเลย

ผู้นำแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในบังคลาเทศได้ประณามการฆ่านายอิสลามตาย แต่ก็ยังต่อว่างทางศูนย์กลางเพื่อการสมานฉันท์คนงาน และสหภาพแรงงานในสังกัดยังหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้ในเรื่องนี้ภายในประเทศ พวกเขาไม่ยอมทำอะไรในระดับพื้นฐาน ได้แต่มองหาความช่วยเหลือจากต่างประเทศ

รอย ราเมช จันทรา (Roy  Ramesh Chantra) หัวหน้าสหพันธ์แรงงานใหญ่ที่สุดในบังคลาเทศ ซึ่งเป็นองค์กรอยู่ข้างรัฐบาลกล่าวว่า “พวกเขาเพียงแค่เรียกร้องการสมานฉันท์จากภายนอกพวกนี้เพียงแค่ส่งอีเมลล์เพื่อทำลายอุตสาหกรรม และภาพพจน์ของประเทศแม้กระทั่งทำลายสหภาพแรงงานอีกด้วย”

ความเกี่ยวข้องในแง่ภาพพจน์ของประเทศนี่แหละที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้สนับสนุนนายอิสลาม เชื่อว่ารัฐบาลอาจมองว่าตัวเขาคือภัยคุกคาม (ของรัฐ) เขาเคยบันทึกเรื่องการถูกลักพาตัว และถูกทรมาน เผยแพร่ในเวปไซค์แรงงาน เมื่อปี 2010 ในปีนี้เขายังได้ช่วยดำเนินการให้สำนักข่าว ABC ในสหรัฐอเมริกาทำข่าวเกี่ยวกับสภาพการทำงานไม่ปลอดภัยในดรงงานเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานผู้ผลิตเสื้อผ้าทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ เป็นเหตุให้คนงานเสียชีวิต 29 คน

นายอิสลามอาศัยอยู่ในฮิโจฮาติ (Hijolhati) หมู่บ้านเล็ก ๆ เขียวขจี ใช้เวลาแค่ชั่วดมงเดียวในการขับรถจากแอสฮุนเลีย ภรรยาหม้ายนางฮอสนี่ เอร่า บักัม ฟาอิมา ยังอาศัยอยู่ในกระท่อมคอนกรีต ศพของนายอิสลามฝังอยู่ที่นั่นในสนามหลังบ้านดกโรโกโส

นางฟาฮิมา อายุ 32 ปี ยังว่างงาน และวิตกกังวลในอนาคตของลูก ๆ เธอยังทุกข์ระทรมจากความทรงจำ เพมื่อมีโทรศัพท์จากตำรวจและสายสืบตอนกลางคืน เธอไม่รุ้ว่าใครคือคนฆ่าสามีเธอ แต่ว่าในคืนที่เขาหายตัวไป เธอตื่นจากฝันร้าย เธอเห็นสามีร้องให้ล้อมรอบด้วยกองกำลังจากหน่วยความมั่นคง

อมินูลเคยทำงานเพื่อสิทธิของคนงานในโรงงาน “ฉันคิดว่านี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมต้องฆ่าเขา”

 

Julfikar  Ali  Manik  ช่วยเขียนรายงาน

หนังสือพิมพ์  International  Herald  Tribune

11  กันยายน  2012

ภาษาไทยโดย ... สมยศ  พฤกษาเกษมสุข

20  กันยายน  2555

 

หมายเหตุ: ภาพประกอบจาก Free Somyot


บรรยายภาพ: Kim Ae Hwa - Korean activist represented Unified Progressive Party, Korea extended the international solidarity to free somyot and all political prisoners in Thailand



 

<she attended the 24 June- 80 years celebration of democracy in Thailand.>

 

 

ความเห็น

สามปีแล้วพ่อไม่ได้กลับบ้าน

หมายเหตุ -  ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข หรือ ไทบุตรชายของสมยศ พฤกษาเกษมสุข อ่านบทความของพ่อชิ้นนี้ภายในงานเสวนา “การปฏิรูปกระบวนการประกันตัวของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของชาติ” ที่จัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีแห่งการถูกคุมขังของสมยศ จัดที่มหาวิทยาธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2557